นโยบายการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศไทยและภาพรวมการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในบริบทของประเทศไทยและต่างประเทศ

choenkrainara 55 views 78 slides Oct 15, 2024
Slide 1
Slide 1 of 78
Slide 1
1
Slide 2
2
Slide 3
3
Slide 4
4
Slide 5
5
Slide 6
6
Slide 7
7
Slide 8
8
Slide 9
9
Slide 10
10
Slide 11
11
Slide 12
12
Slide 13
13
Slide 14
14
Slide 15
15
Slide 16
16
Slide 17
17
Slide 18
18
Slide 19
19
Slide 20
20
Slide 21
21
Slide 22
22
Slide 23
23
Slide 24
24
Slide 25
25
Slide 26
26
Slide 27
27
Slide 28
28
Slide 29
29
Slide 30
30
Slide 31
31
Slide 32
32
Slide 33
33
Slide 34
34
Slide 35
35
Slide 36
36
Slide 37
37
Slide 38
38
Slide 39
39
Slide 40
40
Slide 41
41
Slide 42
42
Slide 43
43
Slide 44
44
Slide 45
45
Slide 46
46
Slide 47
47
Slide 48
48
Slide 49
49
Slide 50
50
Slide 51
51
Slide 52
52
Slide 53
53
Slide 54
54
Slide 55
55
Slide 56
56
Slide 57
57
Slide 58
58
Slide 59
59
Slide 60
60
Slide 61
61
Slide 62
62
Slide 63
63
Slide 64
64
Slide 65
65
Slide 66
66
Slide 67
67
Slide 68
68
Slide 69
69
Slide 70
70
Slide 71
71
Slide 72
72
Slide 73
73
Slide 74
74
Slide 75
75
Slide 76
76
Slide 77
77
Slide 78
78

About This Presentation

นโยบายการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศไทยและภาพรวมการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในบริบทของประเทศไทยและต่างป...


Slide Content

นโยบายการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศไทยและภาพรวมการ
จัดการขยะมูลฝอยชุมชนในบริบทของประเทศไทยและต่างประเทศ
(Thailand Urban Waste Management Policies and Overview
of Urban Waste Management in the Context of Thailand
and Other Foreign Countries)



โดย

เชิญ ไกรนรา
วิภูสนา มณีสุข
จิรวัฒน์ ปานเพ็ง
ชนกมน รุยาพร
บุญเลี้ยง หน่ายโคกสูง
จุฑาภรณ์ โรจน์วิทยาธร
สุประวีก์ สิริภาวนาวิสิฐ




14 ตุลาคม 2566
สำนักพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคกลาง

2

นโยบายการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศไทยและภาพรวมการจัดการ
ขยะมูลฝอยชุมชนในบริบทของประเทศไทยและต่างประเทศ

บทนี้นำเสนอนโยบายการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน และภาพรวมการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในบริบทประเทศ
ไทยและต่างประเทศครอบคลุมนโยบายการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในเมืองในประเทศไทยและต่างประเทศ แนว
ทางการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในเมืองทั่วไปและในเมืองปริมณฑลของเมืองหลวงในต่างประเทศและในประเทศ
ไทย กฏหมายและกฏระเบียบเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน สถานการณ์ แนวโน้ม และการบริหารจัดการ
ขยะมูลฝอยชุมชนในพื้นที่ภาคกลาง กรณีศึกษาการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนระดับจังหวัดในพื้นที่จังหวัด
นครปฐมและนนทบุรี และตัวอย่างการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนที่ดีและยั่งยืนระดับเมืองในประเทศไทยและ
ต่างประเทศ

1.นโยบายการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศไทยและในต่างประเทศ
1.1.1 นโยบายการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศไทย มีการกำหนดนโยบายการจัดการ
สิ่งแวดล้อมระดับชาติโดยเฉพาะการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน รวมทั้งการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตร
ต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนอย่างต่อเนื่องในช่วง 23 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันรัฐบาลกำหนดนโยบาย
ให้การจัดการปัญหาขยะมูลฝอยเป็นวาระแห่งชาติรวมทั้งการผลักดันการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนแบบกลุ่ม
พื้นที่เมือง รวมทั้งกำหนดนโยบายการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนและขยะพลาสติกในระยะยาว
20 ปีข้างหน้า แต่ยังมีความท้าทายในการขับเคลื่อนนโยบายเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนเมือง
สู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิผลและเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนา
และการบริหารจัดการเมืองและการตั้งถิ่นฐานอย่างยั่งยืน

ขยะมูลฝอยชุมชนเป็นปัญหาสำคัญที่ทั่วโลกตระหนักและให้ความสำคัญเพื่อไม่ให้กระทบต่อวิถีชีวิตของ
ประชาชนและสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันประเทศไทยประสบปัญหาปริมาณขยะมูลฝอยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและ
ก้าวกระโดดโดยเฉพาะตั้งแต่ พ.ศ.2554 เป็นต้นมา โดยมีสาเหตุหลักมาจาก (1) การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
กล่าวคือ เมื่อประเทศมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจส่งผลให้ประชากรในประเทศมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ส่งผลให้มีการ
อุปโภค บริโภคสินค้าที่มีลักษณะที่เกินความจำเป็นมากยิ่งขึ้นทำให้มีปริมาณขยะมูลฝอยเพิ่มมากขึ้น (2) ปัจจัย
ภายนอกที่รัฐบาลอนุญาตให้สามารถนำเข้าขยะมูลฝอยจากต่างประเทศได้ โดยจากข้อมูลของกรีนพีชประจำ
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในประเทศไทย (Greenpeace Southeast Asia Thailand
Office) พบว่าประเทศไทยได้นำเข้าขยะพลาสติกจากต่างประเทศเป็นอันดับ 3 ของกลุ่มประเทศอาเซียน
โดยมีปริมาณนำเข้ามากถึง 480,000 ตันต่อปี แต่ในทางกลับกันกฎหมายและกฎระเบียบของประเทศเกี่ยวกับการ

3

จัดการขยะมูลฝอยยังมีความหละหลวม และระบบการจัดการขยะของประเทศไทยยังไม่ถูกสุขลักษณะส่งผลให้
ปัญหาขยะมูลฝอยยังส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน และมีการร้องเรียนด้านปัญหาสิ่งแวดล้อม
อยู่บ่อยครั้งโดยเฉพาะการร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่เขตเมืองของกรุงเทพมหานคร ประเทศไทยมีมาตรการใน
การจัดการปัญหาขยะมาตั้งแต่ในปี 2535 ที่ได้ลงนามแผนปฏิบัติการ 21 (Agenda 21) ในการประชุม
สหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา (United Nations Conference on Environmental and
Development: UNCDC) และได้มีการออกพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการกำจัดขยะมูลฝอย อาทิ พระราชบัญญัติ
ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๕ พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.๒๕๓๕
พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕
การจัดทำแผนยุทธศาสตร์อนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติฉบับที่ 3 พ.ศ. 2560-2564 โดยปัญหาขยะมูลฝอยชุมชน
ได้รับการให้ความสำคัญมาตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับ 8 จนถึงปัจจุบันภายใต้แผนพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 ได้กำหนดปัญหาขยะมูลฝอยชุมชนให้เป็น “วาระแห่งชาติ”ที่จำเป็นต้องเร่ง
แก้ไข โดยสนับสนุนให้มีการผลักดันการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยโดยเฉพาะกฎหมาย
การกำจัดขยะอันตรายและการเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการขยะมูลฝอย ส่งเสริมการกำจัดขยะมูลฝอยให้เป็นศูนย์
(Zero Waste Management) และการใช้เทคโนโลยีเพื่อแปรรูปขยะมูลฝอยให้เป็นพลังงาน
นอกจากนี้มีการนำเอาหลักการทางเศรษฐศาสตร์มาประยุกต์ใช้ผ่านหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย และ
ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้วางแผน
งานผ่านการบูรณาการกับแผนจัดการขยะมูลฝอยระดับจังหวัด และจัดทำเป็นแผนแม่บทการบริหารจัดการ
ขยะมูลฝอยระดับชาติ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการวางกรอบการดำเนินงานและการแก้ไข
ปัญหาเพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยเบื้องต้นเน้นจัดตั้งศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยรวม สร้างสถานีขนถ่ายขยะมูลฝอย
สนับสนุนให้มีการจัดการขยะมูลฝอยตั้งแต่ระดับชุมชนโดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสนับสนุนประกอบด้วย
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการคลัง
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และภาคเอกชน
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2557 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้มอบหมายให้
กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยชุมชนผ่านการลงมือ
ปฏิบัติและการแก้ไขกฎหมาย โดยให้จังหวัดอยุธยาเป็นจังหวัดนำร่องในการจัดการปัญหาขยะมูลฝอยชุมชนให้เป็น
รูปธรรมซึ่งการดำเนินการโครงการประสบความสำเร็จและกลายเป็นต้นแบบในการศึกษาด้านการจัดการ
ขยะมูลฝอยชุมชนให้แก่จังหวัดอื่นๆ ต่อมามีการขยายผลการดำเนินงานโดยกระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้
กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นและกรมควบคุมมลพิษจัดทำแนวทางการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยชุมชนของ

4

องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีความสอดคล้องกับแผนงานการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนที่กระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำไว้ แนวทางการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนจึงได้พัฒนาเป็น “การรวมกลุ่ม
พื้นที่การจัดการขยะมูลฝอยชุมชน (Clusters)” ภายใต้ประกาศกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเรื่อง “การจัดการ
ขยะมูลฝอยชุมชน พ.ศ. 2560” ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2560 โดยกำหนดคณะกรรมการระดับนโยบายของ
กระทรวงมหาดไทยและมีการแต่งตั้งคณะทำงานของผู้บริหารของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจำนวน 6 คณะ
มีหน้าที่แนะนำและกำกับดูแลองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีการรวมกลุ่มและขับเคลื่อนนโยบายภายในพื้นที่
เพื่อให้เกิดวิธีการและการใช้เทคโนโลยีการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ภายใต้แนวคิด “ขยะมูลฝอยชุมชนที่เกิดขึ้นในพื้นที่ใด ควรอยู่ในความรับผิดชอบในการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชน
ของพื้นที่นั้นๆ ยกเว้นการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนในพื้นที่ไม่ก่อให้เกิดความคุ้มทุน” เนื่องจากขยะมูลฝอยชุมชนได้
ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมทั้งได้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดการ
สิ่งปฏิกูลและมูลฝอยเพื่อขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ต่อมาเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2558 คณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบแนวทางการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนและ
มอบหมายให้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพัฒนากลไก
การบูรณาการเพื่อให้การจัดการขยะมูลฝอยชุมชนเป็นไปอย่างมีเอกภาพ เกิดประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์
ที่ยั่งยืน
การจัดตั้งกลุ่มพื้นที่ในการจัดการขยะมูลฝอยเกิดจากการประสานความร่วมมือระหว่างองค์การบริหาร
ส่วนตำบล (อบต.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และเทศบาลทำการลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกัน
(Memorandum of Understanding: MOU) เพื่อจัดตั้งเป็นกลุ่มพื้นที่ซึ่งบริหารจัดการโดยกลไกภายใต้กลุ่มพื้นที่
มีหน้าที่ศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการจัดทำโครงการ การจัดทำแผนปฏิบัติการจัดการ
ขยะมูลฝอยชุมชน จัดสรรบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ สรรหาแหล่งทุน และสร้างความเข้าใจและรณรงค์ให้
ประชาชนตระหนักถึงปัญหาขยะมูลฝอยชุมชนและนำขยะมูลฝอยชุมชนกลับมาใช้ใหม่เพื่อลดปริมาณและต้นทุนใน
การกำจัดขยะมูลฝอยชุมชน นอกจากนี้การจัดตั้งกลุ่มพื้นที่ควรคำนึงถึงระยะทางและเส้นทางในการขนส่ง
ขยะมูลฝอยชุมชนเป็นหลักโดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีอาณาเขตติดต่อกันและมีระยะทางในการขนส่ง
ขยะมูลฝอยชุมชนไปยังพื้นที่กำจัดไม่เกิน 30 กิโลเมตรมารวมกันเพื่อลดต้นทุนในการดำเนินงาน และลดปัญหา
กลิ่นรบกวนที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนและสภาพแวดล้อม

5

ปัจจุบันประเทศไทยกำหนดกลุ่มพื้นที่จัดการขยะมูลฝอยชุมชนออกเป็น 324 กลุ่ม โดยไม่รวมพื้นที่ของ
กรุงเทพมหานคร โดยกลุ่มพื้นที่จัดการขยะมูลฝอยชุมชนแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักตามปริมาณของขยะมูลฝอย
ชุมชนคือ
1) กลุ่มพื้นที่จัดการขยะมูลฝอยชุมชนขนาดใหญ่ (Large: L) มีจำนวน 10 กลุ่ม ซึ่งกลุ่มพื้นที่นี้เป็นการรวมตัว
ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนรวมมากกว่า 500 ตัน/วัน และมีพื้นที่ในการกำจัด
ขยะมูลฝอยชุมชนมากกว่า 320 ไร่ สามารถใช้เทคโนโลยีในการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนได้หลากหลาย อาทิ การ
จัดทำระบบคัดแยกขยะมูลฝอย การนำขยะมูลฝอยชุมชนมาเข้าสู่กระบวนการย่อยสลายชีวภาพ การแปรสภาพ
ขยะมูลฝอยชุมชนให้กลายเป็นพลังงาน การเผา และการฝังกลบ
2) กลุ่มพื้นที่จัดการขยะมูลฝอยชุมชนขนาดกลาง (Medium: M) มีจำนวน 11 กลุ่ม โดยเป็นการรวมกลุ่มพื้นที่
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนรวมกันระหว่าง 300–500 ตัน/วัน และมีพื้นที่ในการ
กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนระหว่าง 70-130 ไร่ สามารถเลือกเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชน
ได้เหมือนกลุ่มพื้นที่จัดการขยะมูลฝอยชุมชนขนาดใหญ่ แต่สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ในการกำจัดขยะมูลฝอย
ชุมชนได้จำนวน 1–2 เทคโนโลยีเท่านั้นเนื่องจากมีข้อจำกัดด้านพื้นที่และปัญหาความคุ้มค่าในการกำจัดขยะมูล
ฝอยชุมชน
3) กลุ่มพื้นที่จัดการขยะมูลฝอยขนาดเล็ก (Small: S) มีจำนวน 303 กลุ่ม เป็นการรวมกลุ่มพื้นที่ของ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีปริมาณการผลิตขยะมูลฝอยชุมชนรวมต่ำกว่า 300 ตัน/วัน และมีพื้นที่กำจัดขยะมูล
ฝอยชุมชนระหว่าง 40-50 ไร่ กลุ่มพื้นที่นี้มีการใช้เทคโนโลยีขนาดเล็กในการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชน อาทิ การคัด
แยก และการย่อยสลายชีวภาพ
ปัจจุบันพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกรวม 25 จังหวัดโดยไม่รวมพื้นที่กรุงเทพมหานครมีจำนวน
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวมทั้งสิ้น 1,108 แห่ง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.67 ของจำนวนองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นทั้งประเทศ มีกลุ่มพื้นที่จัดการขยะมูลฝอยชุมชนที่ได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงแล้วจำนวน
66 คลัสเตอร์ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 24.71 ของจำนวนกลุ่มพื้นที่จัดการขยะมูลฝอยชุมชนทั้งประเทศ กลุ่มจังหวัด
ภาคกลางตอนบนและกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 2 มีกลุ่มพื้นที่จัดการขยะมูลฝอยชุมชนมากที่สุดจำนวน
16 คลัสเตอร์ ตามด้วยกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 จำนวน 10 คลัสเตอร์ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 1
จำนวน 9 คลัสเตอร์ กลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑลและกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 จำนวน 7 คลัสเตอร์

6

เมื่อพิจารณาจากระดับความเป็นเมืองที่แตกต่างกันภายในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกโดยไม่รวมพื้นที่
กรุงเทพมหานครจึงสามารถจำแนกกลุ่มพื้นที่จัดการขยะมูลฝอยชุมชนออกได้เป็น 3 ขนาดคือ ขนาดใหญ่จำนวน
12 คลัสเตอร์ ขนาดกลางจำนวน 39 คลัสเตอร์ และขนาดเล็กจำนวน 15 คลัสเตอร์ รายละเอียดการรวมกลุ่มพื้นที่
จัดการขยะมูลฝอยชุมชน (Clusters) ในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกที่มีการลงนามในบันทึกข้อตกลง
ณ พ.ศ 2559 ปรากฏดังตารางที่ 3.1 ด้านล่าง
ตารางที่ 1.1 การรวมกลุ่มพื้นที่จัดการขยะมูลฝอยชุมชน (Clusters) ในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก
ที่มีการลงนามในบันทึกข้อตกลง ณ ปี 2559
กลุ่มจังหวัด/จังหวัด

จำนวนคลัสเตอร์
(แห่ง)
ขนาดกลุ่มคลัสเตอร์ จำนวนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(แห่ง) ใหญ่
(L)
กลาง
(M)
เล็ก
(S)
กลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล
1.นนทบุรี 1 1 0 0 45
2.นครปฐม 2 0 2 0 43
3.ปทุมธานี 2 1 1 0 1
4.สมุทรปราการ 2 1 1 0 49
รวม 7 3 4 0 138
กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน
5.ชัยนาท 2 0 2 0 48
6.พระนครศรีอยุธยา 6 3 2 1 157
7.ลพบุรี 3 0 1 2 21
8.สระบุรี 3 0 2 1 22
9. สิงห์บุรี 1 0 1 0 41
10.อ่างทอง 1 0 1 0 64
รวม 16 3 9 4 353

7

กลุ่มจังหวัด/จังหวัด

จำนวนคลัสเตอร์
(แห่ง)
ขนาดกลุ่มคลัสเตอร์ จำนวนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(แห่ง) ใหญ่
(L)
กลาง
(M)
เล็ก
(S)
กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1
11.กาญจนบุรี 4 0 3 1 45
12.ราชบุรี 1 1 0 0 77
13.สุพรรณบุรี 5 0 5 0 124
รวม 10 1 8 1 246
กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2
14.สมุทรสาคร 1 1 0 0 22
15.สมุทรสงคราม 0 0 0 0 0
16.เพชรบุรี 3 0 2 1 69
17.ประจวบคีรีขันธ์ 4 0 4 0 41
รวม 7 1 6 1 132
กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 1
18.ฉะเชิงเทรา 3 1 2 0 77
19.ชลบุรี 4 2 2 0 17
20.ระยอง 2 1 1 0 31
รวม 9 4 5 0 125
กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 2
21.จันทบุรี 4 0 3 1 25
22.ตราด 4 0 2 2 39
23.นครนายก 0 0 0 0 0
24.ปราจีนบุรี 0 0 0 0 0
25.สระแก้ว 8 0 2 6 50

8

กลุ่มจังหวัด/จังหวัด

จำนวนคลัสเตอร์
(แห่ง)
ขนาดกลุ่มคลัสเตอร์ จำนวนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(แห่ง) ใหญ่
(L)
กลาง
(M)
เล็ก
(S)
รวม 16 0 7 9 114
รวมภาคกลางและ
ภาคตะวันออก
(ไม่รวมกทม.)
66 12 39

15 1,108
ทั้งประเทศ
(รวมกทม.)
267 30 165 72 5,358
หมายเหตุ
1.คลัสเตอร์ขยะมูลฝอยไม่รวมที่ทิ้งขยะที่ไม่มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นร่วมทิ้งขยะมูลฝอย (Standalone)
และสถานีขนถ่ายขยะมูลฝอย (Transfer Station)
2.กรมควบคุมมลพิษประมวลผลข้อมูลจากแผนบริหารจัดการขยะมูลฝอยของจังหวัดและข้อมูลของสำนักงาน
สิ่งแวดล้อมภาคที่ 1-16
ที่มา: แผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ พ.ศ.2559-2564

การดำเนินงานของกลุ่มพื้นที่ในการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนอาจยังไม่เป็นรูปธรรมมากนักเนื่องจากยังมี
บางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังไม่สามารถรวมกลุ่มและลงนามในบันทึกข้อตกลงได้ เนื่องจากขาดความพร้อม
ทางด้านสถานที่ วิธีการดำเนินงาน และปัญหาเงินทุนที่จะนำมาใช้ในการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในอนาคต
นอกจากนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่รวมกลุ่มพื้นที่และลงนามบันทึกข้อตกลงแล้วอาจยังไม่สามารถวัดผลสำเร็จ
ได้เนื่องจากเพิ่งเริ่มต้นดำเนินการอย่างจริงจัง แต่คาดว่าจะเกิดปัญหาในการจัดการน้อยเพราะมีคณะกรรมการฯ
คอยกำกับดูแล มีการตรวจสอบความพร้อมของพื้นที่ก่อนทำสัญญาและส่วนมากกลุ่มพื้นที่จัดการขยะมูลฝอย
ชุมชนมักใช้วิธีการกำจัดแบบดั้งเดิมเนื่องจากง่ายต่อการจัดการและมีต้นทุนต่ำ
อย่างไรก็ตามองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวนมากมักใช้ระบบการฝังกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาล
เพียงอย่างเดียวซึ่งมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในอัตราที่ต่ำ มีกลุ่มพื้นที่จัดการขยะมูลฝอยชุมชนจำนวน
6 คลัสเตอร์เท่านั้นที่มีการกำจัดโดยการผสมผสานหลายเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน แต่ทั้งหมดเป็นเทคโนโลยีขั้นต้น
อาทิ การคัดแยกขยะมูลฝอยชุมชน การทำปุ๋ย และการฝังกลบ และมีเพียง 1 คลัสเตอร์เท่านั้นที่มีองค์การบริหาร

9

ส่วนจังหวัดระยองเป็นหน่วยงานหลักดำเนินการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนแบบครบวงจรซึ่งสะท้อนว่า
แม้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความสำคัญกับการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน แต่ส่วนใหญ่ยังคงใช้วิธีการ
กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนในรูปแบบเดิมทั้งนี้เนื่องจากอาจประสบปัญหาด้านศักยภาพในการจัดการ การขาดแคลน
งบประมาณ และปัญหาการขาดการยอมรับจากประชาชน ส่งผลให้การจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในพื้นที่
อาจดำเนินการได้อย่างไม่เต็มศักยภาพ นอกจากนี้ประชาชนในท้องถิ่นบางแห่งยังขาดความรู้และความเข้าใจที่
เพียงพอจึงไม่ยอมรับการใช้เทคโนโลยีกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนให้เป็นพลังงานไฟฟ้าเนื่องจากกังวลเกี่ยวกับ
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบ
ต่อมาประเทศไทยได้จัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) เพื่อใช้เป็นทิศทางในการพัฒนา
ประเทศให้มีความต่อเนื่องเป็นรูปธรรมและสร้างความเจริญเติบโตที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนในระยะยาว
และตระหนักถึงการเจริญเติบโตทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์
ที่ 5 ที่เน้นการสร้างการเจริญเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อให้การพัฒนาประเทศอยู่บน
พื้นฐานความสมดุลทางด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการอนุรักษ์ฟื้นฟูความหลากหลาย
ทางชีวภาพผ่านการเก็บ ขนส่ง และกำจัดขยะมูลฝอยในพื้นที่ชุมชนให้ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลเพื่อการฟื้นฟู
แม่น้ำลำคลองที่เสื่อมโทรมจากการจัดเก็บขยะมูลฝอยชุมชนไม่ทั่วถึงและการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนไม่ถูกต้อง
ตามหลักวิชาการ รวมทั้งการส่งเสริมให้ประชาชนมีการผลิตและการบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยส่งเสริม
การจัดการให้ปลอดขยะมูลฝอยหรือให้ขยะมูลฝอยเหลือศูนย์ (Zero Waste Management) ภายใต้มาตรการ
3Rs เพื่อให้การจัดการขยะมูลฝอยชุมชนมีประสิทธิภาพสูงสุดและมีการจัดการอย่างเป็นระบบ
เพื่อการแปลงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สู่การปฏิบัติกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อมจึงได้จัดทำยุทธศาสตร์การจัดการมลพิษระยะ ๒๐ ปี และแผนจัดการมลพิษ พ.ศ.๒๕๖๐–๒๕๖๔
โดยส่งเสริมให้เกิดกลไกการคัดแยกขยะมูลฝอยเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่และเร่งกำจัดขยะมูลฝอยในพื้นที่วิกฤตรวมทั้ง
การกำและหนดกฏระเบียบมาตรการจัดการขยะอุตสาหกรรมให้รัดกุม สำหรับขยะอันตราย ขยะอิเล็กทรอนิกส์และ
ขยะติดเชื้อจะพัฒนาระบบกำกับติดตามตรวจสอบการลักลอบทิ้งรวมทั้งการจัดการสารเคมีอย่างครบวงจรตั้งแต่การ
ผลิต การนำเข้า-การส่งออก การนำมาใช้ การขนส่ง การทำลาย การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และสร้าง
มาตรการสนับสนุนอื่นๆเพื่อให้ประชากรหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า
ประเทศไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

10

โดยมีการกำหนดนโยบายการจัดการสิ่งแวดล้อมระดับชาติโดยเฉพาะการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน รวมทั้งการ
ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนอย่างต่อเนื่องในช่วง 23 ปีที่ผ่านมา
รวมทั้งในระยะยาว 20 ปีข้างหน้า แต่ยังมีความท้าทายในการขับเคลื่อนนโยบายเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอย
ชุมชนเมืองอย่างมีประสิทธิผลและเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาและการ
บริหารจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมเมืองและการตั้งถิ่นฐานอย่างยั่งยืน
1.1.2 นโยบายการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในต่างประเทศ
• นโยบายการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศพัฒนาแล้วในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น
ประเทศสิงคโปร์ และประเทศไต้หวัน ประสบความสำเร็จในการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนโดยเน้นการ
ผสมผสานการใช้ทั้งมาตรการทางกฏหมาย การใช้เทคโนโลยีการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนเมืองที่
ทันสมัยและมาตรการการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยสมัครใจ
• นโยบายการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศในภูมิภาคยุโรป เน้นการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน
อย่างยั่งยืนตามหลักการลำดับชั้นของขยะมูลฝอยชุมชน การลดการทิ้งขยะมูลฝอยลงทะเล
การพัฒนาระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนโดยใช้ประโยชน์จากขยะมูลฝอยชุมชน การลดขยะพลาสติก
การใช้ประโยชน์จากขยะมูลฝอยชุมชนเพื่อเป็นพลังงานชีวภาพและเป็นต้นแบบในการใช้ประโยชน์
จากขยะมูลฝอยชุมชนเพื่อการผลิตไฟฟ้าอย่างจริงจัง ควบคู่ไปกับการใช้มาตรการทางกฏหมายและ
มาตรการตามความสมัครใจที่เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนส่งผลให้มีการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน
อย่างมีประสิทธิผลและยั่งยืน สภาพแวดล้อมเมืองมีความน่าอยู่และประชาชนมีคุณภาพชีวิตทีดี
(1) ประเทศญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่นมีการพัฒนาการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่างต่อเนื่อง เช่น เมื่อเศรษฐกิจขยายตัวทำให้มี
ขยะมูลฝอยจากภาคอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลญี่ปุ่นจึงได้ตรากฎหมายเมื่อ พ.ศ. 2513 เพื่อกำหนดนิยาม
ของขยะมูลฝอยแต่ละประเภทซึ่งครอบคลุมทั้งขยะอุตสาหกรรมและขยะมูลฝอยชุมชนรวมทั้งมีตรากฎหมาย
ควบคุม สำหรับขยะมูลฝอยชุมชนทุกหลังคาเรือนมีโปสเตอร์แนะนำวิธีการคัดแยกขยะมูลฝอยจากที่บ้าน
และมีรถขนขยะมูลฝอยมารับโดยภายในมีเครื่องบดและอัด ในอดีตการคัดแยกขยะมูลฝอยจากบ้านเรือนไม่ประสบ
ความสำเร็จ ต่อมาภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลญี่ปุ่นได้นำมาตรการบังคับมาใช้ หากบ้านเรือนใดไม่มีการ
คัดแยกขยะมูลฝอยจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแล จนถึงปัจจุบันประชาชนสามารถคัดแยกขยะมูลฝอยได้เองโดยไม่ต้อง
ใช้มาตรการบังคับ และหากมีพื้นที่ใดมีจัดการขยะมูลฝอยไม่เหมาะสมประชาชนจะออกมาช่วยเหลือในการจัดการ
ด้วย ดังนั้นการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่างถูกต้องจึงกลายเป็นค่านิยมของสังคมญี่ปุ่น สำหรับเทคโนโลยีการ

11

กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนมีหลายรูปแบบแต่ส่วนใหญ่ใช้วิธีการเผา ปัจจุบันมีการผสมผสานโดยการนำขยะมูลฝอยมา
ผลิตเป็นก๊าซชีวภาพด้วยวิธีการหมักแต่ไม่มีสูตรสำเร็จในการจัดการขยะมูลฝอยเพราะแต่ละเทคโนโลยีมีข้อจำกัด
ของตัวเองจึงจำเป็นต้องผสมผสานการใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสม โดยมีเป้าหมายหลักคือสามารถป้องกันโรคระบาด
จากขยะมูลฝอยและเป็นระบบที่สามารถควบคุมได้ การสื่อสารกับประชาชนอย่างมีประสิทธิผลมีความสำคัญใน
การจัดทำโครงการเกี่ยวกับการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนเนื่องจากประเทศญี่ปุ่นจำเป็นต้องหารือเพื่อสร้างการมีส่วน
ร่วมของประชาชนประมาณ 10 ครั้งจึงสามารถสร้างการยอมรับของประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้พื้นที่ตั้งโครงการ
กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนแห่งใหม่
(2) ประเทศสิงคโปร์
ประเทศสิงคโปร์มีถนน สวนสาธารณะและชายหาดสะอาดปราศจากขยะมูลฝอย การจัดการขยะมูลฝอยของ
ประเทศสิงคโปร์มีหน่วยงานเอกชนเป็นผู้รับสัมปทานดำเนินการทั้งหมดโดยอยู่ภายใต้การควบคุมของ
กรมการจัดการขยะมูลฝอย (Waste Management Department) ของรัฐบาล ประเทศสิงคโปร์มีระบบ
การจัดการขยะมูลฝอยที่มีประสิทธิภาพเนื่องจากได้มีการวางยุทธศาสตร์การจัดการขยะมูลฝอยเป็นอย่างดี
โดยมีการกำหนดเป้าหมายว่าในอนาคตประเทศสิงคโปร์จะเป็นเมืองที่ปราศจากขยะมูลฝอย และเล็งเห็น
ความสำคัญของจุดเล็กๆ” อย่างประชาชน รัฐบาลจึงได้ขอความร่วมมือจากภาคประชาชนในการจัดเก็บและคัด
แยกขยะมูลฝอยตั้งแต่ระดับครัวเรือน โดยจำเป็นต้องทิ้งขยะมูลฝอยให้เป็นเวลาและจ่ายค่าธรรมเนียมการกำจัด
ขยะมูลฝอยชุมชนให้กับรัฐบาล นับเป็นอีกหนึ่งวิธีในการปลูกฝังจิตสำนึกและสร้างวินัยให้ทุกฝ่ายตระหนักถึง
ความสำคัญของการคัดแยกขยะมูลฝอยเป็นอย่างดี นโยบายการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศสิงคโปร์
ครอบคลุมทั้งการเกิดขยะมูลฝอย การรีไซเคิล และการกำจัด โดยเน้นการลดปริมาณของขยะมูลฝอยชุมชนและ
การเพิ่มปริมาณการรีไซเคิลให้มากที่สุด ซึ่งเป้าหมายของการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศสิงคโปร์ต้องการ
เพิ่มอัตราการรีไซเคิลขยะมูลฝอยชุมชนให้ได้ร้อยละ 60 ของปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนทั้งหมด สำหรับขยะมูลฝอย
ประเภทใดที่ไม่สามารถนำมารีไซเคิลได้จะถูกเผาให้เป็นเถ้าถ่านที่โรงงานผลิตไฟ้ฟ้าจากขยะมูลฝอย (Waste to
Energy: WTE) ด้วยระบบการควบคุมมลพิษที่มีประสิทธิผล หลังจากนั้นจะถูกขนส่งไปยังสถานีขนถ่ายทางทะเล
ทูอัส (Tuas Marine Transfer Station: TMTS) เพื่อนำเศษเถ้าถ่านไปถมเป็นเกาะเซมาเกียว (Semakau) ซึ่งเป็น
แหล่งเรียนรู้ธรรมชาติแห่งใหม่ของประเทศ
(3) ประเทศไต้หวัน
รัฐบาลไต้หวันได้เปลี่ยนวิธีการจัดเก็บขยะมูลฝอยชุมชนจากการนำไปทิ้งที่ถังขยะมาเป็นการนำขยะมูลฝอยชุมชน
จากบ้านเรือนมาทิ้งที่รถขนขยะมูลฝอยด้วยตัวเอง และเพื่อให้ผู้คนรู้ว่ารถขนขยะมูลฝอยเดินทางมาถึงแล้ว
จะเปิดเพลง เมดเด็น เพรเยอร์ (Maiden’s prayer) หรือเพลงเฟอร์ อีลีส (Fur Elise) เพื่อเป็นสัญญาณเตือนให้

12

ประชาชนนำขยะมูลฝอยชุมชนออกมาทิ้ง โดยช่วงเวลาและเส้นทางที่รถขนขยะมูลฝอยชุมชนผ่านขึ้นอยู่กับ
การกำหนดของทางเทศบาลผ่านรูปแบบการทำงานของรถขนขยะมูลฝอยชุมชนซึ่งแบ่งตามประเภทของ
ขยะมูลฝอยชุมชนออกเป็น 3 กลุ่มหลักคือ
-ขยะที่รีไซเคิลไม่ได้ รถขนขยะมูลฝอยชุมชนจะให้บริการรวบรวมขยะมูลฝอยจำนวน 6 วันต่อสัปดาห์
-ขยะที่รีไซเคิลได้ รถขนขยะมูลฝอยชุมชนจะรวบรวมจำนวน 2 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งแบ่งย่อยมากกว่า 10 ประเภท
เช่น กล่องอาหารกระดาษ ขวดยาเม็ด กระป๋อง พลาสติก สื่อสิ่งพิมพ์ กระดาษลัง เศษผ้า กล่องเครื่องดื่ม
ถ่าน ถุงพลาสติกเปล่า และโฟม เป็นต้น
-ขยะเศษอาหาร แบ่งออกเป็น 2 ถังแขวนข้างหลังรถขนขยะที่รีไซเคิลไม่ได้ ได้แก่ ของสดเพื่อนำไปแปรรูปเป็นน้ำ
หมักชีวภาพหรือปุ๋ย ซึ่งรัฐบาลสามารถนำไปขายต่อในราคาถูกหรือใช้ในสวนสาธารณะได้ และเศษอาหารเพื่อนำไป
เป็นอาหารให้แก่สัตว์
สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น คอมพิวเตอร์ พัดลม หรือขยะมูลฝอยชิ้นใหญ่ อาทิ เฟอร์นิเจอร์ ผู้ทิ้งต้อง
โทรศัพท์นัดรถขนขยะมูลฝอยเป็นพิเศษเพื่อให้มารับเก็บที่บ้าน หลังจากนั้นเทศบาลจะนำไปซ่อมหรือดัดแปลงให้
สามารถใช้งานต่อได้เพื่อนำไปขายต่อในราคาถูกหรือนำไปบริจาคให้กับโรงเรียน มูลนิธิ หรือองค์กรการกุศล
ที่จำเป็นต้องใช้
ปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จในการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศไต้หวัน ประกอบด้วย
• เอาชนะขยะมูลฝอยชุมชนด้วยจิตสำนึกสาธารณะ (Public Mind)
ความสำเร็จนี้ไม่ได้มาจากภาครัฐอย่างเดียว แต่เพราะมีความร่วมมือจากมูลนิธิและองค์กรภาคเอกชนที่มีบทบาท
อย่างมากในวงจรการรีไซเคิลขยะมูลฝอย ภาครัฐได้ส่งเสริมการสร้างจิตสาธารณะให้แก่ประชาชนโดยบังคับให้
ผู้ทิ้งขยะมูลฝอยต้องคัดแยกและทำความสะอาดขยะมูลฝอยให้เรียบร้อยก่อนนำมาทิ้งที่รถขนขยะ เพราะทราบดีว่า
การสร้างคนในสังคมให้มีจิตสาธารณะสามารถอยู่ร่วมกันและช่วยกันดูแลรักษาพื้นที่สาธารณะเป็นเรื่องที่ยาก
รัฐบาลจึงตรากฎหมายส่งเสริมการคัดแยกขยะ โดยผู้ทิ้งขยะมูลฝอยจะต้องซื้อและใช้ถุงขยะมูลฝอยของรัฐบาลที่มี
บาร์โค้ดระบุเท่านั้น โดยผู้ทิ้งขยะมูลฝอยต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายตามอัตราส่วนที่ตนเองทิ้ง หากทิ้งขยะมูลฝอย
น้อยก็จ่ายน้อยและในทางกลับกันหากทิ้งขยะมูลฝอยมากก็จ่ายมาก ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายปลูกฝังให้ประชาชน
มีจิตสาธารณะที่ได้ผลที่สุด นอกจากนี้รัฐบาลยังได้นำวิธีการคัดแยกขยะโดยกำหนดเป็นหนึ่งในหลักสูตรการสอน
ตั้งแต่นักเรียนชั้นประถมศึกษา นักเรียนสามารถกลับบ้านไปแนะนำพ่อแม่หรือสมาชิกคนอื่นในครอบครัวต่อได้
การปรับพฤติกรรมของประชาชนให้กลายเป็นนิสัยประจำตัวทำให้ประชาชนทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือกับรัฐบาล
เป็นอย่างดี ส่งผลให้ปริมาณขยะมูลฝอยลดลงอย่างมาก
• พัฒนาร่วมกับเทคโนโลยี
รัฐบาลไต้หวันทำงานร่วมกับสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมโดยสร้างแอปพลิเคชัน “Taiwan Garbage
Service” เพื่อให้ประชาชนสามารถติดตามตำแหน่งรถขนขยะมูลฝอยที่ใกล้ที่สุด ณ เวลานั้นๆ ได้ และยังสามารถ

