Industry insight-Construction and Building Materials-20251030.pdf แนวโน้มภาคก่อสร้าง และทิศทางตลาดวัสดุก่อสร้างในปี 2026

SCBEICSCB 63 views 43 slides Oct 30, 2025
Slide 1
Slide 1 of 43
Slide 1
1
Slide 2
2
Slide 3
3
Slide 4
4
Slide 5
5
Slide 6
6
Slide 7
7
Slide 8
8
Slide 9
9
Slide 10
10
Slide 11
11
Slide 12
12
Slide 13
13
Slide 14
14
Slide 15
15
Slide 16
16
Slide 17
17
Slide 18
18
Slide 19
19
Slide 20
20
Slide 21
21
Slide 22
22
Slide 23
23
Slide 24
24
Slide 25
25
Slide 26
26
Slide 27
27
Slide 28
28
Slide 29
29
Slide 30
30
Slide 31
31
Slide 32
32
Slide 33
33
Slide 34
34
Slide 35
35
Slide 36
36
Slide 37
37
Slide 38
38
Slide 39
39
Slide 40
40
Slide 41
41
Slide 42
42
Slide 43
43

About This Presentation

ภาพรวมมูลค่าธุรกิจก่อสร้าง 2026
ภาพรวมมูลค่าอุตสาหกรรมก่อสร้างในปี 2026 มีแนวโน้มทรงตัว อยู่ที่ 1.41 ล้านล้านบาท �...


Slide Content

1
Construction &
Building Materials
แนวโน้มภาคก่อสร้าง และทิศทางตลาดวัสดุก่อสร้าง
ในปี 2026
SCB EIC Industry insight
October2025

2
SCB EIC Industry insight : Construction and Building materials
Construction & Building Materials
มูลค่าอุตสาหกรรมก่อสร้างในปี 2026 มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ที่ 1.41 ล้านล้านบาท
โดยการก่อสร้างภาครัฐเผชิญแรงกดดันจากกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่าย
ปีงบประมาณ 2026 ในส่วนของวงเงินงบลงทุนลดลงจากปีงบประมาณ 2025
ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการเมือง อย่างไรก็ดี Mega project ที่ก าลังด าเนินการ
มีความคืบหน้า รวมถึงในปี2026 จะมีการเริ่มประมูล Mega project ใหม่ ๆ ขณะที่
การก่อสร้างภาคเอกชนมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องไปตามภาวะตลาดที่อยู่อาศัยที่
หดตัว ทั้งนี้ภาคก่อสร้างยังเผชิญความท้าทายในปี 2026 ได้แก่ 1) ต้นทุนก่อสร้าง
ยังอยู่ในระดับสูง แม้ราคาวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มลดลง แต่ยังอยู่ในระดับสูง
เมื่อเทียบกับก่อนปี 2022 ประกอบกับจ านวนแรงงานพื้นฐานชาวเมียนมามีแนวโน้ม
ลดลง อาจเป็นแรงกดดันให้ค่าแรงปรับตัวสูงขึ้น 2) ผลกระทบจากเหตุการณ์
แผ่นดินไหว ที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในภาคก่อสร้าง และ 3) บทบาทของผู้รับเหมา
สัญชาติจีน
Construction
อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างปี 2026 ในภาพรวมมีแนวโน้มหดตัวเล็กน้อย จากปัจจัย
ด้านราคาวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มปรับตัวลดลงตามต้นทุนราคาวัตถุดิบ และพลังงาน
รวมถึงสถานการณ์การแข่งขันด้านราคาที่ค่อนข้างรุนแรง ส าหรับปริมาณการใช้งาน
ในภาคการก่อสร้างยังเผชิญกับความท้าทายตามปัจจัยเสี่ยงของภาคก่อสร้างทั้ง
โครงการภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ ยังต้องจับตาสินค้าต่างประเทศที่จะถูกระบาย
เข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะเหล็ก และกระเบื้อง โดยเป็นผลมาจากสงครามการค้าของ
สหรัฐฯ
Building Materials

3
SCB EIC Industry insight : Construction and Building materials
Construction
The information contained in this report has been obtained from sources believed to be reliable. However, neither we nor any of our respective affiliates, employees or representatives make any representation or warranty, express or implied, as to the accuracy or completeness of any of the information contained in
this report, and we and our respective affiliates, employees or representatives expressly disclaim any and allliability relating to or resulting from the use of this report or such information by the recipient or other persons in whatever manner.
Any opinions presented herein represent our subjective views and our current estimates and judgments based on various assumptions that may be subject to change without notice, and may not prove to be correct.
This report is for the recipient’s information only. It does not represent or constitute any advice, offer, recommendation, or solicitation by us and should not be relied upon as such. We, or any of our associates, may also have an interest in the companies mentioned here in.
Contents
Executive Summary
แนวโน้มภาคก่อสร้างในปี 2026
การก่อสร้างภาครัฐหน้า
หน้าการก่อสร้างภาคเอกชน
จับตาความท้าทายปี 2026
และระยะปานกลาง
ผู้รับเหมาไทยไปต่ออย่างไร
ให้มีความยั่งยืน
หน้า
หน้า
09
12
16
19
Construction Building Materials
Construction หน้า
หน้าBuilding materials
04
06
ทิศทางตลาดวัสดุก่อสร้างในปี 2026
เหล็ก หน้า22
ปูนซีเมนต์ หน้า28
กระเบื้อง และสีทาอาคารหน้า31
นัยต่อผู้ประกอบการ
และแนวทางการปรับกลยุทธ์
หน้า37
ความท้าทายของอุตสาหกรรม
วัสดุก่อสร้างในปี 2026
หน้า35

4
SCB EIC Industry insight : Construction
มูลค่าการก่อสร้างภาครัฐในปี 2026 มีแนวโน้มขยายตัว +1%YOY แตะระดับ860,000 ล้านบาท โดยเผชิญแรงกดดันจากกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2026 ในส่วนของวงเงิน
งบลงทุนลดลง 5% จากปีงบประมาณ 2025 ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการเมือง ส าหรับมูลค่าการก่อสร้างโครงการMega project ส่วนใหญ่ยังมาจากโครงการที่มีการก่อสร้างต่อเนื่องจาก
ในอดีตมีความคืบหน้า รวมถึงในปี 2026 จะมีการเริ่มประมูลโครงการ Mega project ใหม่ ๆ เช่น รถไฟความเร็วสูงนครราชสีมา-หนองคาย, รถไฟทางคู่ เฟส 2 (ช่วงชุมพร–สุราษฎร์, สุราษฎร์-
ชุมทางหาดใหญ่–สงขลา, ชุมทางหาดใหญ่–ปาดังเบซาร์), ทางพิเศษ จ.ภูเก็ต เฟส1 และ 2, ขยายสนามบินดอนเมือง เฟส 3
Executive summary
ภาคก่อสร้างยังเผชิญความท้าทายในปี 2026 ได้แก่ 1) ต้นทุนก่อสร้างยังอยู่ในระดับสูง 2) ผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในภาคก่อสร้าง และ 3) บทบาทของ
ผู้รับเหมาสัญชาติจีน ส าหรับความท้าทายในระยะปานกลาง ได้แก่1) ภาวะ Oversupply ของภาคอสังหาริมทรัพย์ 2) Productivity ของภาคก่อสร้างอยู่ในระดับต ่า และ3) แรงกดดันในการลด
การปล่อย Emission โดยผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างมีแนวทางการปรับกลยุทธ์ ดังนี้
•เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ : ร่วมมือกับพันธมิตร รวมถึงระมัดระวังการเข้าประมูลแบบแข่งขันด้านราคา
•ควบคุมต้นทุนก่อสร้าง : เป็นพันธมิตรกับผู้ค้า และผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างอย่างหลากหลาย ท าสัญญาสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างล่วงหน้า รวมถึงวางแผนการใช้แรงงาน
•ให้ความส าคัญกับการบริหารBacklog : ปรับสัดส่วนในการเข้าประมูลงานก่อสร้างภาครัฐ และภาคเอกชนอย่างเหมาะสม รวมถึงด าเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามแผน
•สร้างความน่าเชื่อถือ : ยกระดับความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และเป็นพันธมิตรกับผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างต่างชาติที่มีความน่าเชื่อถือ
•ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่ม Productivity : ลงทุนน าเทคโนโลยีก่อสร้างมาใช้ เป็นพันธมิตรกับผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างต่างชาติที่ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี รวมถึงพัฒนาบุคลากร
•ลดการปล่อย Emission : ก าหนดเป้าหมาย และตัวชี้วัด ไปจนถึงรายงานผลการด าเนินการ เป็นพันธมิตรกับผู้ค้า และผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลงทุนน าเทคโนโลยี
ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ทั้งในพื้นที่ก่อสร้าง และส านักงาน
มูลค่าการก่อสร้างภาคเอกชนในปี 2026 มีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องมาอยู่ที่551,000 ล้านบาท (-1%YOY) โดยการก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องไปตามภาวะตลาด
ที่อยู่อาศัยที่หดตัว ขณะที่การก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์มีแนวโน้มทรงตัว ทั้งนี้พื้นที่ขออนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัย และสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ที่หดตัวสูงในปี 2024 และมีแนวโน้มหดตัว
ต่อเนื่องในปี 2025 ส่งผลให้กิจกรรมการก่อสร้างภาคเอกชนชะลอตัวในระยะข้างหน้า

