วิสัยทัศน์เพื่อขับเคลื่อนภารกิจของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, (2561)

วิสัยทัศน์เพื่อขับเคลื่อนภารกิจของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (พ.ศ. 2561) เน้นการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย โดยมุ่งหวังที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของประเทศ ผ่านการบูรณาการของการพัฒนาเศรษฐกิจ การส่งเสริมสังคมที่ยั่งยืน และการสร้างความโปร่งใสในการทำงานของรัฐบาล ซึ่งวิสัยทัศน์นี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนประเทศให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน ในขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความเท่าเทียมและความยั่งยืนในทุกมิติของสังคม

Abstract

The Vision to Drive the Mission of the Office of the National Economic and Social Development Council (NESDC) of Thailand (2018) focuses on achieving a balance between economic and social development. It aims to improve the quality of life for the people and enhance the well-being of the country through the integration of economic growth, sustainable social development, and promoting government transparency. This vision reflects a commitment to driving the country toward stable and sustainable growth while emphasizing equality and sustainability across all dimensions of society.

1. วิสัยทัศน์เพื่อขับเคลื่อนภารกิจของส านักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อให้ สศช.สามารถด าเนินการใน ๓ ภารกิจหลักคือการเป็นหน่วยงานยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาประเทศ การเป็นหน่วยงานข้อมูล
เศรษฐกิจและสังคมเชิงลึก และการเป็นหน่วยงานความรู้สมัยใหม่ ภายใต้บริบทของยุทธศาสตร์ชาติ ๒o ปี และแผนปฏิรูปประเทศ
เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูง วิสัยทัศน์เพื่อขับเคลื่อนภารกิจดังกล่าวของ สศช.มีดังนี้
๑.ยกระดับ สศช.ให้เป็นองค์กรที่ชาญฉลาด (Smart Organization) เป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยความรู้และเชื่อมโยงเป็น
เครือข่ายโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีการปรับตัวอย่างเป็นพลวัตรต่อรูปแบบใหม่ๆขององค์กรและการปฏิบัติต่างๆ
มีการเรียนรู้และตื่นตัวของความสามารถในการสร้างและใช้ประโยชน์จากโอกาสต่างๆที่เกิดจากเศรษฐกิจยุคใหม่ โดยการปรับ
โครงสร้างองค์กรให้สอดคล้องกับภารกิจใหม่ มีบุคลากรที่มีสมรรถนะสูงหลากหลายสาขาตลอดทั้งมีการจัดท าเส้นทางอาชีพ
(Career Path) ที่ชัดเจน ปรับปรุง/เพิ่มเติมกลไกการพัฒนาระดับชาติที่เน้นความเชื่อมโยงระหว่างสาขา (Cross-Sectoral
Committee) ให้มากขึ้น และจัดท ากลไกการพัฒนาเชิงพื้นที่ เช่น คณะกรรมการพัฒนาเมืองแห่งชาติและจัดท านโยบาย/
ยุทธศาสตร์ความเป็นเมืองแห่งชาติ รวมทั้งจัดท าแนวทางการพัฒนาระบบเมืองที่แสดงถึงความเชื่อมโยงตามล าดับชั้นของเมือง
(Urban Hierarchy) ซึ่งควรประกอบด้วยเมืองหลวง เมืองหลัก เมืองรอง เมืองชายแดน และเมืองตามแนวพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจ
ตลอดทั้งควรพิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาชนบทแห่งชาติ เป็นต้น
๒.การด าเนินการภารกิจห้องปฏิบัติการอนาคต (Future Lab) โดยการศึกษาวิจัยและแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบริบทการ
เปลี่ยนแปลงในอนาคตในทุกมิติกับองค์กรเครือข่ายทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศเพื่อใช้ประโยชน์ส าหรับการจัดท า
นโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศระยะยาว ตลอดทั้งประสานหน่วยงานเครือข่ายภายในประเทศเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนา
อย่างบูรณาการ ซึ่งสามารถด าเนินการได้ในรูปแบบการสัมมนา ฝึกอบรม ดูงานและวิจัยร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง
๓.การด าเนินการภารกิจห้องปฏิบัติการนโยบาย (Policy Lab) เน้นการใช้เครื่องมือการวิเคราะห์นโยบาย (Policy Analysis)
และเครื่องมือการวางแผนด้วยสถานการณ์ (Scenario Planning) เพื่อพัฒนาและจัดท าทางเลือกของนโยบายและการทดลองน า
นโยบายไปปฏิบัติให้มากขึ้น และท าการศึกษาวิจัยเพื่อก าหนดนโยบาย เช่น การลดความเหลื่อมล้ าการพัฒนาเชิงพื้นที่ การสร้าง
ความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากและเศรษฐกิจชุมชน การเชื่อมโยงการพัฒนาตามแนวพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศ การ
จัดการเศรษฐกิจนอกระบบ การเชื่อมโยงด้านการพัฒนาเมืองและชนบท การจัดบริการทางการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน
(Micro Credit) แรงงานเข้าเมืองผิดกฎหมาย ผลกระทบของโลกาภิวัฒน์และการเปิดเสรีทางการค้าระดับพหุภาคีและระดับภูมิภาค
ต่อเศรษฐกิจภายในประเทศและการลดความยากจน การจัดการดูแลผู้สูงอายุ การพัฒนาห่วงโซ่อุปทานส าหรับภาคเกษตร
อุตสาหกรรมและบริการ และการบรรเทาและการปรับตัวของเมืองและชุมชนจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เป็นต้น
๔.ใช้เครื่องมือในการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ซับซ้อนและทันสมัยให้มากขึ้น เช่น การปรับเปลี่ยนวิธีการ
วางแผนที่ใช้อยู่ในปัจจุบันซึ่งเป็นเหตุเป็นผลและครอบคลุมกว้างหรือการวางแผนแบบการวิเคราะห์ (Analytical Planning) ไปสู่
การคิดหรือการวางแผนส าหรับสังคมหรือโลกที่ซับซ้อน (Systemic Planning) รวมทั้งการใช้เครื่องมือการวางแผนด้วยสถานการณ์
(Scenario Planning) เพื่อการก าหนดนโยบายหรือยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศในระยะปานกลางและระยะยาว
๕.วิเคราะห์การใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการลงทุนภาครัฐโดยจ าแนกตามมหภาคเชิงพื้น (Macro-Spatial) ออกเป็นรายภาคและ
แต่ละภาคแบ่งย่อยเป็นระหว่างพื้นที่เมืองและพื้นที่ชนบท เพื่อเปรียบเทียบการใช้จ่ายงบประมาณและการลงทุนของภาครัฐเพื่อ
ส่งเสริมการกระจายงบประมาณอย่างเป็นธรรมและคุ้มค่า ลดความเหลื่อมล้ าด้านการพัฒนาระหว่างภาค และส่งเสริมการบูรณาการ
การพัฒนาเมืองและชนบทอย่างยั่งยืน รวมทั้งหลีกเลี่ยงการกระจุกตัวของงบลงทุนภาครัฐที่เน้นพัฒนาในพื้นที่เมือง (Urban Bias)
๖.บูรณาการการบริหารจัดการเศรษฐกิจนอกระบบ เนื่องจากเป็นระบบเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่และมีความซับซ้อนแต่ได้สร้างผลิต
ภาพต่อระบบเศรษฐกิจหลักของประเทศและมีผลกระทบโดยตรงต่อการลดความยากจน จึงควรจัดท าฐานข้อมูลผู้ประกอบธุรกิจอยู่
ในเศรษฐกิจนอกระบบทุกประเภทและบริหารจัดการเพื่อสร้างความเป็นธรรมและสร้างความมั่นคงในชีวิตให้คนกลุ่มใหญ่ของ
สังคมไทยและค่อยๆปรับเปลี่ยนเป็นธุรกิจแบบเป็นทางการ ตลอดทั้งเสริมสร้างโอกาสในการเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจแบบเป็นทางการ
๗.ผลักดันการปรับปรุงแก้ไขหรือปฏิรูปกฎระเบียบหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่างๆที่เป็นอุปสรรคของคนจน คนด้อยโอกาสในการ
เข้าถึงและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ และจัดท าความรายงานก้าวหน้าด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อมรายไตรมาส เพื่อเผยแพร่และสร้างความตระหนักของสาธารณะถึงสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมและการส่งเสริมแนวทางการจัดการที่เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน
๘.เร่งแปลงยุทธศาสตร์ชาติ ๒oปีและแผนปฏิรูปประเทศสู่การปฏิบัติเชิงพื้นที่ เพื่อเป็นแผนชี้น าการพัฒนาระยะยาวที่มีความ
ต่อเนื่องและส่งเสริมบทบาทของอ าเภอและจังหวัดให้เป็นศูนย์กลางการบูรณาการแผนพัฒนาทั้งจากบนลงล่างและจากล่างขึ้นบน
โดย ดร.เชิญ ไกรนรา