13

ตั้งเวลาแจ้งเตือนตนเองและเพื่อนได้ นอกจากนี้แอปพลิเคชันยังมีเกมส์เก็บขยะมูลฝอยให้เล่นในระหว่างรอรถ
ขนขยะ ล่าสุดรัฐบาลไต้หวันมีโครงการติดตั้งเครื่องรีไซเคิลทั่วกรุงไทเปจำนวน 10,000 ตู้ มีชื่อว่า
“iTrash Booths” ซึ่งมีลักษณะเหมือนตู้กดน้ำสามารถรองรับขยะมูลฝอยได้ 200 กิโลกรัม ผู้ที่นำขยะมูลฝอย
มาทิ้งจะต้องจ่ายค่าปรับ แต่หากนำมารีไซเคิลสามารถเปลี่ยนจากขยะ (Trash) เป็นเงินสด (Cash) ได้ ผ่านบัตร
สมาร์ทการ์ดหรือ Easycard สำหรับใช้บริการขนส่งสาธารณะและร้านสะดวกซื้อในไต้หวัน iTrash ตอบโจทย์ของ
คนรุ่นใหม่ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการจัดสรรเวลา เนื่องจากระบบได้ถูกออกแบบให้สามารถใช้บริการได้ตลอด
24 ชั่วโมง ในอนาคตหากระบบเครื่องรีไซเคิลไม่มีปัญหาอาจใช้จำนวนรถขนขยะลดน้อยลงซึ่งเป็นช่องทาง
ช่วยประหยัดงบประมาณได้

2) นโยบายการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศในภูมิภาคยุโรป เน้นการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่าง
ยั่งยืนตามหลักการลำดับชั้นของขยะมูลฝอยชุมชน การลดการทิ้งขยะมูลฝอยลงทะเล การพัฒนาระบบเศรษฐกิจ
หมุนเวียนโดยใช้ประโยชน์จากขยะมูลฝอยชุมชน การลดขยะพลาสติก การใช้ประโยชน์จากขยะมูลฝอยชุมชนเพื่อ
เป็นพลังงานชีวภาพและเป็นต้นแบบในการใช้ประโยชน์จากขยะมูลฝอยชุมชนเพื่อการผลิตไฟฟ้าอย่างจริงจัง
ควบคู่ไปกับการใช้มาตรการทางกฏหมายและมาตรการตามความสมัครใจที่เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนส่งผล
ให้มีการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่างมีประสิทธิผลและยั่งยืน สภาพแวดล้อมเมืองมีความน่าอยู่และประชาชน
มีคุณภาพชีวิตที่ดี
นโยบายการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศในภูมิภาคยุโรปประกอบด้วย
(1) สหภาพยุโรป
สำนักงานที่ปรึกษาด้านอุตสาหกรรมในต่างประเทศประจำกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย (2558) อธิบายว่า
การจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของสหภาพยุโรปตั้งอยู่บน 3 หลักการคือ
• การป้องกันการเกิดของเสีย (Waste Prevention) เป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดของกระบวนการ
จัดการของเสีย เพราะหากสามารถลดปริมาณของเสียและสารเคมีอันตรายที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในกระบวน
การผลิตแล้วการจัดการของเสียจะยุ่งยากน้อยลง ซึ่งการป้องกันการเกิดของเสียเกี่ยวข้องโดยตรงกับการปรับปรุง
ภาคการผลิตให้มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานสูงขึ้น มีการพัฒนาเทคโนโลยีโดยใช้เทคโนโลยีสะอาดมากขึ้น
มีการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในขั้นตอนการออกแบบผลิตภัณฑ์ และการโน้มน้าวให้ผู้บริโภคมีความต้องการใช้สินค้า
และวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่ำ
• การใช้ซ้ำและการนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ (Recycling and Reuse) หากไม่สามารถหลีกเลี่ยง
การก่อให้เกิดของเสียได้ ขั้นตอนต่อไปคือการนำวัสดุที่ถูกใช้แล้วหรือที่เหลือใช้กลับมาใช้ซ้ำ (Reuse) หรือนำมา
แปรสภาพเพื่อกลับมาใช้ในรูปแบบอื่น (Recycle) ให้มากที่สุด สหภาพยุโรปได้กำหนดประเภทของเสียที่ต้องได้รับ
การพิจารณาเป็นพิเศษเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เช่น วัสดุบรรจุภัณฑ์ รถยนต์หมดสภาพ แบตเตอรี่

14

และเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ปัจจุบันหลายประเทศในสหภาพยุโรปสามารถนำวัสดุ
บรรจุภัณฑ์กลับมาแปรสภาพเพื่อนำกลับมาใช้ได้มากกว่าร้อยละ 50
• ปรับปรุงการกำจัดขั้นสุดท้ายและการเฝ้าระวัง (Improving Final Disposal and Monitoring)
ของเสียที่ไม่สามารถนำมาใช้ซ้ำหรือรีไซเคิลจะถูกส่งไปเผาทำลายและฝังกลบซึ่งเป็นมาตรการสุดท้ายในการจัดการ
ของเสีย การเผาทำลายและการฝังกลบอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดเพราะการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชน
โดยทั้งสองวิธีนี้สามารถสร้างผลกระทบที่ร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อม สหภาพยุโรปได้กำหนดข้อบังคับและแนวทาง
ปฏิบัติในการเผาทำลายรวมทั้งกำหนดกฎระเบียบและข้อบังคับที่หลากหลายโดยมีข้อบังคับที่เรียกว่า
Directive 2008/98/EC ซึ่งเป็นกรอบข้อบังคับกลางที่ผลักดันการประยุกต์ใช้ลำดับชั้นของการจัดการขยะมูลฝอย
ชุมชน (Waste Hierarchy) และกำหนดรายละเอียดการจัดการของเสียในด้านต่าง ๆ เช่น การขออนุญาต การ
ลงทะเบียน การวางแผน และการจัดการของเสียอันตราย เป็นต้น

การจัดการขยะพลาสติกในสหภาพยุโรป
1


แต่ละปีประชากรชาวยุโรปผลิตขยะพลาสติกจำนวน 25 ล้านตัน แต่สามารถทำการจัดเก็บเพื่อการรีไซเคิลได้ไม่ถึง
ร้อยละ 30 ทั่วโลกขยะพลาสติกมีสัดส่วนร้อยละ 85 ของขยะมูลฝอยที่พบในบริเวณชายหาดและทะเล นอกจากนี้
พลาสติกยังสามารถเข้าสู่ปอดและห่วงโซ่อาหารของประชาชนผ่านพลาสติกขนาดเล็ก (Microplactics) ที่ปนเปื้อน
ในอากาศ น้ำ และอาหาร ด้วยเหตุนี้คณะกรรมาธิการยุโรปจึงได้จัดทำยุทธศาสตร์พลาสติกขึ้นและเป็นส่วนหนึ่ง
ของการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนมากขึ้น ซึ่งเป้าหมายหลักคือการปกป้องโลก พลเมืองและ
อุตสาหกรรมของสหภาพยุโรป โดยบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งหมดในตลาดสหภาพยุโรปจะต้องสามารถรีไซเคิลได้
ภายใน พ.ศ.2573 การใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวจะลดลงและจะจำกัดการใช้พลาสติกขนาดเล็ก

ภายใต้ยุทธศาสตร์พลาสติกสหภาพยุโรปกำหนดให้ :
• เกิดการรีไซเคิลที่มีกำไรเชิงธุรกิจ: สหภาพยุโรปพัฒนากฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์เพื่อปรับปรุง
การนำกลับมาใช้ใหม่ของพลาสติกที่ใช้ในตลาดและเพิ่มความต้องการใช้พลาสติกรีไซเคิลให้สูงขึ้น การ
จัดเก็บขยะที่เพิ่มขึ้นควรมีการจัดตั้งศูนย์การรีไซเคิลที่ดีขึ้น และมีการปรับปรุงเพิ่มเติมควบคู่ไปกับการ
สร้างระบบที่ดีและเป็นมาตรฐานสำหรับการจัดเก็บและการแยกขยะมูลฝอยชุมชนในสหภาพยุโรปซึ่ง

1
รายงานผลการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลนโยบายมาตรการในสหภาพยุโรปประกอบข้อเสนอแนะนโยบายด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
และนวัตกรรมของประเทศไทย “การจัดการขยะ ลดพลาสติก และพัฒนาพลาสติกชีวภาพในยุโรป” สำนักงานที่ปรึกษา
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ กันยายน 2562

15

สามารถลดและประหยัดงบประมาณหลายร้อยยูโรต่อปริมาณขยะแต่ละตัน นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มมูลค่า
ให้กับอุตสาหกรรมพลาสติกและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและความยืดหยุ่นของอุตสาหกรรม
ดังกล่าวให้มากขึ้น
• ลดจำนวนขยะพลาสติก : การบังคับใช้กฎหมายของยุโรปในปัจจุบันนำไปสู่การลดการใช้ถุงพลาสติกใน
หลายประเทศสมาชิกแล้วและมุ่งจัดการพลาสติกและอุปกรณ์การประมงที่ใช้แล้วทิ้ง มีการสนับสนุน
โครงการระดับชาติเพื่อสร้างความตระหนักรู้ นอกจากนี้คณะกรรมาธิการยุโรปใช้มาตรการเพื่อจำกัดการ
ใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกประเภทพลาสติกขนาดเล็กและทำการติดฉลากสำหรับพลาสติกย่อยสลายได้
• ป้องกันการทิ้งขยะมูลฝอยในทะเล : มีการรับรองกฎระเบียบใหม่ที่เกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกในการ
ให้บริการท่าจอดเรือที่มุ่งจัดการกับขยะมูลฝอยทางทะเล โดยมีมาตรการเพื่อให้แน่ใจว่าขยะที่เกิดจากเรือ
ประเภทต่างๆ จะไม่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง แต่มีการจัดเก็บกลับคืนสู่ฝั่งและจัดการได้อย่างเหมาะสมซึ่งรวมถึง
มาตรการลดภาระการบริหารจัดการท่าเรือลง
• ส่งเสริมการลงทุนและการสร้างนวัตกรรม : คณะกรรมาธิการยุโรปให้คำแนะนำต่อหน่วยงาน
ระดับประเทศและธุรกิจในยุโรปเกี่ยวกับวิธีลดขยะพลาสติก ณ แหล่งผลิต โดยสนับสนุนนวัตกรรมผ่าน
กองทุนมูลค่ากว่า 100 ล้านยูโร เพื่อสนับสนุนการพัฒนาวัสดุพลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้อย่าง
ชาญฉลาดและยกระดับความสามารถรีไซเคิล จัดสร้างกระบวนการรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
และสามารถติดตามได้ รวมทั้งการกำจัดสารอันตรายและสิ่งปนเปื้อนจากพลาสติกรีไซเคิลได้

(2) ประเทศราชอาณาจักรเบลเยียม
ภูมิภาคฟลานเดอร์ของประเทศเบลเยียมกำหนดเป้าหมายการจัดการขยะมูลฝอยดังนี้
• ป้องกันการสร้างขยะใหม่ รัฐบาลเห็นว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนคือการลดปริมาณ
การเกิดขยะมูลฝอยและนำสิ่งของที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ โดยแผนงานที่รัฐบาลต้องการดำเนินการคือการ
ทำให้การกำเนิดขยะมูลฝอยเป็นอิสระจากการบริโภคของประชาชนซึ่งหมายถึงแม้จำนวนประชากรและ
ปริมาณการบริโภคของประชาชนเพิ่มขึ้นแต่ปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนไม่จำเป็นต้องเพิ่มตาม ปัจจุบัน
ปริมาณขยะมูลฝอยที่สร้างขึ้นในครัวเรือนจำนวน 522 กิโลกรัมต่อคนต่อปี โดยรัฐบาลต้องการลด
การสร้างขยะมูลฝอยและกำหนดเป้าหมายปริมาณขยะที่ถูกสร้างขึ้นในครัวเรือนต่อคนต่อปีต้องไม่เกิน
502 กิโลกรัมภายใน พ.ศ. 2565
• กระตุ้นการนำกลับมาใช้ใหม่ รัฐบาลต้องการให้ประชาชนใช้ของมือสองมากขึ้นเพื่อลดปริมาณขยะมูล
ฝอยที่สร้างขึ้นใหม่ โดยจากแผนดำเนินงานผลที่ได้รับคือจำนวนสิ่งของถูกนำกลับมาใช้ใหม่ขั้นต่ำ 5

16

กิโลกรัมต่อสมาชิกครัวเรือน 1 คน ในอนาคตจะจัดตั้งศูนย์การนำสิ่งของกลับมาใช้ใหม่ โดยคาดว่าจำนวน
สิ่งของถูกนำกลับมาใช้ใหม่จะเพิ่มขึ้นเป็น 7 กิโลกรัมต่อสมาชิกครัวเรือน 1 คน ภายใน พ.ศ. 2565
• การจำกัดการทิ้งขยะมูลฝอยชุมชนในพื้นที่สาธารณะ รัฐบาลกำหนดแผนป้องกันและลดปริมาณการทิ้ง
ขยะมูลฝอยชุมชนในพื้นที่สาธารณะภายใน พ.ศ. 2565 โดยรัฐบาลจะใช้ดัชนีความสะอาด (Cleanliness
Index) เป็นตัวชี้วัด ซึ่งปกติแล้วการทิ้งขยะมูลฝอยในพื้นที่สาธารณะจะพบมากในบริเวณที่จอดรถบน
ทางด่วนและป้ายจอดรถสาธารณะ รัฐบาลตั้งเป้าหมายภายใน พ.ศ. 2565 ดัชนีความสะอาดจะต้อง
เพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับ พ.ศ. 2557 นอกจากนี้ ภายใน พ.ศ. 2565 ปริมาณการทิ้ง
ขยะมูลฝอยชุมชนในพื้นที่สาธารณะต้องลดลงร้อยละ 20 (โดยมวล) เมื่อเทียบกับ พ.ศ. 2556
ซึ่งหมายความว่าปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนสูงสุดในพื้นที่สาธารณะใน พ.ศ. 2565 ต้องไม่เกิน
จำนวน 14,000 ตัน
• ลดปริมาณขยะอุตสาหกรรม รัฐบาลกำหนดเป้าหมายลดปริมาณขยะอุตสาหกรรมลงร้อยละ 15
เมื่อเปรียบเทียบกับ พ.ศ. 2556 และกำหนดให้มีการนำขยะอุตสาหกรรมมารีไซเคิลให้มากขึ้นเพราะปกติ
มากกว่าร้อยละ 20 ของขยะอุตสาหกรรมสามารถนำมารีไซเคิลได้

มาตรการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศราชอาณาจักรเบลเยียม
ภูมิภาคฟลานเดอร์ของประเทศราชอาณาจักรเบลเยียมกำหนดแผนดำเนินงานและมาตรการกำจัดขยะมูลฝอย
ชุมชนดังนี้
• กระตุ้นตลาดสินค้าที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล : รัฐบาลเบลเยียมต้องการกระตุ้นตลาดสินค้าที่ผลิตจากวัสดุ
รีไซเคิล ดังนั้นจึงได้พัฒนาข้อกำหนดการจัดซื้อจัดจ้างสาธารณะของหน่วยงานรัฐเพื่อเพิ่มความเป็นไปได้
ในการเลือกใช้สินค้าที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลในหน่วยงานรัฐ
• จัดตั้งเครือข่ายการเรียนรู้: รัฐบาลเบลเยียมมีแผนจัดตั้งเครือข่ายการเรียนรู้เพื่อแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ดี
ในการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนให้แก่สมาชิกในชุมชน
• การจัดการขยะอุตสาหกรรมที่มีลักษณะเหมือนกับขยะมูลฝอยจากครัวเรือน: ขยะมูลฝอยประเภทนี้
เป็นขยะที่เกิดจากภาคอุตสาหกรรมและบริษัทแต่มีลักษณะเหมือนกับขยะมูลฝอยจากครัวเรือน เช่น
กระดาษ กระดาษลัง ขวดพลาสติก ขวดโลหะ กล่องเครื่องดื่ม ขยะอินทรีย์ เป็นต้น แต่มีปริมาณมากกว่า
ขยะมูลฝอยจากครัวเรือนทั่วไป
➢ ภาครัฐได้พัฒนาเครื่องมือและแพลตฟอร์มให้แก่บริษัท โดยบริษัทสามารถรับข่าวสารและคำแนะนำ
เกี่ยวกับการจัดการวัสดุที่บริษัทอื่น ๆ ในภูมิภาคดำเนินการ

17

➢ จัดทำโครงการเพื่อสร้างความตระหนักและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับข้อกำหนดในการคัดแยกขยะมูลฝอย
ให้แก่แต่ละบริษัท โดยแบ่งกิจกรรมออกเป็น 2 ประเภทคือ ประเภททั่วไป และประเภทเจาะจงต่อ
อุตสาหกรรม
➢ นำระบบการจัดการคุณภาพการจำแนกขยะมูลฝอยชุมชนมาใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพการคัดแยกขยะมูลฝอย
ชุมชนของแต่ละบริษัทให้ดียิ่งขึ้น
• การจัดการขยะอินทรีย์: รัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายเพื่อลดปริมาณขยะอินทรีย์ลงอย่างน้อยร้อยละ 15
ภายใน พ.ศ. 2565 โดยผลักดันมาตรการป้องกันการสูญเสียอาหารและการเกิดของขยะอาหาร
และกระตุ้นให้แต่ละครัวเรือนนำอาหารเหลือทิ้งมาผลิตเป็นปุ๋ยหมักเพื่อใช้ในครัวเรือน นอกจากนี้เทศบาล
ปรับปรุงแผนคัดแยกขยะมูลฝอยชุมชนออกจากเศษผัก สวน และผลไม้ (Vegetable-Garden and Fruit
–VGF Waste) ให้ดีขึ้น เนื่องจากขยะมูลฝอยประเภท VGF นี้เป็นวัตถุดิบที่ล้ำค่าและสามารถแปรรูปเป็น
ปุ๋ยหมักได้ ปัจจุบันปุ๋ยหมักส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ในภาคเกษตรกรรมของประเทศ สำหรับบริษัทที่ผลิต
ขยะอินทรีย์เป็นจำนวนมากจะต้องดำเนินการแยกขยะมูลฝอยประเภท VGF อย่างเคร่งครัด โดย
กฎระเบียบนี้จะเริ่มบังคับใช้ใน พ.ศ. 2564
• เพิ่มจำนวนจุดรวบรวมและสถานีรีไซเคิลขยะบรรจุภัณฑ์และพลาสติก: ภาครัฐต้องการผลักดัน
เป้าหมายเพิ่มอัตราการรีไซเคิลขยะบรรจุภัณฑ์ให้สูงขึ้นโดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์ประเภทพลาสติก
เช่น ฉนวนโพลีสไต-รีนโฟม แผ่นฟิล์ม และพลาสติกชนิดแข็ง เป็นต้น โดยประชาชนมีหน้าที่คัดแยกขยะ
พลาสติกชนิดแข็ง เช่น ถังพลาสติก ของเล่น ท่อพลาสติก เป็นต้น และนำไปทิ้ง ณ สถานีรีไซเคิล
เพราะขยะพลาสติกชนิดแข็งจะไม่ถูกนำไปเผาไหม้อีกต่อไป และบริษัทต่างๆ ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดที่
คล้ายคลึงกันโดยต้องคัดแยกขยะพลาสติกแต่ละประเภท เช่น พลาสติกขนาดแข็ง ฟอยล์ และโพลีสไตรีน
เป็นต้น
• นโยบายจัดการกับเฟอร์นิเจอร์และเบาะนอน: ภาครัฐได้กำหนดนโยบายการจัดการขยะมูลฝอยประเภท
เฟอร์นิเจอร์และเบาะนอนโดยเฉพาะ โดยมีการเสนองบประมาณจูงใจในการออกแบบเฟอร์นิเจอร์และ
เบาะนอนเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ได้
ใหม่
• ป้องกันการทิ้งขยะมูลฝอยในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต: จากสถิติพบว่าขยะมูลฝอยส่วนใหญ่ที่พบ
ในที่สาธารณะ ได้แก่ ก้นบุหรี่ หมากฝรั่ง และบรรจุภัณฑ์อาหาร เช่น ถ้วยกาแฟ ภาชนะบรรจุเครื่องดื่ม
กระดาษและฟิล์มห่ออาหาร เป็นต้น โดยภาครัฐได้ใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อจัดการปัญหาดังนี้

18

➢ ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน: จัดพื้นที่สาธารณะเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนทิ้งขยะมูลฝอยให้ลงถังและ
หลีกเลี่ยงการทิ้งขยะมูลฝอยไม่ถูกที่ผ่านการจัดระบบถังขยะมูลฝอยในเมืองให้มีจำนวนเพียงพอและมี
ตำแหน่งที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังปรับปรุงนโยบายว่าด้วยการทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ
➢ ส่งเสริมการมีส่วนร่วม: ส่งเสริมและขยายการจัดตั้งเครือข่ายอาสาสมัครและพันธมิตรเพื่อร่วม
สอดส่องการทิ้งขยะมูลฝอยชุมชนผิดกฎหมายซึ่งถือเป็นการควบคุมทางสังคม
➢ ปรับปรุงการสื่อสาร: จัดโครงการการสื่อสารเพื่อสร้างความตระหนักให้แก่ประชาชนว่าการทิ้งขยะมูล
ฝอยชุมชนในพื้นที่สาธารณะสังคมไม่สามารถรับได้โดยการสื่อสารอย่างเฉพาะเจาะจง ณ เวลาและสถานที่
ที่มีการทิ้งขยะมูลฝอยชุมชนในพื้นที่สาธารณะถือได้ว่ามีประสิทธิภาพสูงสุด
✓ บังคับใช้กฎระเบียบ: การบังคับใช้หรือการนำไปปฏิบัติถือเป็นหัวใจสำคัญของทุกนโยบาย ดังนั้น
จะต้องมีการบังคับใช้กฎระเบียบอย่างเคร่งครัด นอกจากค่าปรับแล้วผู้ฝ่าฝืนกฎระเบียบควรได้รับ
บทลงโทษทางสังคมด้วย
• หลีกเลี่ยงการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนด้วยวิธีเผาและฝังกลบ: การเผาไหม้และการฝังกลบถือเป็นการ
กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนวิธีสุดท้ายที่ควรเลือกใช้หรือหลีกเลี่ยงเพราะการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนด้วยวิธี
เหล่านี้ทำให้ทรัพยากรที่มีคุณค่าต้องสูญเสียไป
✓ ลดจำนวนเตาเผาขยะ: ภาครัฐกำหนดเป้าหมายลดปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนจึงกระตุ้นให้ลดจำนวน
เตาเผาขยะมูลฝอยชุมชนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
✓ หลีกเลี่ยงการฝังกลบ: การฝังกลบขยะมูลฝอยชุมชนถือเป็นวิธีสุดท้ายที่ควรเลือกใช้ในการกำจัดขยะ
และเพื่อจำกัดการฝังกลบภาครัฐได้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการฝังกลบและประกาศห้ามให้ฝังกลบขยะมูล
ฝอยชุมชนในพื้นที่ใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยมีการฝังกลบมาก่อน และไม่อนุญาตให้มีพื้นที่ฝังกลบขยะเพิ่มขึ้นจาก
เดิม

(3) ประเทศราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเฮก อธิบายว่าประเทศราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์มีระบบคัดกรอง
ขยะมูลฝอยชุมชนและเตาเผาขยะมูลฝอยชุมชนตามข้อตกลงของสหภาพยุโรปเมื่อ พ.ศ. 2551 รัฐบาล
เนเธอร์แลนด์พยายามใช้มาตรการผลักดันรวมทั้งการเก็บภาษีเพื่อลดปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนในประเทศให้น้อย
ที่สุด นอกจากข้อตกลงของสหภาพยุโรปด้านสิ่งแวดล้อมแล้วยังมีสนธิสัญญาปารีสและพลังงานนิวเคลียร์
(Nuclear Power and Paris Agreement) ที่ให้ความสำคัญตกับสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศรวมถึงประเทศนอก
สหภาพยุโรปโดยมีเป้าหมายการใช้วัตถุดิบ/วัสดุรีไซเคิล 100% และลดปริมาณการปล่อยสารก่อมลพิษภายใน
พ.ศ. 2593