5
SCB EIC Industry insight : Construction
ภาพรวมมูลค่าอุตสาหกรรมก่อสร้างในปี 2026 มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ที่
1.41 ล้านล้านบาท
•มูลค่าการก่อสร้างภาครัฐในปี 2026 มีแนวโน้มขยายตัว +1%YOY
แตะระดับ860,000 ล้านบาท โดยเผชิญแรงกดดันจากกรอบวงเงิน
งบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2026 ในส่วนของวงเงิน
งบลงทุนลดลง 5% จากปีงบประมาณ 2025 ประกอบกับความไม่
แน่นอนทางการเมือง อย่างไรก็ดี Mega project ที่ก าลังด าเนินการ
มีความคืบหน้า รวมถึงในปี2026 จะมีการเริ่มประมูล Mega project
ใหม่ ๆ
•มูลค่าการก่อสร้างภาคเอกชนในปี 2026 มีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง
มาอยู่ที่551,000 ล้านบาท (-1%YOY) โดยการก่อสร้างอาคารที่อยู่
อาศัยมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง -2%YOY ไปตามภาวะตลาดที่อยู่
อาศัยที่หดตัว ขณะที่การก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์มี
แนวโน้มทรงตัว
ภาคก่อสร้างยังเผชิญความท้าทายในปี 2026 ได้แก่ 1) ต้นทุนก่อสร้าง
ยังอยู่ในระดับสูง 2) ผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่ส่งผลต่อ
ความเชื่อมั่นในภาคก่อสร้าง และ 3) บทบาทของผู้รับเหมาสัญชาติจีน
ภาวะภาพรวมธุรกิจ
มูลค่าอุตสาหกรรมก่อสร้างในปี 2026 มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ที่ 1.41 ล้านล้านบาท
Summary
มูลค่าการก่อสร้างภาครัฐ และภาคเอกชน
หน่วย: พันล้านบาท
Indicator (%YOY) 2019-2024 2025E 2026F
การก่อสร้างภาครัฐ +3%CAGR +3% +1%
การก่อสร้างภาคเอกชน +1%CAGR -4% -1%
756
2020
560
802
2021
567
802
2022
589
788
2023
828
2024
556
856
2019
551
860
2026F2025E
562
707
2018
571
726
555
1,2691,2971,312
1,362
579
1,3771,4081,4111,411
1,369
+2% 0% 0%
ภาคเอกชน
ภาครัฐ
ที่มา : การวิเคราะห์โดยSCB EIC จากข้อมูลของส านักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

6
SCB EIC Industry insight : Building materials
อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างปี 2026 ในภาพรวมมีแนวโน้มหดตัวเล็กน้อย จากปัจจัยด้านราคาวัสดุก่อสร้าง ทั้งเหล็ก ปูนซีเมนต์ กระเบื้อง และสีทาอาคารในปี 2026 มีแนวโน้มปรับตัว
ลดลง ตามต้นทุนราคาวัตถุดิบ และพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นสินแร่เหล็ก ถ่านหิน น ้ามัน และค่าไฟฟ้า รวมถึงสถานการณ์การแข่งขันด้านราคาที่ค่อนข้างรุนแรง ยังเป็นปัจจัยกดดันให้ราคา
กระเบื้องมีแนวโน้มปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดี ราคาวัสดุก่อสร้างยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับราคาในอดีต (ก่อนปี2022)
Executive summary
ในส่วนของปริมาณการใช้งานวัสดุก่อสร้างในปี 2026 เผชิญแรงกดดันในภาคการก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่หดตัว ที่ส่งผลให้ปริมาณการใช้งานวัสดุก่อสร้างที่พึ่งพาการก่อสร้างภาคเอกชน
เป็นหลักหดตัว ทั้งการใช้งานกระเบื้องปูพื้น/บุผนัง และสีทาอาคาร ขณะที่ปริมาณการใช้งานเหล็กทรงยาว และเหล็กทรงแบนในปี 2026 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 6.5 ล้านตัน (+0.5%YOY)
และ 10.4 ล้านตัน (+0.2%YOY) ตามล าดับ รวมถึงปริมาณการใช้งานปูนซีเมนต์ในปี 2026 มีแนวโน้มอยู่ที่ 36.1 ล้านตัน ทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 2025 โดยยังเผชิญกับความท้าทาย จากความ
ไม่แน่นอนทางการเมืองที่กระทบต่อโครงการก่อสร้างภาครัฐ
ประเด็นที่ยังต้องจับตาคือสินค้าต่างประเทศจะถูกระบายเข้ามาไทยมากขึ้น จากผลกระทบของสงครามการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะเหล็ก ที่เผชิญการทะลักเข้ามาของเหล็กจีน และถูก
ซ ้าเติมด้วยเหล็กญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งจะมีแนวโน้มถูกระบายเข้ามามากขึ้น เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศ เคยได้รับการยกเว้นภาษีส่งออกสินค้าเหล็กของสหรัฐฯ มาก่อน นอกจากนี้ ผลกระทบ
จากสงครามการค้าของสหรัฐฯ อาจส่งผลให้เกิดการระบายสินค้ากระเบื้องจากทั้งจีน เวียดนาม และอินเดียมายังไทยมากขึ้น
ปัจจัยกดดันรอบด้านในปี 2026 ส่งผลให้ธุรกิจวัสดุก่อสร้างต้องปรับกลยุทธ์ โดยผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างควรแสวงหาโอกาสจากการจับขั้วทางเศรษฐกิจ รับมือกับสินค้าจีน ควบคุมมาตรฐาน
การผลิตสินค้าตลอดห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงลดการปล่อย Emission ส าหรับผู้ค้าวัสดุก่อสร้าง ต้องติดตามสถานการณ์ และแนวโน้มของอุตสาหกรรม จัดจ าหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพ
เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ และน าเทคโนโลยีมาปรับใช้

7
SCB EIC Industry insight : Building materials
มูลค่าอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างโดยภาพรวมในปี 2026 มีแนวโน้มหดตัว จากปัจจัยด้านราคาที่ลดลงตามต้นทุน
ราคาพลังงาน ขณะที่ปริมาณการใช้งานมีปัจจัยกดดันหลักจากการก่อสร้างที่อยู่อาศัยของภาคเอกชนที่หดตัว
Summary
•ราคาวัสดุก่อสร้างในปี 2026 ได้แก่ เหล็ก ปูนซีเมนต์ กระเบื้อง
และสีทาอาคาร มีแนวโน้มลดลง ตามต้นทุนพลังงานและต้นทุนวัตถุดิบ
การผลิต สะท้อนจากคาดการณ์ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างโดยเฉลี่ยที่มี
แนวโน้มหดตัวประมาณ 1.6%YOY แต่ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย
ในอดีต (ก่อนปี 2022)
•ปริมาณการใช้งานวัสดุก่อสร้างมีปัจจัยกดดันหลักจากการก่อสร้างที่อยู่
อาศัยของภาคเอกชนที่หดตัว จากภาวะ Oversupply ของตลาดที่อยู่
อาศัย ขณะที่โครงการก่อสร้างของภาครัฐที่ยังสามารถเติบโตได้จะเป็น
ปัจจัยหนุนให้ปริมาณการใช้งานวัสดุก่อสร้างหดตัวไม่มาก
•อุตสาหกรรมยังคงต้องเผชิญกับการแข่งขันกับสินค้าจากต่างประเทศ
ทั้งสินค้าจากจีนที่ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และสินค้าจากประเทศอื่น ๆ
ที่มีแนวโน้มระบายสินค้ามายังไทย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการ
ด าเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่งผลให้
ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม ทั้งผู้ผลิต และผู้ค้าวัสดุก่อสร้าง
ต้องปรับตัวตามสถานการณ์การค้าที่ยังคงไม่แน่นอน
ภาวะภาพรวมธุรกิจ
ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง
หน่วย: Index (2019=100)
80
100
120
140
160
2019202020212022202320242025E 2026F
เหล็กปูนซีเมนต์กระเบื้องสีทาอาคาร
ราคาน ้ามัน ราคาถ่านหิน และค่าไฟฟ้า
3.643.643.604.164.614.184.023.98
64 41
71
100 82 80 71 64
78 61
138
359
115
2019202020212022
174
2023
132
2024
126
2025E 2026F
น ้ามันดิบเบรนท์ (USD/bbl)Thermal coal (USD/ton)ค่าไฟฟ้า (บาท/หน่วย)
ที่มา : การวิเคราะห์โดยSCB EIC จากข้อมูลของส านักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม และกระทรวงพาณิชย์

Construction

มูลค่าการก่อสร้างภาครัฐในปี 2026 มีแนวโน้มขยายตัว +1%YOY
โดยเผชิญแรงกดดันจากกรอบวงเงินงบลงทุนในปีงบประมาณ 2026 ลดลง 5% จากปีงบประมาณ 2025 ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการเมือง
อย่างไรก็ดี โครงการ Mega project ที่ก าลังด าเนินการมีความคืบหน้า ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินทยอยเข้าสู่การก่อสร้างภาครัฐ
การก่อสร้างภาครัฐ

10
SCB EIC Industry insight : Construction
มูลค่าการก่อสร้างภาครัฐในปี 2026 มีแนวโน้มขยายตัว +1%YOY โดยเผชิญแรงกดดันจากกรอบวงเงินงบ
ลงทุนในปีงบประมาณ 2026 ลดลง 5% จากปีงบประมาณ 2025 และความไม่แน่นอนทางการเมือง
การก่อสร้างภาครัฐ
มูลค่าการก่อสร้างภาครัฐ
หน่วย: พันล้านบาท
20182019202020212022202320242025E2026F
707726756
802802788828856860
+3%
+3%+1%
•ปี 2026 : กรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2026 ในส่วนของวงเงินงบลงทุนอยู่ที่ 864,077 ล้านบาท
ลดลง 5% จากปีงบประมาณ 2025 เป็นความท้าทายต่อมูลค่าการก่อสร้างภาครัฐในปี 2026
•ทั้งนี้หนี้สาธารณะอาจแตะเพดาน70%หากไม่มีการทบทวนแผนการคลังให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่อัตรา
การขยายตัวของเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อต ่าลง จะเป็นข้อจ ากัดในการด าเนินนโยบายการคลัง
งบประมาณรายจ่ายด้านงบลงทุนของหน่วย 4 หน่วยงานหลักที่ลงทุนภาคก่อสร้าง
หน่วย: พันล้านบาท
กรมทางหลวง
122128126
-1% FY2024FY2025FY2026
กรมชลประทาน
818381
-2%
กรมทางหลวงชนบท
485152
+3%
กรมโยธาธิการและผังเมือง
384238
-9%
2.56 2.68 2.65
0.91 0.86
0
1
2
3
4
0.81
0.23
FY2024
0.16
FY2025
0.27
FY2026
3.60
3.75 3.78
งบอื่น ๆ
งบลงทุน
งบประจ า
กรอบวงเงินงบประมาณรายจ่าย
หน่วย : ล้านล้านบาท
ที่มา : การวิเคราะห์โดยSCB EIC จากข้อมูลของส านักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และส านักงบประมาณ
ความไม่แน่นอนทางการเมือง และผลกระทบต่องบประมาณรายจ่าย
•ปีงบประมาณ 2026 : หน่วยงานภาครัฐอาจชะลอการเบิกจ่าย จากความไม่แน่นอนด้านนโยบาย
•ปีงบประมาณ 2027 : หากรัฐบาลประกาศยุบสภาใน 4 เดือนตามMOA จะส่งผลต่อการจัดท า พ.ร.บ. งบประมาณ
รายจ่ายให้มีความเสี่ยงล่าช้าเพิ่มขึ้น กระทบเม็ดเงินการก่อสร้างภาครัฐในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2026

