25-หน่วยวัด.pdfา่า่า่า่า่าร่รร่นร่ย่ย่ย่ร่ร

า

1. หน่วยวัดการเปลี่ยนหน่วย
และวิธีการทางวิทยาศาสตร์

2. หน่วยวัด
การระบุหน่วยของการวัดปริมาณต่าง ๆ ของแต่ละท้องถิ่น พื้นที่ หรือ
ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นความยาว มวล อุณหภูมิ ปริมาตร อาจแตกต่างกันออกไป
ท าให้เกิดความไม่สะดวกในการท าให้เข้าใจตรงกัน บางกรณีอาจท าให้เกิดความ
เข้าใจผิดและเกิดผลเสียได้ จึงมีการก าหนดหน่วยมาตรฐานสากลขึ้น

3. หน่วยในระบบเอสไอ
-ตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2503 จากที่ประชุมนานาชาติว่าด้วยการชั่งและการวัด
-เรียกย่อ ๆ ว่า หน่วยเอสไอ (SI units)
-หน่วยเอสไอ ประกอบด้วย
1. หน่วยเอสไอพื้นฐาน จ านวน 7 หน่วย เป็นหน่วยที่ไม่ขึ้นต่อกัน
2. หน่วยเอสไออนุพันธ์ เป็นหน่วยที่สัมพันธ์กับหน่วยเอสไอพื้นฐาน

4. หน่วยเอสไอพื้นฐาน
มวล กิโลกรัม (kg)
ความยาว เมตร (m)
เวลา วินาที (s)
อุณหภูมิ เคลวิน (K)
ปริมาณของสารโมล (mol)
กระแสไฟฟ้า แอมแปร์ (A)
ความเข้มแห่งการส่องสว่าง แคนเดลลา (cd)

5. ตัวอย่างหน่วยเอสไออนุพันธ์
ปริมาตร ลูกบาศก์เมตร (m
3
)
ความเข้มข้นโมลต่อลูกบาศก์เมตร (mol/m
3
)
หน่วยอื่น ๆ ที่ไม่ได้มาจากหน่วยพื้นฐานหรืออนุพันธ์ เรียกว่า “หน่วยนอกระบบเอสไอ”
ซึ่งเป็นที่ยอมรับและมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย เช่น
ปริมาตร ลิตร (L หรือ l)
มวล กรัม (g)ดอลตัน (Da)หน่วยมวลอะตอม (u)
ความดัน บาร์ (bar)มิลลิเมตรปรอท (mmHg)บรรยากาศ (atm)

6. แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย
เป็นอัตราส่วนระหว่าง 2 หน่วยที่แตกต่างกันแต่มีความสัมพันธ์กันเชิงปริมาณ
(มีปริมาณเท่ากัน) เช่น
จากความสัมพันธ์พลังงาน 1 cal= 4.2 J เขียนเป็นแฟกเตอร์ได้เป็น
1cal
4.2J
=
4.2J
1cal
ส าหรับตัวอย่างการใช้เกี่ยวกับแฟกเตอร์จ านวนนี้ เช่น พลังงาน 20 cal= ? J
วิธีท าพลังงานหน่วยจูล = 20 calx
4.2J
1cal
= 84 (เลขนัยส าคัญ 2 ตัว ตาม 20 cal)

7. การใช้แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย
เรียกว่า “วิธีการเทียบหน่วย” ท าได้โดยการคูณปริมาณในหน่วยเริ่มต้นด้วยแฟก
เตอร์เปลี่ยนหน่วยที่มีหน่วยที่ต้องการทราบอยู่ด้านบน ตามสมการ
ปริมาณและหน่วยที่ต้องการทราบ = ปริมาณและหน่วยเริ่มต้น x
หน่วยที่ต้องการ
หน่วยเริ่มต้น
เช่น สารละลายกรด HCl มวล 20 g ความหนาแน่น 1.18 g/cm
3
มีปริมาตรเท่าใด
วิธีท าปริมาตรของกรด HCl (cm
3
) = 20 g HCl sol
n
x
1cm
3
1.18g
= 16.95
= 17 (เลขนัยส าคัญ 2 ตัวตาม 20 g HCl sol
n
)

8. วิธีการทางวิทยาศาสตร์
เป็นกระบวนการศึกษาหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่มีแบบแผนขั้นตอน
ประกอบด้วย
1. การสังเกต เป็นจุดเริ่มต้นของการได้ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษา โดยอาศัย
ประสาทสัมผัสทั้ง 5คือ การมองเห็น การฟังเสียง การได้กลิ่น การสัมผัส และการรับรส
เพื่อให้ได้ค าตอบของสิ่งที่ศึกษา จึงเป็นทักษะส าคัญของผู้เรียน

9. วิธีการทางวิทยาศาสตร์
เป็นกระบวนการศึกษาหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่มีแบบแผนขั้นตอน ประกอบด้วย
2.การตั้งสมมติฐาน เป็นการคาดคะเนค าตอบของปัญหาหรือค าถามที่สนใจ
ตามพื้นฐานความรู้ที่ผู้ศึกษารับรู้ (แสดงความสัมพันธ์ของตัวแปรต้นกับตัวแปรตาม)
3. การตรวจสอบสมมติฐาน เป็นกระบวนการหาค าตอบของสมมติฐาน
4.การรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ผล น าผลจากการสังเกตมาวิเคราะห์ตามวิธีการ
5. การสรุปผล เป็นกรน าผลการวิเคราะห์มาสรุปเปรียบเทียบกับสมมติฐานที่ตั้งไว้

10. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เป็นความสามารถและความช านาญในการคิด
เพื่อค้นหาความรู้และแก้ไขปัญหา ประกอบด้วย 14ทักษะ ได้แก่ การสังเกต การวัด การ
ลงความเห็นจากข้อมูล การจ าแนกประเภท การหาความสัมพันธ์ของสเปซกับเวลา การใช้
จ านวน การจัดกระท าแบะสื่อความหมายข้อมูล การพยากรณ์ การตั้งสมมติฐาน การ
ก าหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ การก าหนดและควบคุมตัวแปร การทดลอง การตีความหมาย
ข้อมูลและลงข้อสรุป และการสร้างแบบจ าลอง

11. จิตวิทยาศาสตร์
เป็นความรู้สึกนึกคิด พฤติกรรมหรือลักษณะนิสัย ที่เป็นผลมาจากประสบการณ์
และการเรียนรู้ ซึ่งมีอิทธิพลต่อความคิด การตัดสินใจ หรือพฤติกรรมของบุคคลต่อความรู้
หรือสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เช่น ความอยากรู้อยากเห็น การใช้วิจารณญาณ
ความใจกว้าง ความซื่อสัตย์ ความมุ่งมั่นอดทน ความรอบคอบ การเห็นความส าคัญและ
คุณค่าของวิทยาศาสตร์
การที่นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์ เห็นคุณค่าของวิทยาศาสตร์ ย่อมท าให้
นักเรียนฝักใฝ่ในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และน าความรู้ไปใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม