มะเขือเทศพื้นเมือง เบอร์ ๓

kaewpanyakm 672 views 20 slides Feb 17, 2017
Slide 1
Slide 1 of 20
Slide 1
1
Slide 2
2
Slide 3
3
Slide 4
4
Slide 5
5
Slide 6
6
Slide 7
7
Slide 8
8
Slide 9
9
Slide 10
10
Slide 11
11
Slide 12
12
Slide 13
13
Slide 14
14
Slide 15
15
Slide 16
16
Slide 17
17
Slide 18
18
Slide 19
19
Slide 20
20

About This Presentation

มะเขือเทศพื้นเมือง เบอร์ ๓ : มะเขือเทศพื้นเมือง เบอร์ ๓ พันธุ์คัดเลือกใหม่ พัฒนาและปรับปรุงพันธุ์โดย มหาวิ�...


Slide Content

ISBN : 978-974-625-581-3

ค�ำน�ำ

มะเขือเทศเป็นพืชล้มลุก มีการปลูกมานานเพาะเป็นอาหารประจ�ำ
ครัวเรือนใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารต่างๆมากมาย ปัจจุบันมะเขือเทศ
เป็นผักที่มีความส�ำคัญทางเศรษฐกิจ นิยมปลูกโดยทั่วไปทั้งในเขตร้อนชื้น
และเขตอบอุ่น เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาได้
มีโอกาสร่วมสนองงานในสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ ณ ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืช
จักพันธ์เพ็ญศิริ อ�ำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย พัฒนาพันธุ์พืชพื้นเมืองต่างๆให้
เกิดประโยชน์และเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรพันธุ์พืชสร้างความมั่นคงทางอาหาร
มะเขือเทศพื้นเมืองเป็นอีกพืชหนึ่งที่มีการพัฒนาขึ้นมาให้เกิดประโยชน์กับ
ประชาชนทั่วไป มะเขือเทศเบอร์ ๓ เกิดจากการกระจายตัวของพันธุกรรมซึ่งปรากฏ
ลักษณะดีของพันธุ์ที่ได้จากการคัดเลือกในกลุ่มประชากรของมะเขือเทศพื้นเมือง
เบอร์ ๑ และ เบอร์ ๒ ซึ่งเป็นลักษณะที่แตกต่างจากลักษณะเดิมจึงได้คัดเลือกและ
เก็บเมล็ดพันธุ์ปลูกต่อๆกันหลายรุ่น
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

สารบัญ
เรื่อง
• ความส�ำคัญ
• ลักษณะทั่วไปของพืช
• ลักษณะการเจริญเติบโตของมะเขือ
เทศพื้นเมือง เบอร์ ๓
• สภาพภูมิอากาศและฤดูปลูก
ที่เหมาะสม
• พื้นที่ปลูก
• ประวัติการพัฒนาพันธุ์
• ลักษณะประจ�ำพันธุ์มะเขือเทศ
เบอร์ ๓
• ขั้นตอนการปลูก
• การผลิตและเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์
• ผังการปลูก
• ภาคผนวก
หน้า









๑๐
๑๑

มะเขือเทศพื้นเมือง เบอร์ ๓
ความส�ำคัญ
มะเขือเทศจัดเป็นพืชผักที่มีความส�ำคัญที่ทั้งในแง่
ผักอุตสาหกรรมและบริโภคสด ที่ส�ำคัญมะเขือเทศมีสาร
ไลโคปีนเป็นสารประกอบที่ได้รับความสนใจเนื่องจาก
มีรายงานว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยเฉพาะการ
ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก
รองลงมา คือมะเร็งปอด กระเพาะอาหาร ช่วยลด
ความเสี่ยงจากการเป็นมะเร็งตับอ่อน ล�ำไส้ใหญ่
(colon) ทวารหนัก คอหอย ช่องปาก เต้านม
มะเขือเทศมีสรรพคุณทางยาค่อนข้างสูง เพราะมะเขือเทศ
มีวิตามินซี (citrin) ซึ่งจะช่วยป้องกันการแข็งตัวของ
หลอดเลือด มะเขือเทศยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะจึงสามารถ
แก้อาการความดันโลหิตสูง มะเขือเทศมีวิตามินเอ
จึงสามารถรักษาโรคตาได้ ที่ส�ำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ
มีวิตามินซีมากท�ำให้สามารถป้องกันและรักษา
โรคลักปิดลักเปิด ช่วยระบบการย่อยและช่วย
การขับถ่าย ต่อไปในอนาคตประชาชนที่อยู่
ในวัยชรามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ตามเทคโนโลยี
ทางการแพทย์ที่เจริญก้าวหน้ามาก และ
ประชาชนส่วนใหญ่มีความรู้ในการดูแลสุขภาพ
ดังนั้นอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
จึงเป็นที่ต้องการสูงขึ้นและมะเขือเทศเป็นพืชหนึ่งที่จะช่วย
ให้ประชาชนทั่วไปมีสุขภาพดี
ลักษณะทั่วไปของพืช
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Lycopersicon esculuentum
Mill.
ชื่อวงศ์ : Solanaceae
ชื่อสามัญ : Tomato
ชื่ออื่น : มะเขือเทศ(ทั่วไป) มะเขือส้ม (ภาคเหนือ)
บักเขือเทศ(ภาคอีสาน)

ลักษณะการเจริญเติบโตของ
มะเขือเทศพื้นเมือง เบอร์ ๓
มะเขือเทศพื้นเมืองเบอร์๓ มีการเจริญเติบโตแบบ
พุ่มมีล�ำต้นตั้งตรง กิ่งแขนงหลายแขนงเกิดตามข้อบน
ล�ำต้นด้านล่าง และอาจมีแขนงย่อยได้อีก ช่อดอกเกิด
ระหว่างข้อทุกข้อ ในเวลาใกล้เคียงกัน เมื่อตายอดเกิด
ช่อดอกแล้วจะหยุดการเจริญเติบโต มีความสูงโดยเฉลี่ย
๑๕๐ เซนติเมตร การเจริญเติบโตตั้งแต่ระยะกล้า ๑๘-๒๐ วัน
ระยะพัฒนาล�ำต้น ๓๐-๓๕ วัน ระยะออกดอก๕๐เปอร์เซ็นต์
ที่อายุ ๔๕ วัน การพัฒนาผลหลังดอกบานใช้เวลาประมาณ
๓๐ วัน รวมระยะเวลาปลูกจนเก็บเกี่ยว ๔ เดือน

สภาพภูมิอากาศและฤดูปลูกที่
เหมาะสม
มะเขือเทศสามารถเจริญเติบโตทางด้านล�ำต้น
ใบ และออกดอกได้ดีตลอดทั้งปี แต่การติดผลของ
มะเขือเทศต้องการสภาพอากาศค่อนข้างเย็น อุณหภูมิ
กลางวันที่เหมาะสมอยู่ที่ระหว่าง ๒๕ - ๓๐ องศาเซลเซียส
อุณหภูมิกลางคืนประมาณ ๑๕ - ๒๐ องศาเซลเซียส
ถ้าอุณหภูมิกลางคืนสูงกว่า ๒๒ องศาเซลเซียส
จะท�ำให้มะเขือเทศไม่ติดผลหรือติดผลได้น้อยมาก
ฝนและความชื้นสูงเป็นสาเหตุส�ำคัญท�ำให้โรคทางใบและ
ทางรากระบาดรุนแรง ดังนั้นฤดูปลูกที่เหมาะสมที่สุดจึง
อยู่ในช่วงฤดูหนาว โดยมีช่วงหยอดเมล็ดเพาะกล้าอยู่
ระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม ซึ่งนอกจากสภาพ
อากาศจะเหมาะสมต่อการติดผล ท�ำให้ได้ผลผลิตสูงแล้ว
ยังมีศัตรูพืชรบกวนน้อย ต้นทุนการผลิตจึงต�่ำกว่าการปลูก
ในฤดูอื่นด้วย

พื้นที่ปลูก
มะเขือเทศเป็นพืชผักสามารถขึ้นได้กับดินแทบ
ทุกชนิด แต่ชอบดินร่วนที่มีความเป็นกรดเป็นด่าง (pH)
ของดินในช่วง ๕.๐-๕.๘ และความชื้นของดินพอเหมาะ
ต้องการแสงแดดเต็มที่ตลอดวัน ช่วงอุณหภูมิที่เหมาะ
สมในการเจริญเติบโต ระหว่าง ๒๑-๒๔ องศาเซลเซียส
ส�ำหรับมะเขือเทศพันธุ์นี้เป็นพันธุ์ที่มีความทนทานปรับ
ตัวเข้ากับพื้นที่ทางภาคเหนือได้ดี โดยเฉพาะในพื้นที่
ที่ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์ฯซึ่งเดิมเป็นพื้นที่ปลูกยาสูบ
มีความอุดมสมบูรณ์และอินทรียวัตถุของดินต�่ำ โรคทางดิน
มีมาก และมีแมลงศัตรูคอยระบาดเป็นประจ�ำ ดังนั้นพืชที่
สามารถเจริญเติบโตได้แสดงว่าจะต้องปรับตัวเข้ากับสภาพ
พื้นที่นี้ได้เป็นอย่างดี
ประวัติการพัฒนาพันธุ์

เนื่องจากปัจจุบันเกษตรกรมีต้นทุนในการปลูกพืช
เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะต้นทุนในเรื่องของเมล็ดพันธุ์ซึ่งส่วนมาก
เป็นเมล็ดพันธุ์พืชในปัจจุบันเป็นพันธุ์ลูกผสมมีราคาแพง
และยังไม่สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ปลูกในฤดูถัดไปได้และ
มะเขือเทศมักจะเป็นโรคเหี่ยวเขียวได้ง่าย จึงเป็นที่มาของ
การพัฒนาพันธุ์มะเขือเทศพื้นเมือง เบอร์๑ และเบอร์ ๒
ซึ่งได้พัฒนาจนมีลักษณะที่ต้องการและได้ทูลถวายพันธุ์ไป
แล้ว ดังนั้นในแต่ละปีต้องท�ำการรักษาพันธุ์ไว้โดยเก็บไว้ใน
ห้องเย็นและน�ำมาปลูกต่อชีวิตเมล็ดพันธุ์ทุก ๒ ปี ระหว่าง
การพัฒนาพันธุ์
มะเขือเทศพื้นเมืองเบอร์ ๒ ก่อนที่จะทูลเกล้าถวาย
พันธุ์ บังเอิญมีมะเขือเทศต้นหนึ่งในกลุ่มพันธุ์เบอร์ ๒ มี
ลักษณะแตกต่างจากต้นอื่นซึ่งมีสีผิวผลชมพูสวยงาม
และมีผลใหญ่กว่าเบอร์ ๒ มีจ�ำนวนผลต่อต้นมาก ล�ำต้น
แข็งแรงแตกกิ่งแขนงมากเป็นพุ่มใหญ่เป็นโรคใบไหม้น้อย
จึงได้เก็บเมล็ดพันธุ์ไว้และน�ำมาปลูกพัฒนาพันธุ์แบบผสม
ตัวเอง ประมาณ ๘ รุ่น และน�ำมาทดสอบความเสถียร
ปรากฎว่ามีความสม�่ำเสมอของลักษณะต้นจึงน�ำทูลเกล้า
ถวายพันธุ์เป็นพันธุ์มะเขือเทศพื้นเมืองเบอร์ ๓

ลักษณะประจ�ำพันธุ์มะเขือเทศ เบอร์ ๓
เป็นพันธุ์ที่ได้จากการคัดเลือกในกลุ่มประชากรของมะเขือเทศเบอร์ ๑ และเบอร์ ๒ ที่ได้
ปรากฏลักษณะที่แตกต่างจากลักษณะเดิมจึงได้คัดเลือกและเก็บเมล็ดพันธุ์ปลูกต่อหลายๆรุ่น
ได้ด�ำเนินการปรับปรุงพันธุ์มาแล้ว ๘ รอบ ( F
8
)

ขั้นตอนการปลูก
๑.การเพาะกล้า
๑.๑.ให้เตรียมดินละเอียดพร้อมปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก
ในอัตรา ๒:๑ และใส่ดินผสมดังกล่าวลงในถาดพลาสติก
เพาะกล้า
๑.๒.ใช้เศษไม้เล็กๆ(ขนาดเท่าไม้จิ้มผลไม้)กดลงไป
ในดินที่บรรจุอยู่ในถาดพลาสติกเพาะกล้า ขนาดความลึก
๐.๕ เซนติเมตร
๑.๓.น�ำเมล็ดมะเขือเทศหยอดลงในหลุมปลูก หลุม
ละ ๑-๒ เมล็ดกลบดินผิวหน้าเมล็ดมะเขือเทศแล้วรดน�้ำ
และควรป้องกันมดคาบเมล็ดไปจากถาดเพาะกล้า โดยใช้
ปูนขาวโรยเป็นเส้นรอบรูปล้อมถาดเพาะไว้
๑.๔.หลังเพาะนาน ๗-๑๐ วัน มะเขือเทศเริ่มงอก
หมั่นรดน�้ำต้นกล้ามะเขือเทศทุกวันๆละ ๑-๒ ครั้ง ในช่วง
เช้าและ เย็นจนกระทั่งต้นกล้ามะเขือเทศมีอายุ ๒๐-๒๕
วัน จึงย้ายกล้ามะเขือเทศลงปลูกในแปลงปลูก
๒.การย้ายกล้าปลูก
ควรเตรียมดินปลูก โดยใช้จอบขุดย่อยดินหน้าให้ลึก
๑๕-๒๐ ซม. และย่อยดินให้ละเอียด ใส่ปุ๋ยคอก หรือใส่ปุ๋ย
หมัก คลุกเคล้าให้เข้ากับดินแล้วขึ้นแปลงกว้าง ๑ เมตรยาว
ตามพื้นที่ ในแต่ละแปลงปลูก ๒ แถวท�ำเป็นหลุมๆ ระยะ
ปลูก ๕๐x๘๐ เซนติเมตรใช้พลาสติกด�ำคลุมแปลงขนาด
หน้ากว้าง ๑๒๐ เซนติเมตร ป้องกันวัชพืช มีการให้น�้ำแบบ
ปล่อยตามร่องข้างๆแถวของต้น
ฤดูหนาวเป็นฤดูที่เหมาะสมที่สุดในการเจริญ
เติบโตของมะเขือเทศ อุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดในการ
เจริญเติบโตอยู่ระหว่าง ๑๘-๒๘ องศาเซลเซียสซึ่งต้น
จะแข็งแรงและติดผลมาก ถ้าความชื้นของอากาศและ
อุณหภูมิสูงจะท�ำให้ผลผลิตและคุณภาพลดลง และท�ำให้
เกิดโรคต่าง ๆ ง่าย
การปลูกมะเขือเทศโดยทั่วไปไม่ควรปลูกซ�้ำที่เดิม
หรือในพื้นที่ปลูกพืชในตระกูลเดียวกันกับมะเขือเทศมา
ก่อน เช่น พริก มะเขือและยาสูบ เป็นต้น เพราะอาจมี
เชื้อโรคต่าง ๆ สะสมอยู่ในดิน ซึ่งเป็นโอกาสให้มะเขือเทศ
เป็นโรคได้ง่าย

๓.การให้ปุ๋ย
มีการใส่ปุ๋ย๑๕-๑๕-๑๕รองก้นหลุมก่อนปลูกและใส่
ปุ๋ยยูเรียหลังปลูกแล้วประมาณ ๗ วัน อัตรา ๓ กิโลกรัม
ต่อไร่ หลังจากนั้นทุก ๑๕ วันใส่ปุ๋ยเคมี ๑๕-๑๕-๑๕ ใน
อัตราครั้งละ ๗.๕ กิโลกรัมต่อไร่ เก็บเกี่ยวผลผลิตได้นาน
ประมาณ ๓๐ วัน

๔.การป้องกันก�ำจัดศัตรูพืช
ศัตรูที่ส�ำคัญของมะเขือเทศคือโรคเหี่ยว
เขียวควรป้องกันก�ำจัดโดยรองก้นหลุมด้วยเชื้อรา
ไตรโคเดอร์มา หรือใบมะรุมแห้งสัก ๒-๓ ก�ำมือ
ส่วนแมลงศัตรูที่ส�ำคัญคือแมลงหวี่ขาว เพลี้ยไฟ อาจมี
หนอนเจาะผลเข้าท�ำลายในบางครั้ง การป้องกันก�ำจัด
ถ้าระบบการให้น�้ำแบบสปิงเกอร์จะช่วยป้องกันแมลง
เหล่านั้นได้เป็นอย่างดี หรือถ้าพบเป็นจ�ำนวนมากควร
พ่นด้วยสารสกัดจากพืชเช่นหางไหลผสมกับสารสกัด
จากดีปลี เป็นต้น
๕.การเก็บเกี่ยว
การเก็บเกี่ยวขึ้นอยู่กับพันธุ์ แต่โดยเฉลี่ยแล้วเมื่อ
ปลูกได้ประมาณ ๓๐ - ๔๕ วัน มะเขือเทศจะเริ่มออกดอก
และจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุประมาณ ๗๐ - ๙๐ วัน และ
จากเริ่มปลูกถึงเก็บเกี่ยวหมดประมาณ ๔-๕ เดือน

การผลิตและเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์
พันธุ์มะเขือเทศพื้นเมืองเบอร์๓ เกษตรกรสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์
ไว้ใช้เองต่อไปได้ โดยคัดเลือกเก็บเมล็ดพันธุ์จากต้นซึ่งสมบูรณ์มีการ
เจริญเติบโตดี ปราศจากโรคและแมลงรบกวน มีผลดกซึ่งมีคุณภาพดี
ตรงตามพันธุ์ ถ้าในบริเวณเดียวกันนั้นมีการปลูกมะเขือเทศหลายพันธุ์ก็
จ�ำเป็นจะต้องเลือกเก็บพันธุ์จากต้นซึ่งอยู่กลางแถว ไม่ควรเก็บจากต้นซึ่ง
อยู่แถวนอก ทั้งนี้เนื่องจากในธรรมชาติมะเขือเทศจะเป็นพืชที่มีการผสม
ตัวเองก็ตามแต่เปอร์เซ็นต์การผสมข้ามก็มีอยู่บ้าง โดยลมและแมลงเป็น
สื่อช่วยผสม จะพบมากกับพันธุ์ที่มีก้านชูเกสรตัวเมียยืดยาวโผล่พ้นออกมา
จากหมวกเกสรตัวผู้ การเลือกต้นมะเขือเทศส�ำหรับเก็บเมล็ดพันธุ์จะต้อง
คอยสังเกตทุกระยะการเจริญเติบโต เมื่อเลือกต้นได้แล้วควรหาไม้ปักต้น
หรือท�ำเครื่องหมายที่ต้นเอาไว้เพื่อแสดงว่าเป็นต้นที่จะเก็บเมล็ดพันธุ์แล้ว
ปล่อยให้ผลสุกแดงคาต้น เมื่อเก็บผลมาแล้ว ท�ำการแยกเมล็ดออกจาก
ผลถ้ามีจ�ำนวนน้อยควรใช้วิธีใช้มือบีบเมล็ดออกจากผล หรือใช้มีดผ่าแคะ
เอาเมล็ดออกมา ถ้าต้องการเมล็ดพันธุ์จ�ำนวนมากๆ ให้น�ำผลใส่กระสอบ
ปุ๋ยแล้วใช้เหยียบผลให้แตกจากนั้นน�ำเมล็ดไปล้างด้วยน�้ำโดยใช้ตะแกรง
ที่มีรูเล็กๆ หรือใช้ตาข่ายมุ้งลวดพลาสติกมาเย็บเป็นถุงใส่เมล็ดแล้วล้าง
ด้วยน�้ำประมาณ ๒- ๓ ครั้ง จนสะอาดแล้วน�ำเมล็ดมาผึ่งบนเสื่อหรือ
กระด้ง ห้ามตากบนพื้นปูนหรือภาชนะโลหะเพราะท�ำให้เมล็ดร้อนเกิน
ไปและตายได้ ขณะตากเมล็ดให้หมั่นเอามือกวนเมล็ดอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้
เมล็ดติดกัน เมื่อเมล็ดแห้งดีแล้วควรท�ำความสะอาดเมล็ดเอาฝุ่นผงและ
สิ่งเจือปนออกให้หมดแล้วเก็บเมล็ดใส่กระป๋องหรือถุงพลาสติกแล้วเก็บ
ไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิและความชื้นต�่ำ มีการถ่ายเทอากาศดีหรือเก็บเมล็ด
ไว้ในตู้เย็นจะสามารถเก็บเมล็ดได้นานหลายปี

การติดผลของมะเขือเทศพื้นเมือง เบอร์๓ บางช่อมีมากกว่า ๑๐ ผล
มะเขือเทศพื้นเมืองเบอร์ ๓ มีความดกมาก และผลมีขนาดใหญ่
กว่าพันธุ์เบอร์ ๑ และ เบอร์ ๒ ท�ำให้ต้องท�ำค้างช่วยพยุงล�ำต้น
และช่อผล
ลักษณะผลมะเขือเทศพื้นเมืองเบอร์ ๓ ผลใหญ่รูปทรงคล้ายพันธุ์รับประทานผลสด เนื้อหนา