11
SCB EIC Industry insight : Construction
อย่างไรก็ดี Mega project ที่ก าลังด าเนินการมีความคืบหน้า รวมถึงในปี2026 จะมีการเริ่มประมูล Mega project
ใหม่ ๆ ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินทยอยเข้าสู่การก่อสร้างภาครัฐ
การก่อสร้างภาครัฐ
ตัวอย่าง On-going project
มูลค่าโครงการ
(พันล้านบาท)
รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หนองคาย ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา 179
โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ฝั่งตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ 140
แหลมฉบัง เฟส 3 ส่วนที่1งานก่อสร้างทางทะเล 84
รถไฟฟ้าสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ 78
รถไฟทางคู่สายเหนือ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ 73
มาบตาพุด เฟส 3 ช่วงที่ 1 64
รถไฟทางคู่สายอีสาน ช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม 55
ทางพิเศษชั้นที่ 2 (Double deck) ช่วงงามวงศ์วาน-พระราม 9 34
มอเตอร์เวย์บางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย และช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว 29
รถไฟทางคู่ เฟส 2 ช่วงขอนแก่น-หนองคาย 29
ทางพิเศษฉลองรัช ส่วนต่อขยาย ช่วงจตุโชติ-ล าลูกกา 19
ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยายเข้าสนามบินอู่ตะเภา 4.5
ตัวอย่าง New project
ที่คาดว่าจะมีการเริ่มประมูลในปี 2026
มูลค่าโครงการ
(พันล้านบาท)
รถไฟความเร็วสูงนครราชสีมา-หนองคาย 342
รถไฟทางคู่ เฟส 2 (3 ช่วง : ชุมพร–สุราษฎร์, สุราษฎร์-ชุมทางหาดใหญ่–สงขลา,
ชุมทางหาดใหญ่–ปาดังเบซาร์)
104
ทางพิเศษ จ.ภูเก็ต เฟส1 และ 2 63.5
ขยายสนามบินดอนเมือง เฟส 3 36.0
ทางด่วนยกระดับชั้นที่ 2 ช่วงงามวงศ์วาน-พระราม 9 34.8
ทางพิเศษสายฉลองรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร
ด้านตะวันออก (ทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ระยะที่ 1 (ตอน N2) เดิม)
13.7
อาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ ส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออก13.5
ที่มา : การวิเคราะห์โดยSCB EIC จากข้อมูลของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย, การรถไฟแห่งประเทศไทย, กระทรวงคมนาคม, บมจ. ท่าอากาศยานไทย และส านักข่าวต่าง ๆ

มูลค่าการก่อสร้างภาคเอกชนในปี 2026 มีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง-1%YOY
โดยการก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง -2%YOY ไปตามภาวะตลาดที่อยู่อาศัยที่หดตัว
ขณะที่การก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์มีแนวโน้มทรงตัว
การก่อสร้างภาคเอกชน

13
SCB EIC Industry insight : Construction
มูลค่าการก่อสร้างภาคเอกชนในปี 2026 มีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องมาอยู่ที่551,000 ล้านบาท (-1%YOY)
มูลค่าการก่อสร้างภาคเอกชน
หน่วย: พันล้านบาท
2019202020212022202320242018 2026F
178168
2025E
562571
555560567
589579
556551
313309287282297306289272267
107
100101
113 108
106106
102
147154
110
177
156
172
182
179
+1%
-4%
-1%
ปี 2026: มูลค่าการก่อสร้างภาคเอกชนมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องมาอยู่ที่551,000 ล้านบาท
(-1%YOY)
•มูลค่าการก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง -2%YOY ไปตามภาวะตลาด
ที่อยู่อาศัยที่หดตัว
•มูลค่าการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์มีแนวโน้มทรงตัว อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจ
ไทยมีแนวโน้มขยายตัวต ่า และนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มหดตัวในปี 2025 อาจส่งผล
ให้ชะลอเปิดโครงการ
ระยะปานกลาง : พื้นที่ขออนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัย และสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ที่หดตัวสูงในปี 2024
และมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องในปี 2025 ส่งผลให้กิจกรรมการก่อสร้างภาคเอกชนชะลอตัวในระยะ
ข้างหน้า
ที่มา : การวิเคราะห์โดยSCB EIC จากข้อมูลของส านักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
อื่น ๆ เช่น โรงงาน โรงแรม คลังสินค้า
อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ (พื้นที่ส านักงาน และพื้นที่ค้าปลีกให้เช่า)
ที่อยู่อาศัย
การก่อสร้างภาคเอกชน

14
SCB EIC Industry insight : Construction
ตลาดที่อยู่อาศัยที่หดตัว และความเสี่ยงในการชะลอเปิดโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เป็นแรงกดดัน
ต่อผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างที่รับงานก่อสร้างภาคเอกชนเป็นหลัก
ที่มา : การวิเคราะห์โดยSCB EIC จากข้อมูลของAREA และ CBRE
•หน่วยที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 2026 มีแนวโน้มหดตัว
ต่อเนื่อง ทั้งแนวราบ และคอนโด และอยู่ในระดับต ่าสุดนับตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา
จากแรงกดดันด้านก าลังซื้อ ทั้งค่าใช้จ่ายและหนี้ครัวเรือนสูง อุปสรรคในการเข้าถึงสินเชื่อ
และราคาที่อยู่อาศัยใหม่ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
การก่อสร้างภาคเอกชน
13%
9%
2021
50%
26%
15%
8%
2022
48%
21%
19%
2023
45%
20%
25%
9%
2024
14%
18%
27%
10%
2025F2026F
44%
56%
27%
11%
6%
2019
35%
40%
11%
2020
39%
38%
119
11%
60
107
102
61
43
42
73
-5%
-39%
-30%
-2%
บ้านแฝดบ้านเดี่ยวทาวน์เฮาส์คอนโด
หน่วยที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
หน่วย : พันหน่วย
อุปทานพื้นที่ส านักงาน และพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าในกรุงเทพฯ (ตามแผนการเปิดของผู้ประกอบการ)
หน่วย : ล้านตารางเมตร
9.7
8.0
2022
9.5
8.2
2023
9.9
8.3
10.3
8.5
2025E
10.4
2020 2026F
9.0
7.7
8.9
2019
9.2
7.8
9.5
7.9
2021
16.717.017.4
2024
17.818.2
18.919.3
17.7
+2%
+4% +2%
อาคารส านักงานพื้นที่ค้าปลีก
•ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ยังคงขยายโครงการ ทั้งพื้นที่ค้าปลีก และMixed-
use project ขนาดใหญ่ในท าเลย่านธุรกิจ และท่องเที่ยว รวมถึงพื้นที่ส านักงานให้เช่าเกรดA และ A+
•ปัจจัยกดดันที่อาจส่งผลให้ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ชะลอ หรือทบทวน
แผนการเปิดโครงการ ท่ามกลางภาวะ Oversupply ของพื้นที่ให้เช่า มาจาก เศรษฐกิจไทยที่มี
แนวโน้มขยายตัวต ่า ก าลังซื้อในประเทศยังเปราะบาง รวมถึงภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวช้า

15
SCB EIC Industry insight : Construction
คอนโดมิเนียม
6.96.8
8.0
9.9
12.8
16.2
5.5
1.8
ที่มา : การวิเคราะห์โดยSCB EIC จากข้อมูลของ REIC
พื้นที่ขออนุญาตก่อสร้างทั่วประเทศ
หน่วย : ล้านตารางเมตร
2.3
1.1
1.3
2.0
1.31.2
0.50.5
2019202020212022202320246M246M25
-2%
-13%
3232
34
3736
30
16
12
2019202020212022202320246M246M25
-17%
-29%
6.5
5.8
7.7
6.7
5.2
4.5
2.3
1.5
2019202020212022202320246M246M25
-14%
-35%
ที่อยู่อาศัยแนวราบ อาคารส านักงาน
พื้นที่ค้าปลีก
พื้นที่ขออนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัย และสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ที่หดตัวสูงในปี 2024 และมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง
ในปี 2025 ส่งผลให้กิจกรรมการก่อสร้างภาคเอกชนชะลอตัวในระยะข้างหน้า
2.6
2.0
1.91.8
1.3
1.8
0.5
0.6
2019202020212022202320246M246M25
+39%
+30%
2019202020212022202320246M246M25
+27%
-68%
โรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม
4.0
3.8
3.3
4.3
3.4
2.2
1.01.0
2019202020212022202320246M246M25
-36%
-7%
การก่อสร้างภาคเอกชน

จับตาความท้าทายปี 2026 และระยะปานกลาง
ภาคก่อสร้างยังเผชิญความท้าทายในปี 2026 ได้แก่
1) ต้นทุนก่อสร้างยังอยู่ในระดับสูง 2) ผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในภาคก่อสร้าง และ 3) บทบาทของผู้รับเหมาสัญชาติจีน
ส าหรับความท้าทายในระยะปานกลาง ได้แก่
1) ภาวะ Oversupply ของภาคอสังหาริมทรัพย์ 2) Productivity ของภาคก่อสร้างอยู่ในระดับต ่า และ3) แรงกดดันในการลดการปล่อย Emission

17
SCB EIC Industry insight : Construction
วัสดุก่อสร้าง : แม้ในปี 2026 ราคาวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มลดลง
แต่ยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับราคาในอดีต (ก่อนปี 2022)
อย่างไรก็ดี ยังต้องจับตาการน าเข้าเหล็กจากจีน ที่จะทะลักเข้ามาไทย
มากขึ้นจากการตั้งก าแพงภาษีของทรัมป์ รวมถึงความผันผวนของราคา
พลังงาน
แรงงาน
•จ านวนแรงงานพื้นฐานชาวเมียนมามีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ต้นปี 2025
อาจเป็นแรงกดดันให้ค่าแรงปรับตัวสูงขึ้น
•ผลกระทบจากความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา คาดว่าแรงงาน
ไม่ย้ายกลับกัมพูชา จากค่าแรงในไทยยังสูงกว่ามาก อย่างไรก็ตาม
การสู้รบบริเวณชายแดนอาจกระทบแรงงานกลุ่มไป-กลับ/ตามฤดูกาล
ต้นทุนก่อสร้างยังอยู่ในระดับสูง บทบาทของผู้รับเหมาสัญชาติจีน
ที่มา : การวิเคราะห์โดยSCB EIC
ความท้าทายของอุตสาหกรรมก่อสร้าง : ปี 2026
•ตลาดคอนโดมิเนียมได้รับผลกระทบ ทั้งการก่อสร้างคอนโดมิเนียม
ฟื้นตัวได้ช้า ส่งผลให้ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างสูญเสียโอกาส
สร้างรายได้ รวมถึงพฤติกรรมการซื้อคอนโดมิเนียมเปลี่ยนแปลงไป
ส่งผลให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์น าเสนอความน่าเชื่อถือของ
ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้าง เพื่อเป็นจุดขายมากขึ้น
•เหตุการณ์อาคารส านักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ถล่ม
ส่งผลให้ความเชื่อมั่นต่อผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างสัญชาติจีน
ลดลง รวมถึงผู้ว่าจ้างโครงการก่อสร้างเข้มงวดกับคุณภาพ และ
มาตรฐานวัสดุก่อสร้าง รวมถึงขั้นตอนการก่อสร้างมากขึ้น
ผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว
ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างสัญชาติจีนมีแนวโน้มเข้ามาร่วมลงทุน
กับผู้ประกอบการไทยเพิ่มขึ้น โดยการเข้ามาของผู้ประกอบการรับเหมา
ก่อสร้างสัญชาติจีน ในรูปแบบการใช้ผู้ประอบการรับเหมาก่อสร้างไทย
เป็น Nominee ท าให้เผชิญความเสี่ยง ได้แก่
•มีการแข่งขันด้านราคาในการเข้าประมูลงาน
•ขาดความปลอดภัยในการก่อสร้าง
•มีปัญหาด้านการส่งมอบงาน
•กระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในSupply chain โดยใช้วัสดุก่อสร้าง
จากจีนมากขึ้น เช่น เหล็ก อะลูมิเนียม และกระเบื้อง
ความท้าทายปี 2026

18
SCB EIC Industry insight : Construction
Productivity ของภาคก่อสร้างอยู่ในระดับต ่าแรงกดดันในการลดการปล่อย Emission
ที่มา : การวิเคราะห์โดยSCB EIC
ความท้าทายของอุตสาหกรรมก่อสร้าง : ระยะปานกลาง
ภาวะ Oversupply ของภาคอสังหาริมทรัพย์
•ที่อยู่อาศัย : หน่วยเหลือขายยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะบ้านเดี่ยว
บ้านแฝด ขณะที่ทาวน์เฮาส์ได้รับความนิยมที่ลดลง ส าหรับ
คอนโดมิเนียมยังมีความเสี่ยงด้านการถูกปฏิเสธสินเชื่อในกลุ่มระดับ
ราคาต ่ากว่า 5 ล้านบาท ที่จะเป็นปัจจัยเร่งให้หน่วยเหลือขายมีความ
เสี่ยงปรับตัวสูงขึ้นในระยะข้างหน้า
•อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ : ภาวะ Oversupply ของอุปทาน
พื้นที่ส านักงานให้เช่า และพื้นที่ค้าปลีก อาจส่งผลให้เกิดการชะลอ
การก่อสร้างโครงการที่ไม่มีศักยภาพ
•ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมาProductivity ของแรงงานในภาคก่อสร้าง
ไทยมีอัตราการขยายตัวที่ 2.7%CAGR เป็นอัตราการขยายตัวที่ต ่ากว่า
ภาคบริการอื่น ๆ เช่น กิจกรรมโรงแรม และบริการด้านอาหาร
(5.1%CAGR) การขายส่ง ขายปลีก ซ่อมแซมยานยนต์ รถจักรยานยนต์
ของใช้ส่วนบุคคล และของใช้ในครัวเรือน(4.1%CAGR)
•เทคโนโลยีที่ใช้อย่างแพร่หลาย ได้แก่ ซอฟต์แวร์ด้านการออกแบบ
และก่อสร้าง เทคโนโลยีก่อสร้างส าเร็จรูป แพลตฟอร์มตัวกลาง
รวมถึงเครื่องจักรและอุปกรณ์ก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
•เทคโนโลยีที่จะยกระดับ Productivity อย่างมีนัยส าคัญ ได้แก่
Building Information Modeling (BIM) ซึ่งเป็นแบบจ าลอง
เสมือนของอาคาร ช่วยบริหารจัดการโครงการ โดยรวบรวมข้อมูล
และกระบวนการทุกขั้นตอน ตั้งแต่ออกแบบ เขียนแบบ ค านวณ
โครงสร้าง ประเมินราคา จัดซื้อจัดจ้าง จนถึงบริหารจัดการ
•ความต้องการสิ่งปลูกสร้างที่สอดคล้องกับเทรนด์การสร้างความ
ยั่งยืน เป็นแรงกดดันให้ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างจ าเป็นต้องมี
การแข่งขันยกระดับความสามารถในการก่อสร้าง ให้สามารถตอบ
โจทย์ความต้องการสิ่งปลูกสร้างจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หรือ
ผู้ว่าจ้างโครงการก่อสร้างได้
ความท้าทายระยะปานกลาง

ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างต้องปรับกลยุทธ์ ได้แก่
1) เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ 2) ควบคุมต้นทุนก่อสร้าง 3) ให้ความส าคัญกับการบริหารBacklog
4) สร้างความน่าเชื่อถือ5) ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่ม Productivity และ 6) ลดการปล่อย Emission
ผู้รับเหมาไทยไปต่ออย่างไรให้มีความยั่งยืน

20
SCB EIC Industry insight : Construction
•เป็นพันธมิตรกับผู้ค้า และผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างอย่างหลากหลาย เพื่อเป็นทางเลือก
และลดความเสี่ยงในการพึ่งพารายใดรายหนึ่ง
•ท าสัญญาสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างล่วงหน้า อย่างสอดคล้องกับความต้องการใช้
•ลดความเสี่ยงด้านการขาดแคลนแรงงาน และต้นทุนแรงงานเพิ่มขึ้น ด้วยการติดตาม
สถานการณ์แรงงาน และวางแผนการใช้แรงงานอย่างสอดคล้องกับแผนการก่อสร้าง รวมถึง
ลงทุนน าเทคโนโลยีก่อสร้างมาใช้ทดแทนแรงงาน
•พัฒนาศักยภาพ และร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อเข้าประมูลงานก่อสร้างได้อย่างหลากหลาย
•ร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP)
•ระมัดระวังการเข้าประมูลแบบแข่งขันด้านราคา
•SMEs จ าเป็นต้องพัฒนาศักยภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสรับงานผู้รับเหมาช่วงจากผู้รับเหมา
ก่อสร้างรายใหญ่ จากงานโครงสร้างพื้นฐาน และงานภาคเอกชนขนาดใหญ่ที่ยัง
ด าเนินการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง
•ยกระดับความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทั้งขั้นตอนการก่อสร้างที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
อุบัติเหตุระหว่างก่อสร้างเป็นศูนย์ รวมถึงวัสดุก่อสร้างที่ต้องมีคุณภาพ และได้มาตรฐาน
•เป็นพันธมิตรกับผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างต่างชาติที่มีความน่าเชื่อถือ มีประสบการณ์สูง
รวมถึงมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีก่อสร้างที่สามารถรองรับภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น
แผ่นดินไหว น ้าท่วม
ที่มา : การวิเคราะห์โดยSCB EIC
การปรับกลยุทธ์ของผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้าง
ควบคุมต้นทุนก่อสร้างเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้
สร้างความน่าเชื่อถือให้ความส าคัญกับการบริหารBacklog
•ปรับสัดส่วนในการเข้าประมูลงานก่อสร้างภาครัฐ และภาคเอกชนอย่างเหมาะสม
•ด าเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามแผน และส่งมอบงานตามสัญญา เพื่อให้สามารถ
เบิกจ่ายค่างวดงานได้ตามก าหนด
•ก าหนดเป้าหมาย และตัวชี้วัดการลดการปล่อย Emission ไปจนถึงรายงานผลการด าเนินการลด
การปล่อย Emission
•เป็นพันธมิตรกับผู้ค้า และผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
•ลงทุนน าเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้
•เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ทั้งในพื้นที่ก่อสร้าง และส านักงาน
ลดการปล่อย Emissionใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่ม Productivity
•ลงทุนน าเทคโนโลยีก่อสร้างมาใช้ เพื่อทดแทนแรงงาน ลดการสูญเสียวัสดุก่อสร้าง และ
ลดความผิดพลาดจากการก่อสร้างผิดแบบ
•เป็นพันธมิตรกับผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างต่างชาติที่ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี
เช่น สหรัฐฯ เยอรมนี ญี่ปุ่น เพื่อให้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี
•พัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการใช้เทคโนโลยีก่อสร้าง
การปรับกลยุทธ์

Building
Materials

ราคาเหล็กโดยเฉลี่ยในปี 2026 ยังมีแนวโน้มลดลง -1.3%YOY แต่ยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับราคาในอดีต (ก่อนปี 2021-2022)
ประกอบกับอุปสงค์การใช้งานขยายตัวได้อย่างจ ากัด รวมถึงเผชิญสถานการณ์เหล็กต่างประเทศถูกระบายเข้ามามากขึ้น
เหล็ก

23
SCB EIC Industry insight : Building materials
การเติบโตของอุตสาหกรรมเหล็กไทยมีแรงกดดัน จากราคาเหล็กที่ยังคงมีแนวโน้มลดลง และการใช้งาน
มีแนวโน้มขยายตัวในระดับต ่า
เหล็ก
ราคาเหล็กในประเทศ
หน่วย: พันบาท/ตัน
ปริมาณการใช้งานเหล็กในประเทศ
หน่วย: ล้านตัน
10.1
2020
6.5
12.2
2021
6.2
10.2
2022
6.2
10.1
2023
6.2
10.1
2024
7.0
10.4
2025E
6.5
10.4
2026F
11.5
2019
6.3
18.5
16.4
18.7
16.416.416.3
16.816.9
6.5
+0.3%
5
10
15
20
25
30
35
0
18.5
20.3
2019
16.6
19.3
24.5
31.9
2021
25.5
31.3
2022
22.4
26.1
2023
20.8
24.0
2024
19.7
23.1
2025E
19.4
22.9
2026F2020
ราคาเหล็กทรงยาวในปี 2026 และเหล็กทรงแบนมีแนวโน้มลดลงไปอยู่ที่ประมาณ 19,440
บาท/ตัน (-1.5%YOY) และ 22,900 บาท/ตัน (-1.2%YOY) ตามล าดับ
เป็นผลจากแนวโน้มราคาเหล็กในตลาดโลกที่ลดลงตามราคาวัตถุดิบการผลิต ได้แก่ สินแร่
เหล็ก ถ่านหิน และน ้ามัน ประกอบกับรัฐบาลมีแนวโน้มปรับลดอัตราค่าไฟฟ้า จึงส่งผลให้
ต้นทุนการผลิตลดลง
ที่มา : การวิเคราะห์โดยSCB EIC จากข้อมูลของสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย
ปริมาณการใช้งานเหล็กทรงยาว และเหล็กทรงแบนในประเทศในปี 2026 คาดว่า
จะอยู่ที่ประมาณ 6.5 ล้านตัน (+0.5%YOY) และ 10.4 ล้านตัน (+0.2%YOY) ตามล าดับ
ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่อยู่ในระดับต ่า เนื่องจากจากอุปสงค์การใช้งานขยายตัวได้อย่าง
จ ากัด ทั้งในภาคก่อสร้าง และการผลิตรถยนต์ ส่งผลให้ปริมาณการใช้งานเหล็กโดยรวม
ในประเทศมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 16.9 ล้านตัน (+0.3%YOY)
เหล็กทรงยาวเหล็กทรงแบนทรงยาวทรงแบน

24
SCB EIC Industry insight : Building materials
ไทยยังคงน าเข้าเหล็กเพิ่มขึ้นในเกือบทุกกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะเหล็กแผ่นรีดเย็น และเหล็กแผ่นเคลือบสี ที่มีอัตราการ
ขยายตัวของปริมาณการน าเข้าสูง
เหล็ก
ที่มา : การวิเคราะห์โดยSCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ และสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย
การน าเข้าเหล็กส าเร็จรูปของไทย
หน่วย : พันตัน
ปริมาณการน าเข้าเหล็กและเหล็กกล้าของไทยจากประเทศคู่ค้าส าคัญ
หน่วย : พันตัน
Pipe
Hot-rolled
coil/sheet
Sections
855
Cold-rolled
coil/sheet
Color
coated
Galvanized
1,8391,885
Wire
rod
1,027
331
439
1,520
1,338
1,068
363351
102116
963
+3%
+20%
+33%
-12%
+11%
-3%
+14%
8M248M25
เวียดนามจีน มาเลเซีย
2,961
ญี่ปุ่นเกาหลีใต้ไต้หวัน
3,269
4,157
อินโดนีเซีย
3,048
947
1,115
311344 414
114216271174
367
+27%
+3%
+18%
+11% +13%
+89% -36%
•ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2025 ไทยมีการน าเข้าเหล็กทั้งหมดประมาณ 11.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 18.5%YOY เป็นผลจากความต้องการใช้งานเหล็กในการก่อสร้างภาครัฐที่เร่งตัวในช่วงต้นปี รวมถึงยังเป็นการระบาย
เหล็กจากจีนที่ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเหล็กส าเร็จรูปขั้นปลายน ้าที่มีอัตราการเติบโตของปริมาณการน าเข้าค่อนข้างสูง อาทิ เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กเคลือบสี และเหล็กโครงสร้าง (Sections)
•ปริมาณการน าเข้าเหล็กจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ส่วนหนึ่งคาดว่าเป็นผลจากการด าเนินมาตรการภาษีน าเข้าเหล็กแบบถ้วนหน้า 25% ในช่วงเดือนมีนาคม 2025 ของสหรัฐฯ กับทุกประเทศ
ทั่วโลก ส่งผลให้มีความเสี่ยงที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่เคยได้รับการยกเว้นภาษีดังกล่าว จะเปลี่ยนตลาดการส่งออกสินค้าเหล็กมายังประเทศที่สะดวกต่อการขนส่ง ซึ่งรวมถึงไทย และคาดว่า
หลังจากที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราภาษีเหล็กน าเข้าเป็น 50% ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 จะท าให้เหล็กจากทั้งจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ถูกระบายมายังไทยมากขึ้นกว่า 10-15%
8M248M25

25
SCB EIC Industry insight : Building materials
ในปี 2026 ยังคงมีปัจจัยกดดันให้การผลิตเหล็กโดยรวมอยู่ในระดับต ่า ทั้งจากอุปสงค์การใช้งานขยายตัวได้อย่าง
จ ากัด และการเข้ามาตีตลาดของเหล็กจากต่างประเทศ
เหล็ก
ที่มา : การวิเคราะห์โดยSCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ส านักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม และสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย
การผลิตเหล็กในประเทศ
หน่วย : ล้านตัน
2.6
2020
4.7
3.0
2021
4.7
2.5
2022
4.6
2.0
2023
4.0
2.3
2024
5.0
2.3
2025E
4.4
2.3
2026F
2.7
2019
4.6
7.7
7.2
7.7
7.1
6.6
6.3
6.6 6.6
4.3
+0.7%
เหล็กทรงยาวเหล็กทรงแบน
อัตราการใช้ก าลังการผลิตเหล็กในประเทศ
หน่วย : %
0
20
40
60
80
56.7%
2016
55.7%
2017
54.6%
2018
50.4%
2019
44.9%
2020
45.8%
2021
43.7%
2022
42.4%
2023
40.1%
2024
39.9%
2025E
เหล็กแผ่นรีดร้อนเหล็กเส้นกลม เหล็กข้ออ้อยเฉลี่ย
•การผลิตเหล็กทรงยาว : ในปี 2026 มีปัจจัยท้าทายจากความต้องการใช้งานในภาค
การก่อสร้างที่ยังทรงตัว โดยการใช้งานในโครงการก่อสร้างภาครัฐจะประคับประคอง
ให้การใช้งานเหล็กทรงยาวยังพอขยายตัวได้เพียงเล็กน้อย แต่ก็เผชิญความไม่
แน่นอนทางการเมือง
•การผลิตเหล็กทรงแบน : ในปี 2026 การผลิตเหล็กทรงแบนในประเทศจะยังได้รับ
แรงกดดันจากเหล็กน าเข้าจากจีนที่มีราคาถูกกว่า นอกจากนี้ แม้ว่าการผลิตรถยนต์
ในประเทศยังคงขยายตัวได้ แต่มีปัจจัยเสี่ยงด้านการใช้เหล็กจากประเทศเจ้าของ
แบรนด์รถยนต์ EV ที่น าเข้าชิ้นส่วนเหล็กเข้ามาใช้งาน ส่งผลให้ปริมาณการผลิต
เหล็กทรงแบนมีแนวโน้มทรงตัว
อัตราการใช้ก าลังการผลิต(%CapU)
•มีโอกาสที่ก าลังการผลิตจะทรงตัวในปี 2026 เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ท าให้
ตึก สตง. ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างถล่ม ได้ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในคุณภาพของเหล็ก
จากผู้ผลิตสัญชาติจีนลดลง อาจเป็นอานิสงส์ของผู้ผลิตเหล็กไทยในการปรับเพิ่มการ
ผลิตในปี 2026 ถึงระยะข้างหน้า
•มาตรการห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตหรือเหล็กแท่งเล็ก
ส าหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ท่ามกลางการปิดกิจการในช่วงที่ผ่านมา จะส่งผลให้
อัตราการใช้ก าลังการผลิตเหล็กทรงยาวของไทยมีโอกาสปรับตัวดีขึ้น

ความท้าทาย และผลกระทบ
จากมาตรการกีดกันทางการค้า
ของสหรัฐ (Section 232)
ต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย

•การเพิ่มภาษีน าเข้าเหล็กของสหรัฐฯ เป็น 50% ส่งผลกระทบทางตรงต่อความสามารถในการ
แข่งขันของสินค้าเหล็กส่งออกของไทย จากภาระต้นทุนภาษีเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว โดยเฉพาะกับ
สินค้าส่งออกหลัก เช่น เตาสนาม โครงสร้างเหล็ก ที่มีสัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐค่อนข้างมาก
ขณะที่ไทยยังมีคู่แข่งที่มีโครงสร้างต้นทุนวัตถุดิบเหล็กที่ต ่ากว่า
•ส าหรับผลกระทบทางอ้อม คือการที่ผู้ส่งออกเหล็กรายใหญ่ที่เคยได้รับการยกเว้นอัตราภาษี
ภายใต้ Section 232 จะระบายสินค้ามายังไทยมากขึ้นเพื่อกระจายความเสี่ยงจากตลาดสหรัฐฯ
โดยเฉพาะเหล็กจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ซึ่งจะส่งผลให้เหล็กจากต่างประเทศถูกน าเข้ามาตีตลาด
มากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการน าเข้าเหล็กจากทั้งสองประเทศในปี 2026 จะเพิ่มขึ้นกว่า 10-15%
และเป็นการซ ้าเติมปัญหาการผลิตเหล็กในประเทศที่อยู่ในระดับต ่า
ผู้ผลิตกลางน ้า(HRC)
15%
13%
11%
9%
9%
8%
7%
5%4%
7%
หัวเตา เตาชุด เตาย่าง
และอุปกรณ์ท าอาหาร
ที่เป็นเหล็ก
ชิ้นส่วนโครงสร้าง
ท่อเหล็ก
ข้อต่อท่อ
อุปกรณ์ประกอบท่อ
ลวดเหล็กที่ตีเกลียว
เชือกลวด สลิง
สกรู น็อต แหวนรอง หมุด
ตะปู ตะปูเกลียว ลวดเย็บ
เหล็กแผ่นรีดร้อน/เย็นถังแก๊ส
อื่น ๆ
สัดส่วนการส่งออกของสินค้าเหล็กของไทยไปยังสหรัฐฯ จ าแนกตามประเภท
หน่วย : %
หมายเหตุ : ค านวณเฉพาะมูลค่าการน าเข้าสินค้าใน HS Code 72 (เหล็กและเหล็กกล้า) และHS Code 73 (ของที่ท าขึ้นจากเหล็กกล้า)
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์
SCB EIC Industry insight :Building materials เหล็ก
การเพิ่มอัตราภาษีน าเข้าสินค้าเหล็กของสหรัฐฯ เป็น 50% มีแนวโน้มสร้างผลกระทบเชิงลบต่อผู้ผลิตเหล็กไทย
ในภาพรวมโดยเฉพาะผลกระทบทางอ้อมจากเหล็กต่างประเทศที่จะถูกระบายเข้ามามากขึ้น
ผลกระทบต่อผู้ผลิตเหล็กไทย
•สินค้าเหล็กกลางน ้าจากจีน และประเทศอื่น ๆ เข้ามาแข่งขันมากขึ้น
•สินค้าเหล็กปลายน ้าจากจีนเข้ามากขึ้น โดยส่วนหนึ่งมีการหลบเลี่ยง ADท าให้ความต้องการใช้สินค้าเหล็ก
แผ่นรีดร้อน (ม้วนด า) ที่ไทยเป็นผู้ผลิตกลางน ้าลดลง
ผลกระทบ
•ผู้ผลิตต้องลดการผลิตลง เนื่องจากผลิตออกมาแล้วแข่งขันเหล็กที่มีโครงสร้างราคาที่ดีกว่าจากต่างประเทศได้
ยาก (ไทยอาจน าเข้าเหล็กเพิ่มขึ้นอีก 10-15% ส่วนนี้ท าให้อัตราการใช้ก าลังการผลิตเหล็กกลางน ้าของไทย
มีโอกาสลดลง)
-
-
-
ผู้ผลิตปลายน ้า (CRC, Galvanized, Color coated, ท่อเหล็ก และ Fabricated products)
•ความเสี่ยงสินค้าจากญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เข้ามาไทยเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศ เคยได้รับการยกเว้น
ภาษีมาก่อน และเป็นผู้ผลิตเหล็กคุณภาพสูง
•ความเสี่ยงในการใช้เหล็กจีน หรือเหล็กจากโรงงานผลิตเหล็กจีนในไทยเป็นวัตถุดิบกลางน ้า ที่จะมีประเด็น
ด้าน Local content ส าหรับสินค้าส่งออกไปยังสหรัฐ
•การที่ Trump ยกเลิกการยกเว้นภาษีกับประเทศใกล้เคียง อาทิ เม็กซิโก, แคนาดา และบราซิล จะเป็นโอกาส
ส าหรับผลิตภัณฑ์เหล็กของไทยเพิ่มขึ้น แต่ยังคงมีปัจจัยกดดันจากคู่แข่งที่มีศักยภาพสูงกว่า เช่น อินเดีย
และมาเลเซีย
•โอกาสด้านต้นทุนวัตถุดิบเหล็กกลางน ้าที่ลดลง จากทางเลือกในการ Sourcing เหล็กน าเข้าจากหลายประเทศ
-
-
=
+

ปูนซีเมนต์
การใช้งานปูนซีเมนต์ในประเทศในปี 2026 มีแนวโน้มทรงตัว
ขณะที่ราคาปูนซีเมนต์มีแนวโน้มลดลง-2.4%YOY จากแนวโน้มราคาพลังงาน ทั้งถ่านหิน และน ้ามัน ที่คาดว่าจะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
แต่ยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับราคาในอดีต (ก่อนปี 2022)

29
SCB EIC Industry insight : Building materials
ราคาเฉลี่ยรายปีปูนซีเมนต์พอร์ตแลนด์ของไทย
หน่วย: พันบาท/ตัน
ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศ
หน่วย: ล้านตัน
2019202020212022202320242025E2026F
34.534.9
39.6
38.638.3
36.736.136.1
0.0%
1.90
1.86
1.81
1.77
1.5
1.6
1.7
1.8
1.9
2.0
1.74
2019
1.74
2020
1.64
20212022
1.93
202320242025E2026F
-2.4%
ปูนซีเมนต์
ที่มา : การวิเคราะห์โดยSCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์, ส านักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและ Goldman Sach
ในปี 2026 ราคาปูนซีเมนต์พอร์ตแลนด์มีแนวโน้มลดลง 2.4%YOY ไปตามต้นทุนพลังงานที่ส าคัญ ขณะที่ปริมาณ
การใช้งานทรงตัวตามไปการทรงตัวของภาคก่อสร้าง
ราคาน ้ามัน ราคาถ่านหิน และค่าไฟฟ้า
3.643.643.604.164.614.184.023.98
64 41
71
10082 80 71 64
78 61
138
359
115
2019202020212022
174
2023
132
2024
126
2025E2026F
น ้ามันดิบเบรนท์ (USD/bbl)
Thermal coal (USD/ton)
ค่าไฟฟ้า (บาท/หน่วย) •ราคาปูนซีเมนต์ในปี 2026 มีแนวโน้มลดลง-2.4% ไปแตะระดับ 1.77 พันบาท/ตัน
จากแนวโน้มราคาพลังงาน ทั้งถ่านหิน และน ้ามัน ที่คาดว่าจะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
โดยเป็นการปรับตัวลงมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับราคาในอดีตมากขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับสูง
เมื่อเทียบกับราคาในอดีต (ก่อนปี2022)
•ปริมาณการใช้งานปูนซีเมนต์ในปี 2026 มีแนวโน้มอยู่ที่ 36.1 ล้านตัน ทรงตัวเมื่อเทียบ
กับปี 2025 ไปตามการทรงตัวภาคก่อสร้าง แม้การใช้งานในโครงการก่อสร้างภาครัฐ
จะประคับประคองให้การใช้งานปูนซีเมนต์ยังพอขยายตัวได้ แต่ก็ยังเผชิญความท้าทาย
ทั้งความไม่แน่นอนทางการเมือง และการก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ที่หดตัว

30
SCB EIC Industry insight : Building materials
ปริมาณการผลิตปูนซีเมนต์ทรงตัวได้ตามการใช้งานในการก่อสร้างของภาครัฐเป็นหลัก ขณะที่ปริมาณการส่งออก
ปรับตัวลดลงจากค่าเฉลี่ยในอดีต มาอยู่ที่สัดส่วนประมาณ 5% ของการผลิตปูนซีเมนต์โดยรวม
การผลิตปูนซีเมนต์ในประเทศ
หน่วย : ล้านตัน
2019202020212022202320242025E2026F
40.3
38.6
43.443.343.4
41.2
38.538.6
+0.4%
อุปสงค์และอุปทานปูนซีเมนต์ของไทย
หน่วย: ล้านตัน
85%
41.3
2019
11%
89%
39.7
2020
10%
90%
44.3
2021
8%
92%
44.2
2022
6%
94%
44.4
2023
15%
95%
42.2
2024
5%
95%
39.2
2025E
5%
95%
39.8
2026F
40.539.4
44.0
41.840.7
38.738.138.1
5%
จ าหน่ายในประเทศส่งออกอุปทานรวม (สต็อก+การผลิต)
หมายเหตุ : นับเฉพาะการผลิตและส่งออกปูนซีเมนต์พอร์ทแลนด์ และปูนซีเมนต์ผสม ไม่รวมClinker
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของส านักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม และกระทรวงพาณิชย์
•ในปี 2026 การผลิตปูนซีเมนต์มีแนวโน้มทรงตัว (+0.4%YOY)หรืออยู่ที่ประมาณ 38.6 ล้านตัน จากอุปสงค์การใช้งานในภาคก่อสร้างขยายตัวได้อย่างจ ากัด
•ปริมาณการส่งออกปูนซีเมนต์ของไทยมีแนวโน้มปรับลดลงไปอยู่ในระดับที่ต ่ากว่าค่าเฉลี่ยในอดีต (ก่อนปี 2020) หรืออยู่ที่ประมาณ 6-7 ล้านตันต่อปี ส่งผลให้สัดส่วนการผลิตปูนซีเมนต์เพื่อส่งออกลดลงเหลือประมาณ 5% ของการ
ผลิตปูนซีเมนต์โดยรวม จากที่เคยอยู่ที่ระดับสูงกว่า 10% ก่อนปี 2020 โดยมีปัจจัยส าคัญมาจากภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศคู่ค้าหลักที่ยังไม่ฟื้นตัว รวมถึงแรงกดดันด้านอุปทาน ที่ประเทศคู่ค้าหลักมีการผลิตปูนซีเมนต์
ภายในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ ทั้งของโลกและของไทย เข้าไปด าเนินธุรกิจและขยายฐานการผลิตในประเทศดังกล่าวมากขึ้น โดยเน้นการส่งปูนเม็ดออกไปให้โรงงานของผู้ผลิตไทยที่อยู่ใน
ต่างประเทศ ส่วนการส่งออกปูนซีเมนต์พอร์ทแลนด์ และปูนซีเมนต์ผสมนั้น จะส่งออกไปจ าหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้านผ่านช่องทางการขนส่งชายแดนเป็นหลัก
•ปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาในพื้นที่ชายแดนกระทบต่อการส่งออกปูนซีเมนต์ค่อนข้างจ ากัดรวมถึงในส่วนของโรงงานปูนซีเมนต์ไทยที่ด าเนินการในกัมพูชายังคงด าเนินการตามปกติ โดยไม่ได้รับผลกระทบอย่างมี
นัยส าคัญ ทั้งในด้านการผลิต การจ้างงาน และการลงทุน
ปูนซีเมนต์

กระเบื้อง และสีทาอาคาร
ปริมาณการใช้งานกระเบื้องปูพื้น/บุผนัง และสีทาอาคารมีแนวโน้มหดตัวตามการก่อสร้างที่อยู่อาศัย
และยังคงมีปัจจัยกดดันด้านราคา ทั้งจากต้นทุนที่มีแนวโน้มลดลง และการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้น

32
SCB EIC Industry insight : Building materials กระเบื้อง
162
2020
66
158
2021
64
157
2022
64
150
2023
64
133
2023
60
127
2025E
65
124
2026F
167
2019
57
227
219
224221
214
196192189
65
-1.5%
ผลิตในประเทศน าเข้า
แหล่งที่มาของกระเบื้องที่มีการใช้งานในประเทศ
หน่วย : ล้าน ตร.ม.
ราคากระเบื้อง
หน่วย: บาท/ตร.ม.
•ในปี 2026 การใช้งานกระเบื้องปูพื้น/บุผนังในประเทศมีแนวโน้มอยู่ที่ 189 ล้าน ตร.ม. (-1.5%YOY) จากการก่อสร้างภาคเอกชนที่มีแนวโน้มหดตัว ไปตามตลาดที่อยู่อาศัย แม้ยังมีการใช้งานกระเบื้อง
ปูพื้น/บุผนังเพื่อปรับปรุงพื้นที่เชิงพาณิชย์ อาทิ โรงแรม, ห้างสรรพสินค้า, พื้นที่ค้าปลีก, โครงการ Mixed-use และ Community mall รวมถึงที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ
ในวันที่ 28 มีนาคม 2025 ที่ผ่านมา แต่อุปสงค์การใช้งานยังเป็นไปอย่างจ ากัด โดยเฉพาะครัวเรือนที่ยังมีความระมัดระวังด้านการใช้จ่ายในการปรับปรุงซ่อมแซม
•ตลาดกระเบื้องปูพื้น/บุผนังมีปัจจัยกดดันจากการเข้ามาตีตลาดของกระเบื้องน าเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกระเบื้องจากจีน, เวียดนาม และอินเดีย ประกอบกับผลกระทบจากสงครามการค้า
ของสหรัฐฯ อาจส่งผลให้เกิดการระบายสินค้ากระเบื้องจากจีน เวียดนาม และอินเดีย มายังไทยมากขึ้น
•ราคากระเบื้องในปี 2026 มีแนวโน้มลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 147 บาท/ตร.ม.(-2.0%YOY) ตามต้นทุนปัจจัยการผลิต และราคาพลังงานที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง ประกอบกับยังเผชิญสถานการณ์
การแข่งขันด้านราคาเพื่อส่งเสริมการขาย ทั้งผู้ผลิตกระเบื้องในประเทศ และกระเบื้องที่ถูกน าเข้ามาตีตลาด
ในปี 2026 ปริมาณการใช้งานกระเบื้องปูพื้น/บุผนังมีแนวโน้มหดตัว 1.5%YOY จากการก่อสร้างภาคเอกชนที่มี
แนวโน้มหดตัวตามตลาดที่อยู่อาศัย
หมายเหตุ : *ค านวณจากราคาเฉลี่ยกระเบื้องน าเข้าจากจีน, อินเดีย และเวียดนาม
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ และส านักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
137
133132147
150
153
150
147
131
126
128
155
145145
133
100
110
120
130
140
150
160
170
2019202020212022202320242025E2026F
-2.0%
ผลิตในประเทศน าเข้า*

33
SCB EIC Industry insight : Building materials
ในปี 2026 มูลค่าตลาดสีทาอาคารมีแนวโน้มหดตัว 2.4%YOY จากปัจจัยด้านราคาที่ลดลง และปริมาณการ
ใช้งานที่หดตัวตามการก่อสร้างที่อยู่อาศัย
สีทาอาคาร
หมายเหตุ : *นับเฉพาะสีทาอาคารประเภทสีน ้า และสีน ้ามัน ไม่นับรวมสีอุตสาหกรรม
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของBOL-Enliteและส านักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
ราคาเฉลี่ยสีทาอาคารในประเทศ
หน่วย: บาท/ลิตร
มูลค่าตลาดสีทาอาคารของไทย
หน่วย: พันล้านบาท
101
94
102
101
100
80
90
100
110
20192020
97
2021
107
2022
106
202320242025E2026F
•ปี 2026 มูลค่าตลาดสีทาอาคารมีแนวโน้มหดตัว 2.4 %YOY จากปัจจัยด้านราคาที่ลดลง
และปริมาณการใช้งานที่หดตัวตามการก่อสร้างที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ดี การพัฒนาพื้นที่
เชิงพาณิชย์ รวมถึงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคาร และที่พักอาศัย จะเป็นปัจจัยที่ช่วยพยุง
ปริมาณการใช้งานสีทาอาคารในปี 2026
•ราคาสีทาอาคารในปี 2026 คาดว่าจะอยู่ที่ 100 บาท/ลิตร ปรับตัวลดลงเล็กน้อยต่อเนื่องจาก
ปี 2025 ตามต้นทุนวัตถุดิบส าคัญ และต้นทุนค่าขนส่ง จากทิศทางราคาน ้ามันดิบที่มีแนวโน้ม
ปรับตัวลดลง
•ทั้งนี้ในปี 2026 ยังมีความผันผวนของราคาวัตถุดิบ ราคาพลังงาน และค่าเงินบาท ซึ่งจะมี
ผลต่อต้นทุนการผลิต และการขนส่ง นับเป็นความท้าทายที่ส าคัญในการรักษาอัตราก าไรของ
ผู้ประกอบการในช่วงที่ปริมาณการใช้งานสีทาอาคาร มีแนวโน้มลดลง
2019202020212022202320242025E2026F
34.7
32.3
34.4
38.8
41.1
39.2
37.536.6
-4.3%
-2.4%

34
SCB EIC Industry insight : Building materials กระเบื้อง และสีทาอาคาร
0
20
40
60
80
100
120
140
2021Q1 2022Q1 2023Q1 2024Q1 2025Q1
MPI Import
0
50
100
150
200
250
300
2021Q1 2022Q1 2023Q1 2024Q1 2025Q1
MPI Import
การผลิต และปริมาณการน าเข้าสีทาอาคารจากจีน
หน่วย: Index (2021=100)
การผลิต และปริมาณการน าเข้ากระเบื้องปูพื้น/บุผนังจากจีน
หน่วย: Index (2021=100)
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของส านักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม และกระทรวงพาณิชย์
การน าเข้าสินค้าประเภทวัสดุก่อสร้างจากจีน เป็นปัจจัยกดดันให้ดัชนีผลผลิตสินค้า (MPI) ของไทยอยู่ในระดับต ่า
•ปริมาณการน าเข้ากระเบื้องจากจีนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละช่วง ส่งผลให้ปริมาณการ
ผลิตกระเบื้องในประเทศลดลง โดยในระยะที่ผ่านมา กระเบื้องจากจีนมีการทุ่ม
ตลาด ส่งผลให้ไทยมีการใช้มาตรการ AD กับจีนมาตั้งแต่ปี 2011
•ผลกระทบมาจากสงครามการค้าของสหรัฐฯ อาจส่งผลให้เกิดการระบายสินค้า
กระเบื้องจากทั้งจีน เวียดนาม และอินเดียมายังไทยมากขึ้น
•การผลิตสีทาอาคารของไทยในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับการผลิตในอดีต
ที่ผ่านมา โดยผู้ผลิตสีทาอาคารรายใหญ่ของไทย มีการผลิตปริมาณมากจนเกิดการ
ประหยัดต่อขนาด ส่งผลให้สามารถแข่งขันด้านราคาได้ อีกทั้ง ยังมีการผลิตสีทาอาคาร
หลากหลายกลุ่ม ครอบคลุุมตั้งแต่กลุ่ม Standard & Economy ไปจนถึงกลุ่มพรีเมียม
และสีคุณภาพพิเศษ ท าให้้สามารถกระจายตลาดผู้้ใช้้งานได้้หลากหลาย
•อย่างไรก็ดี การน าเข้าสีทาอาคารที่เพิ่มขึ้นจากจีนอย่างมีนัยส าคัญตั้งแต่ไตรมาสแรก
ของปี 2023 เป็นประเด็นที่ต้องติดตาม เนื่องจากมีอัตราการเติบโตสูง

ความท้าทายของอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างในปี 2026
การก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่หดตัว การแข่งขันที่รุนแรงกับสินค้าจากต่างประเทศ และเป้าหมายการเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน
เป็นปัจจัยท้าทายที่ส าคัญของภาควัสดุก่อสร้างของไทย

