Cloud computing and mmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm

SumethSanguansuk 1 views 34 slides Aug 30, 2025
Slide 1
Slide 1 of 34
Slide 1
1
Slide 2
2
Slide 3
3
Slide 4
4
Slide 5
5
Slide 6
6
Slide 7
7
Slide 8
8
Slide 9
9
Slide 10
10
Slide 11
11
Slide 12
12
Slide 13
13
Slide 14
14
Slide 15
15
Slide 16
16
Slide 17
17
Slide 18
18
Slide 19
19
Slide 20
20
Slide 21
21
Slide 22
22
Slide 23
23
Slide 24
24
Slide 25
25
Slide 26
26
Slide 27
27
Slide 28
28
Slide 29
29
Slide 30
30
Slide 31
31
Slide 32
32
Slide 33
33
Slide 34
34

About This Presentation

Cloud computing


Slide Content

การประมวลผลแบบคลาวด์ ( Cloud Computing)

การประมวลผลแบบคลาวด์ เป็นรูปแบบ หนึ่งของการให้บริการทรัพยากรคอมพิวเตอร์ผ่าน เครือข่ายอินเทอร์เน็ต เช่น หน่วยประมวลผล หน่วย ความจํา พื้นที่เก็บข้อมูล ซอฟต์แวร์ ซึ่งอํานวยความ สะดวกให้ผู้ใช้สามารถใช้งานทรัพยากรเหล่านั้นได้ ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องสนใจว่าทรัพยากรที่ใช้นั้น อยู่ที่ใด ไกลจากผู้ใช้มากแค่ไหน

การใช้บริการการประมวลผลแบบคลาวด์ เปรียบเหมือนกับการที่เราใช้บริการสาธารณูปโภค พื้นฐาน เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา ซึ่งผู้ใช้เพียงแค่เปิด สวิตช์ไฟ หรือก๊อกน้ำ โดยไม่จําเป็นต้องรู้ว่าโรงผลิต ไฟฟ้าและน้ำประปาอยู่ที่ใด เพียงแต่ต้องจ่ายค่าบริการแก่บริษัทที่ผลิตไฟฟ้าและน้ําประปา ตามปริมาณที่ใช้

เราสามารถใช้บริการการประมวลผลแบบคลาวด์ผ่านอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต โดยเรียกใช้ บริการผ่านเบราว์เซอร์ หรือแอปพลิเคชันที่ติดตั้งอยู่ ในอุปกรณ์เหล่านั้น

เมื่อเราใช้บริการการประมวลผลแบบคลาวด์ เช่น แชร์ภาพบนเครือข่ายสังคม ไฟล์ภาพนั้นไม่ได้ ถูกนําไปเก็บในกลุ่มก้อนเมฆ ( cloud) หรือบนอากาศ เหมือนชื่อที่เรียก แต่ไฟล์ภาพนั้นจะถูกเก็บอยู่ในศูนย์ข้อมูล ( data Center) ของผู้ให้บริการ ( cloud Service provider)

ศูนย์ของผู้ให้บริการ ข้อมูล ประกอบไปด้วยคอมพิวเตอร์ จํานวนมากที่เชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย ซึ่งผู้ใช้ บริการสามารถเรียกดูภาพนั้นได้ตลอดเวลา

นอกจากตัวเราแล้วจะมีผู้ใช้คนอื่น ๆ อีกเป็น จํานวนมากที่แชร์ภาพบนเครือข่ายสังคมเช่นเดียวกัน และไฟล์ภาพของบุคคลเหล่านั้นก็อาจเก็บ อยู่ที่ศูนย์คอมพิวเตอร์ที่เดียวกับที่เก็บไฟล์ภาพของ เราซึ่งผู้ให้บริการจะต้องมีกระบวนการตรวจสอบว่า ใครเป็นเจ้าของไฟล์ภาพโดยใช้ชื่อผู้ใช้ ( username) และรหัสผ่าน ( password)

ประวัติ ของการประมวลผลแบบคลาวด์

อินเทอร์เน็ตมีรากฐานมาตั้งแต่ปี 1960 แต่เข้ามามีบทบาทในธุรกิจในปี 1990 เวิร์ลไวด์เว็บถือกำเนิดขึ้นในปี 1991 และในปี 1993 เบราว์เซอร์เว็บที่มีชื่อว่า Mosaic ก็ได้เปิดตัวขึ้นพร้อมอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถดูหน้าเว็บที่มีกราฟิกต่างๆ ซึ่งรวมถึงข้อความด้วย ถือเป็นการประกาศเกี่ยวกับเว็บไซต์บริษัทเว็บไซต์แรก ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยที่เว็บไซต์เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี

ในขณะที่การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีความเร็วมากขึ้นและน่าเชื่อถือขึ้น บริษัทชนิดใหม่ที่เรียกว่าผู้ให้บริการแอปพลิเคชันหรือ ASP ก็เริ่มที่จะปรากฏให้เห็นมากขึ้น ASP จะใช้แอปพลิเคชันของธุรกิจที่มีอยู่แล้ว จากนั้นคอยควบคุมดูแลแอปพลิเคชันเหล่านั้นให้กับลูกค้าของพวกเขา ASP จะซื้อฮาร์ดแวร์การประมวลผลแล้วปล่อยให้แอปพลิเคชันทำงานอย่างต่อเนื่อง และลูกค้าจะจ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือนเพื่อให้สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันเหล่านั้นได้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต

แต่ต้องรอจนกระทั่งปลายปี 1990 การประมวลผลแบบคลาวด์ที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้จึงได้ปรากฏตัวขึ้น นั่นเป็นเวลาที่ salesforce.com ได้เปิดตัวแอปพลิเคชันที่สามารถรองรับผู้เช่าได้หลายบริษัทซึ่งได้รับการออกแบบมา : - ให้ทำงาน"ในระบบคลาวด์" - เพื่อให้สามารถเข้าถึงได้ผ่านอินเทอร์เน็ตโดยใช้เว็บเบราว์เซอร์ - และเพื่อให้ลูกค้าจำนวนมากสามารถใช้งานได้พร้อมๆ กันโดยมีต้นทุนที่ตํ่า

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ระบบคลาวด์ได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2013 การใช้จ่ายเกี่ยวกับบริการบนคลาวด์ทั่วโลกสูงถึง 47,000,000,000 เหรียญสหรัฐ และยอดการใช้จ่ายดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นเป็นสองเท่ากว่า 108,000,000,000 เหรียญสหรัฐในปี 2017 เนื่องจากบริษัทต่างๆ ลงทุนในบริการคลาวด์เพื่อให้เป็นรากฐานสำหรับการแข่งขันทางธุรกิจยุคใหม่

คุณลักษณะของ C loud C omputin g

On-demand self- serviceCloud Computing ต้องสามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง ตามความต้องการของผู้ใช้บริการ 1

Broad Network AccessCloud Computing ต้องสามารถเข้าถึงได้จากที่ใดก็ได้ โดยไม่มีข้อจำกัดของสถานที่และอุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่อ 2

Resource PoolingCloud Computing ต้องสามารถนำทรัพยากรมารวมกันและใช้งานร่วมกันได้ 3

Rapid ElasticityCloud Computing ต้องมีความยืดหยุ่นสูง สามารถเพิ่มลดทรัพยากรได้ทันที โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องปริมาณและระยะเวลา 4

Measured ServiceCloud Computing ต้องสามารถวัดปริมาณการใช้งานได้ และสามารถคิดค่าใช้งานได้ตามการใช้งานจริง 5

ประเภทของ Cloud Technology

P rivate C loud P ublic C loud H ybrid C loud C ommunity C loud แบ่งตามรูปแบบการใช้งาน

P rivate C loud เป็นการใช้งานภายในองค์กร สำหรับองค์กรใดองค์กรหนึ่งผู้ใช้บริการเป็นผู้บริหารจัดการระบบ สามารถปรับเปลี่ยนระบบต่างๆได้ด้วยตนเองผู้ให้บริการจะมีหน้าที่ติดตั้งและดูแลรักษาให้เท่านั้นข้อดีของบริการนี้คือมีความปลอดภัยสูงสุด

บริการ Cloud แบบกลุ่ม ประกอบไปด้วย Private Cloud ตั้งแต่ 2 ขึ้นไป ซึ่งมีการกำหนดข้อตกลงและแชร์ข้อมูลร่วมกัน C ommunity C loud

เป็นบริการเข้าถึงข้อมูลผ่านเครือข่ายสาธารณะ โดยปกติจะใช้งานผ่านผู้ให้บริการซึ่งให้บริการผ่านเครือข่ายสาธารณะ จุดเด่นของบริการนี้คือ ประสิทธิภาพสูงและต้นทุนต่ำ P ublic C loud

เป็นการผสมผสานกันระหว่าง Private Cloud และ Public Cloud โดยการนำข้อดีของ H ybrid C loud

01 02 03 แบ่งตามรูปแบบการให้บริการ SaaS (Software as a service) PaaS (Platform as a service) IaaS (Infrastructure as a Service)

1 SaaS (Software as a service) เป็นรูปแบบการให้บริการใช้ซอฟต์แวร์หรือแอพพลิเคชัน ผู้ใช้สามารถใช้บริการได้โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ ผ่านผู้ให้บริการ เช่น Google Document, Office365, Gmail เป็นต้น

2 PaaS (Platform as a service) เป็นรูปแบบการให้บริการแพลตฟอร์ม สำหรับนักพัฒนาในการพัฒนาโปรแกรม เช่น บริการ Google App Engine, Azure DB และ Amazon RDS เป็นต้น

3 IaaS (Infrastructure as a Service) เป็นรูปแบบการให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน การประมวลผล Storage และ Network เป็นต้น ตัวอย่างผู้ให้บริการเช่น Azure, AWS และ Netway Cloud เป็นต้น

ประโยชน์ของ Cloud Computing

1. ประหยัดการลงทุนทรัพยากรคอมพิวเตอร์ เพราะใช้รูปแบบบริการแบบเช่าผ่านผู้ให้บริการ สามารถใช้บริการได้เท่าที่ต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้ง พัฒนาและขึ้นระบบเองทั้งหมด

2. สามารถสร้างระบบใหม่ขึ้นมาทันที ผู้ให้บริการจะจัดเตรียมทรัพยากรเพื่อรองรับผู้ใช้บริการ การสร้างและลบจึงสามารถทำได้ทันที โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา

3. เพิ่มขนาดทรัพยากรได้ง่ายดายและรวดเร็ว ตามปริมาณการใช้งานหรือลดการใช้งานของผู้ที่ต้องการใช้

4. เข้าถึงบริการได้จากทุกที่ ด้วยการเชื่อมต่อข้อมูลผ่านเครือข่าย Internet ผ่านผู้ให้บริการจึงไม่มีข้อจำกัดเรื่องสถานที่และอุปกรณ์

5. ลดปัญหาการดูแลระบบ เนื่องจากบริการเป็นรูปแบบของการเช่าใช้ จึงเป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการที่จะต้องดูแลระบบแทน ซึ่งจะช่วยลดทั้งความยุ่งยากของการดูแลและลดจำนวนบุคลากรที่ต้องจ้างมาเพื่อมาดูแลระบบ
Tags