๑๐

ภาคผนวก
โครงการศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

โครงการศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ
ประวัติความเป็นมา
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนาร่วมกับมูลนิธิ
แม่ฟ้าหลวง ด�ำเนินการจัดตั้ง “ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ” ขึ้น เพื่อเป็นที่ระลึกในวาระครบรอบ ๑๐๐ ปี
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ ในบริเวณส่วนหนึ่งของที่ดินราชพัสดุ ทะเบียนที่ อชร ๑ ต�ำบลโป่งผา
อ�ำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย พื้นที่ ๑๓๕ ไร่ ๑ งาน ๑๐.๓ ตารางวา มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาพันธุ์พืช
ให้เกษตรกรได้มีพืชที่มีสายพันธุ์ที่ดี ตอบสนองต่อความต้องการของเกษตรกรด้านพันธุ์พืช ทนทานต่อโรคและแมลง
ได้ผลผลิตที่ดี
แนวพระราชด�ำริ
ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริปลูกพืชผักเพื่อผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์ และเริ่มรับซื้อเมล็ดพันธุ์พืชจาก
โครงการอื่นๆ ของมูลนิธิชัยพัฒนา น�ำมาสะสมไว้เป็นเมล็ดพันธุ์พืชผักพื้นบ้าน เพื่อเป็นเมล็ดพันธุ์พระราชทานแก่ราษฎร
ทั่วไป และราษฎรที่ประสบภัยพิบัติ
ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ รวบรวมพันธุ์พืชอาหารพื้นบ้าน เพื่อคัดเลือกพันธุ์ที่ดีเผยแพร่ ให้เกษตรกร
ให้เกษตรกรได้มีพันธุ์พืชที่มีคุณภาพดีพอสมควร มีความต้านทานโรคดีพอสมควร ให้ผลผลิตดีพอสมควร เพื่อให้เกษตรกร
น�ำพันธุ์ไปขยายหรือปลูกเองได้ในอนาคต โดยวางแผนที่จะพัฒนาพันธุ์พืชอาหารที่มีความจ�ำเป็นต่อการด�ำรงชีพในชีวิต
ประจ�ำวัน เพื่อให้เกษตรกรมีพันธุ์พืชที่ดี  แม้ไม่ใช่พันธุ์ที่ดีที่สุดในเชิงเศรษฐกิจ แต่จะเป็นพันธุ์ที่ดีพอสมควร สามารถ
สร้างผลผลิตที่มีคุณภาพให้กับครัวเรือน สร้างความแข็งแรงมั่นคงให้เกิดขึ้นกับตนเอง และครอบครัวได้อย่างยั่งยืน
๑๒

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
ประวัติความเป็นมา
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่ตั้งอยู่ในเขตภาคเหนือตอนบนถือก�ำเนิดมา
จากวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๘ ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๓๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานนามใหม่ว่า”สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล” และในปี พ.ศ.๒๕๔๘ ได้รับการ
ยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พร้อมกันทั้ง ๙ แห่ง ในสังกัด ส�ำนักงาน
คณะกรรมการการอุดมศึกษา ซึ่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ได้จัดการศึกษาแบบมหาวิทยาลัยเสมือน
มีการแบ่งเขตพื้นที่การบริหารและจัดการศึกษาครอบคลุม ๖ จังหวัดในเขตภาคเหนือได้แก่ เชียงราย ตาก น่าน พิษณุโลก
เชียงใหม่ และล�ำปาง
การจัดการศึกษา
มหาวิทยาลัยมีนโยบายยกระดับคุณภาพมาตรฐานการศึกษา โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพอาจารย์พัฒนาวิธี
การเรียนการสอน เพื่อให้นักศึกษาได้รับความรู้ทางวิชาการเป็นบัณฑิตนักปฏิบัติ (Hands-on) นอกจากนี้ยังให้ความ
ส�ำคัญกับกระบวนการเรียนรู้ (Cognitive learning process) ผ่านการบูรณาการทางการศึกษาและการวิจัยที่อยู่บน
พื้นฐานความต้องการของชุมชนและประเทศชาติ เน้นให้นักศึกษามีการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life-long learning) มี
ความเชื่อมโยงกับสถานประกอบการในการฝึกทักษะวิชาชีพ ทักษะสังคมพึ่งตนเองได้ และสามารถออกไปท�ำงานเพื่อ
สร้างสรรค์สังคม เป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพ(Employability) ปัจจุบันมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนามีการ
เปิดสอนใน ๔ คณะวิชา ได้แก่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ
และศิลปศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตรรวมทั้งสิ้น ๑๐๑ หลักสูตร แบ่งเป็นหลักสูตรระดับ
ปวช.จ�ำนวน ๒ หลักสูตร ปวส. จ�ำนวน ๒๙ หลักสูตร ปริญญาตรี จ�ำนวน ๖๗ หลักสูตร และหลักสูตรปริญญาโท
จ�ำนวน ๓ หลักสูตร
๑๓
Tags