36
SCB EIC Industry insight : Building materials
การแข่งขันกับสินค้าจากต่างประเทศแนวโน้มการปรับตัวมุ่งสู่ความยั่งยืน
ที่มา : การวิเคราะห์โดยSCB EIC
ความท้าทายของอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างในปี 2026
การก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่หดตัว
•สินค้าจากจีนยังคงถูกน าเข้ามาจ าหน่ายในประเทศอย่างต่อเนื่อง
ส่งผลให้ภาวะการแข่งขันของอุตสาหกรรมรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะ
กลุ่มสินค้าเหล็กที่ยังมีปัญหาด้านอัตราการใช้ก าลังการผลิตที่ยังคงอยู่
ในระดับต ่า
•สินค้าจากประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการด าเนินนโยบายทางด้าน
ภาษีของสหรัฐอเมริกา ทั้ง Reciprocal tariff และภาษีน าเข้าเหล็ก
ภายใต้ Section 232 ซึ่งส่งผลให้อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างของไทยต้อง
รับมือกับสินค้าจากต่างประเทศอื่น ๆ นอกเหนือจากจีน จะทะลักเข้ามา
มากขึ้นในปี 2026 และกระทบกับปริมาณการผลิตสินค้าในประเทศ
โดยสินค้ากระเบื้องมีความเสี่ยงเพิ่มเติมจากสินค้าจากเวียดนาม
และอินเดีย ที่จะเข้ามาตีตลาดเพิ่มเติมเนื่องจากราคาที่ถูกกว่า
และเหล็กจากญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ที่คาดว่าจะถูกระบายเข้ามามากขึ้น
จากการกระจายสินค้าที่ถูกกีดกันจากสหรัฐฯ
•เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ส่งผลให้ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างหาแนวทาง
ในการลดการปล่อยCO
2จากกระบวนการผลิต โดยเฉพาะในการผลิตเหล็กและ
ปูนซีเมนต์ที่มีสัดส่วนการปล่อย Emission ในระดับสูง โดยปัจจุบันหลายประเทศ
ก าลังพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเพื่อลดCarbon footprint ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพ
ในการแข่งขันในตลาด Green supply chain ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มของสินค้าที่สูงกว่า
•การตั้งอัตราภาษีคาร์บอนข้ามพรมแดน (CBAM) ท าให้สินค้ามีต้นทุนภาษีเพิ่มขึ้น
ตามปริมาณการปล่อย CO
2 ในกระบวนการผลิต และหากผู้ผลิตสามารถผลิตสินค้า
ที่มีสัดส่วนการปล่อย CO
2 น้อย ก็จะเป็นโอกาสในการแข่งขันในตลาดที่มีการใช้
CBAM ซึ่งปัจจุบันตลาด EU ก็อยู่ในช่วงด าเนินมาตรการเปลี่ยนผ่าน ที่ผู้น าเข้าต้อง
รายงานการปล่อย CO
2 ของสินค้าน าเข้า
•การก าหนดคุณสมบัติวัสดุก่อสร้างจากเจ้าของโครงการก่อสร้าง ทั้งในส่วนของ
โครงการก่อสร้างภาครัฐ และภาคเอกชนที่มีความต้องการในการพัฒนาอาคาร
สีเขียวให้ตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน
ความท้าทาย
•ภาวะ Oversupply ของหน่วยที่อยู่อาศัยที่รอจ าหน่ายยังอยู่
ในระดับสูง ส่งผลให้การเปิดโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่
ในปี 2026 หดตัว กดดันปริมาณการใช้งานวัสดุก่อสร้าง
โดยเฉพาะกลุ่มวัสดุตกแต่ง อาทิ กระเบื้องปูพื้น-บุผนัง
สีทาอาคาร เนื่องจากกว่า 70% ของปริมาณการใช้งาน
ทั้งหมดในแต่ละปี เป็นการใช้งานในโครงการก่อสร้างของ
ภาคเอกชน ทั้งโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัย และการพัฒนา
พื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งก็ยังมีความเสี่ยงของการชะลอการ
ก่อสร้างโครงการที่ไม่มีศักยภาพ
•ปริมาณการใช้งานที่ลดลงเป็นความเสี่ยงต่อรายได้ของ
ผู้ประกอบการ จากยอดจ าหน่ายที่หดตัว เป็นผลจาก
ค าสั่งซื้อที่ลดลง และแนวโน้มราคาวัสดุก่อสร้างที่ยังลดลง
ต่อเนื่องจากปีก่อน

นัยต่อผู้ประกอบการ
และแนวทางการปรับกลยุทธ์

38
SCB EIC Industry insight : Building materials
ปัจจัยกดดันรอบด้านในปี 2026 ส่งผลให้ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างต้องแสวงหาโอกาสจากการจับขั้วทางเศรษฐกิจ
รับมือกับสินค้าจีน ควบคุมมาตรฐานการผลิตสินค้าตลอดห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงลดการปล่อย Emission
ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC
การปรับกลยุทธ์
•การแสวงหาโอกาสจากผลกระทบ
ของการจับขั้วทางเศรษฐกิจ และ
ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
โดยเฉพาะแนวโน้มสงครามทาง
การค้าระหว่างจีนและสหรัฐเมริกา
ซึ่งผู้ผลิตควรใช้โอกาสนี้ในการ
สร้างฐานลูกค้าที่มีแนวโน้มจับขั้ว
ทางการค้าใหม่ และจ าเป็นต้อง
สร้างความยืดหยุ่นของห่วงโซ่
อุปทาน โดยเฉพาะการจัดหาแหล่ง
วัตถุดิบการผลิตสินค้า รวมถึงสร้าง
จุดแข็งของสินค้าเพื่อเจาะกลุ่ม
ประเทศคู่ค้าที่มีศักยภาพ
•การรับมือกับการแข่งขันจาก
สินค้าราคาถูกจากจีน ควรเพิ่ม
ความสามารถในการแข่งขันใน
ด้านคุณภาพ และมาตรฐาน
ของสินค้ามากกว่าด้านราคา
ซึ่งต้องมีการบริหารจัดการแหล่ง
วัตถุดิบ ต้นทุน และสต็อกสินค้า
เพื่อให้ธุรกิจยังสามารถรักษา
อัตราก าไรไว้ได้อย่างต่อเนื่อง
โดยภาครัฐจะเป็นต้องเข้ามา
สนับสนุนในเชิงนโยบาย หรือ
ก าหนดมาตรการ เช่น การสกัด
กั้นสินค้าที่ถูกน าเข้ามาทุ่มตลาด
การก าหนดมาตรฐานสินค้า
น าเข้าและส่งออก เป็นต้น
•การควบคุมมาตรฐานการผลิต
สินค้าตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ของสินค้าที่เกี่ยวข้อง การ
ตรวจสอบมาตรฐานการผลิต
สินค้าวัสดุก่อสร้างของทาง
ภาครัฐมีแนวโน้มเข้มงวดมาก
ขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตต้องรักษา
มาตรฐานการผลิตสินค้าให้ได้
คุณภาพตามที่ก าหนด รวมถึง
ยังต้องควบคุมมาตรฐานไปยัง
คู่ค้าที่เกี่ยวข้องกับการจ าหน่าย
สินค้าภายใต้ตราสินค้าเดียวกัน
•ลดการปล่อย Emissionแนวโน้ม
การเข้าสู่ความเป็นกลางทาง
คาร์บอนของโลก ส่งผลให้เกิด
ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์และ
วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาก
ขึ้น ดังนั้น ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างต้อง
ปรับตัวในการลดการปล่อย CO
2
ในกระบวนการผลิต เช่น จัดหา
แหล่งพลังงานทางเลือกเพื่อ
ทดแทนการพึ่งพาพลังงานจาก
ฟอสซิล เตรียมข้อมูลปริมาณการ
ปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิต
เพื่อสร้างโอกาสให้กับสินค้าวัสดุ
ก่อสร้างของไทยในการร่วมเป็น
ส่วนหนึ่งใน Green supply chain

39
SCB EIC Industry insight : Building materials
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC
การปรับกลยุทธ์
ผู้ค้าวัสดุก่อสร้าง
ส าหรับผู้ค้าวัสดุก่อสร้าง ต้องติดตามสถานการณ์ และแนวโน้มของอุตสาหกรรม จัดจ าหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพ
เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ และน าเทคโนโลยีมาปรับใช้
•ติดตามสถานการณ์ และ
แนวโน้มของอุตสาหกรรม
เช่น ทิศทางราคาสินค้าต้นทุน
การขนส่ง เพื่อให้สามารถ
บริหารจัดการต้นทุนให้
สอดคล้องกับความสามารถ
ในการระบายสินค้าของผู้ค้า
วัสดุก่อสร้าง ซึ่งจะช่วยลด
ปัญหาต้นทุนจม หรือสินค้า
ค้างสต็อกเป็นเวลานาน
•จัดจ าหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพ และ
ได้มาตรฐาน ในระดับราคาที่เหมาะสม
โดยปัจจุบันภาครัฐได้เพิ่มความ
เข้มงวดในการตรวจสอบมาตรฐาน
และก าหนดมาตรฐานใหม่ของสินค้า
ทั้งสินค้าน าเข้าจากต่างประเทศ
และสินค้าที่ผลิตในประเทศ ดังนั้น
การจัดจ าหน่ายสินค้าที่ได้มาตรฐาน
และมีราคาที่เหมาะสม ก็จะช่วย
ให้ผู้ค้าวัสดุก่อสร้างได้รับความ
น่าเชื่อถือมากขึ้น และมีโอกาสที่จะ
ได้รับค าสั่งซื้อจากลูกค้ามากขึ้น
โดยเฉพาะตามกระบวนการจัดซื้อ
ของภาครัฐ และภาคธุรกิจ รวมถึง
จากผู้บริโภคทั่วไป
•เพิ่มประสิทธิภาพในการให้
บริการ ท่ามกลางการแข่งขัน
ของกลุ่มผู้ค้าวัสดุก่อสร้างใน
ปัจจุบัน ทั้งModern trade
ร้านค้าในชุมชน ซึ่งจะต้อง
ก าหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
และใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่
เหมาะสม เพื่อสร้างความพึง
พอใจและกลับมาใช้บริการซ ้า
เช่น พัฒนาช่องทางการสื่อสาร
ยกระดับการให้ค าปรึกษา
ปรับปรุงระบบโลจิสติกส์
•น าเทคโนโลยีมาปรับใช้ เช่น
การใช้ Software หรือ AI เข้า
มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อ
บริหารจัดการสต็อกสินค้า
เข้าและสินค้าออก เพื่อให้
การติดตามข้อมูลต่าง ๆ เช่น
ยอดขาย ก าไร ปริมาณสินค้า
คงเหลือ สามารถท าได้อย่าง
ถูกต้อง รวดเร็ว และช่วยให้
ผู้ประกอบการสามารถตัดสินใจ
ทางธุรกิจได้แม่นย ามากยิ่งขึ้น

Disclaimer
ThisdocumentismadebyTheSiamCommercialBankPublicCompanyLimited(“SCB”)forthepurposeofprovidinginformationsummaryonly.Anyinformationandanalysis
hereinarecollectedandreferredfrompublicsourceswhichmayincludeeconomicinformation,marketinginformationoranyreliableinformationpriortothedateofthis
document. SCBmakesnorepresentationorwarrantyastotheaccuracy,completenessandup-to-datenessofsuchinformationandSCBhasnoresponsibilitytoverifyortoproceed
anyactiontomakesuchinformationtobeaccurate,complete,andup-to-dateinanyrespect.Theinformationcontainedhereinisnotintendedtoprovidelegal,financialortax
adviceoranyotheradvice,anditshallnotbereliedorreferreduponproceedinganytransaction.Inaddition,SCBshallnotbeliableforanydamagesarisingfromtheuseof
informationcontainedhereininanyrespect.
คณะผู้จัดท า
กัญญารัตน์ กาญจนวิสุทธิ์
นักวิเคราะห์อาวุโส
[email protected]
วรรณโกมล สุภาชาติ
นักวิเคราะห์
[email protected]

7