19

รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ต้องการให้มีปริมาณการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกในระดับที่น้อยลงโดยการรณรงค์ให้ผู้บริโภค
ทราบถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อมรวมทั้งใช้มาตรการผลักดันต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงวัสดุที่ใช้ผลิต
บรรจุภัณฑ์ การจ่ายเงินประกันค่าขวดน้ำพลาสติกรวมทั้งการให้ผู้บริโภคชำระเงินค่าถุงพลาสติกเมื่อซื้อสินค้าใน
ร้านค้า เป็นต้น ซึ่งมาตรการเหล่านี้สามารถทำให้ปริมาณการใช้ถุงพลาสติกลดลงกว่า 50% ทั้งนี้กลุ่มผู้ประกอบการ
จากสมาชิกผู้ผลิตนมวัวและผลิตภัณฑ์จากนม (Dutch Dairy) ผู้ผลิตนมวัวและผลิตภัณฑ์จากนม
และกลุ่มผู้ประกอบการซุปเปอร์มาเก็ตได้นำเสนอแนวคิดการใช้บรรจุภัณฑ์แบบยั่งยืนด้วยวัสดุและเทคนิคการผลิต
บรรจุภัณฑ์สมัยใหม่ที่ผลิตจากวัตถุดิบจากธรรมชาติทดแทนวัตถุดิบที่มาจากฟอสซิล เนื่องจากวัตถุดิบจากธรรมชาติ
สามารถย่อยสลายและผลิตขึ้นใหม่ได้ง่ายนอกจากนี้ยังปลดปล่อยปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) น้อยกว่า 20%
ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมของประเทศราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์
1) วิธีการรีไซเคิล รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ได้ศึกษาทั้งด้านการเงินและรูปแบบของบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรม
รีไซเคิลภายในประเทศและพบว่าถึงแม้บริษัทกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนบางแห่งอาจมีระบบรีไซเคิลที่ยังไม่ดีพอ
เนื่องจากการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนต้องคัดกรองขยะมูลฝอยหลายประเภท เช่น เหล็ก พลาสติก กระดาษ แก้ว
ไม้ และขยะมูลฝอยจากเศษผัก สวน และผลไม้ เป็นต้น แต่การให้ความสำคัญกับการรีไซเคิลตั้งแต่ขั้นตอนการ
พัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งที่สำคัญกว่า โดยการพัฒนานวัตกรรมใหม่เพื่อนำผลิตภัณฑ์ที่สิ้นสุดรอบการใช้งานกลับมา
ใช้ประโยชน์ได้อีกภายใต้หลักการ จากแหล่งกำเนิดกลับสู่ยังแหล่งกำเนิดซึ่งใช้กลวิธีของธรรมชาติ ในการนำสิ่งที่สิ้น
สภาพการใช้งานกลับไปเป็นประโยชน์กับธรรมชาติได้ (Cradle-to-Cradle Approach) ปัจจุบันหลักการนี้ถูกใช้
กับบางผลิตภัณฑ์ เช่น พรมปูพื้น เครื่องใช้ไฟฟ้า และเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน เป็นต้น
(1) การเปลี่ยนเศรษฐกิจแบบเส้นตรง (Linear) เป็นเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน (Circular) อีกมาตรการ
หนึ่งที่รัฐบาลเนเธอร์แลนด์พยายามผลักดันคือการเปลี่ยนเศรษฐกิจแบบเส้นตรง (Linear) เป็นเศรษฐกิจแบบ
หมุนเวียน (Circular) กล่าวคือเศรษฐกิจแบบเส้นตรง (Linear) มีกระบวนการเริ่มจากการเตรียมวัตถุดิบ การผลิต
การบริโภคและสิ้นสุดที่การทำลายผลิตภัณฑ์ ในขณะที่เศรษฐกิจแบบหมุนเวียนมีโอกาสนำวัสดุและผลิตภัณฑ์
เหลือทิ้งกลับมาใช้ประโยชน์ได้ใหม่ โดยรัฐบาลเนแธอร์แลนด์ให้ความสำคัญกับจุดเริ่มต้นของห่วงโซ่การผลิตที่
สามารถนำไปสู่การรีไซเคิลให้มากที่สุด และด้วยตำแหน่งที่ตั้งของประเทศเนเธอร์แลนด์ซึ่งอยู่ศูนย์กลางโครงสร้าง
พื้นฐานในทวีปยุโรปทำให้เนเธอร์แลนด์สามารถใช้ตำแหน่งของประเทศเป็นผู้นำหรือศูนย์กลางในการเปลี่ยนของ
เสียให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่
(2) การรวบรวมขยะมูลฝอยชุมชน (Collection) ประเทศเนเธอร์แลนด์กำลังพัฒนารูปแบบและ
เทคโนโลยีรีไซเคิลสมัยใหม่ด้วยระบบคัดกรองขยะมูลฝอยชุมชนแต่ละประเภทที่มีมากกว่า 6 ประเภททั้งจาก
บ้านพักอาศัยและบริษัทร้านค้า โดยใช้เครื่องจักรบดขยะมูลฝอยเพื่อลดขนาดขยะมูลฝอยและทำให้การขนส่งง่าย
ขึ้นหลังจากผ่านการคัดกรองขั้นแรก ส่วนขยะมูลฝอยที่ไม่ได้ถูกคัดกรองอย่างถูกต้องในขั้นตอนแรกจะถูกส่งไปคัด
กรองขั้นสูงหรืออาจถูกคัดกรองด้วยคน สำหรับเครื่องคัดกรองขยะมูลฝอยชุมชนขั้นสูง เช่น เครื่องคัดกรองโดย

20

แรงลม (Wind Shifters) เครื่องบดแบบค้อนเหวี่ยง (Hammering Mills) อ่างอาบน้ำแบบลอยตัว แม่เหล็กและ
เครื่องจักรต่างๆ เป็นต้น
(3) การขนส่งขยะมูลฝอยชุมชน (Transportation) รถขนขยะมูลฝอยชุมชนได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
โดยใช้งานด้วยพลังงานชีวภาพซึ่งมาจากเศษผัก ผลไม้ และพืชสวน นอกจากเป็นพลังงานทดแทนอย่างยั่งยืนแล้ว
ยังมีต้นทุนต่ำกว่าและสามารถใช้ได้กับยานพาหนะหลายประเภท

2) พลังงานชีวภาพ จากขยะมูลฝอยจากเศษผัก สวนและผลไม้ (VGF-Waste) เป็นวัตถุดิบที่ล้ำค่าที่สามารถ
แปรรูปเป็นปุ๋ยหมักได้ โดยนอกจากนำมาใช้ประโยชน์สำหรับการเพาะปลูกแล้วยังเป็นส่วนประกอบสำคัญ
ในการผลิตแก๊สธรรมชาติ พลังงานไฟฟ้า พลังงานความร้อน และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทั้งนี้การนำขยะมูลฝอย
จากเศษผัก สวนและผลไม้มาใช้ให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพสูงสุดจำเป็นต้องคัดกรองประเภทของขยะมูล
ฝอยชุมชนอย่างถูกต้อง
(1) พลังงานจากขยะมูลฝอยชุมชน ขยะมูลฝอยชุมชนที่ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อีก (ไม่สามารถ
รีไซเคิลได้) จะถูกจัดการในรูปแบบที่มีความยั่งยืน สำหรับขยะมูลฝอยชุมชนที่เผาไหม้ได้จะถูกนำไปผลิต
กระแสไฟฟ้า ไอน้ำ พลังงานความร้อน และวัสดุบางอย่างสำหรับอาคาร โดยการแปรรูปขยะมูลฝอยชุมชน
เป็นพลังงานเชื้อเพลิงสามารถช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงที่มาจากฟอสซิล (น้ำมัน ก๊าซ และถ่านหิน) ทั้งนี้กระบวนการ
ผลิตพลังงานจากขยะมูลฝอยชุมชนยังมีเถ้าและตะกอนตกค้างหลังจากการเผาไหม้ในโรงไฟฟ้าขยะ แต่สารตกค้าง
เหล่านี้สามารถนำมาใช้ก่อสร้างถนนหรือเป็นยางมะตอยต่อได้ กล่าวคือส่วนตกค้างที่เหลือสามารถนำกลับมาใช้
ประโยชน์อย่างอื่นได้อีกกว่าร้อยละ 85 ของสารตกค้างทั้งหมด
(2) โรงไฟฟ้า (Power Plants) เนื่องจากโรงไฟฟ้าจำเป็นต้องมีการติดตั้งระบบเฉพาะสำหรับการแปรรูป
พลังงานจากขยะมูลฝอยชุมชนแต่ละประเภท จึงทำให้ปัจจุบันเนเธอร์แลนด์มีโรงงานผลิตไฟฟ้าจากภาคเกษตรและ
ขยะจากอาหาร (Agriculture and Food Waste Energy Program: WEP) จำนวน 12 แห่ง โดยตั้งแต่
พ.ศ. 2554 โรงงานผลิตไฟฟ้าเหล่านี้สามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 4,500 กิกะวัตต์เฮิรตซ์ จากขยะมูลฝอยจากเศษผัก
สวนและผลไม้ จำนวน 7.2 พันล้านกิโลกรัมเพียงพอสำหรับที่พักอาศัยจำนวน 1.35 ล้านครัวเรือน โดย
เนเธอร์แลนด์รับขยะมูลฝอยชุมชนจากประเทศสมาชิกยุโรปเพื่อแปรรูปเป็นพลังงานและเพื่อรักษาปริมาณการผลิต
พลังงานให้คงที่ซึ่งทำให้เกิดประโยชน์กับสภาพสิ่งแวดล้อมโดยรวมอย่างมาก นอกจากนี้โรงไฟฟ้าเหล่านี้ยังสามารถ
ผลิตพลังงานไอน้ำและพลังงานความร้อน 900-1,100 องศาเซลเซียสได้ถึง 14 เพต้า จูเล (Peta Joule: PJ) โดย
ส่งผ่านท่อส่งก๊าซ (Pipeline) ไปยังกว่า 400,000 หลังคาเรือนในพื้นที่โดยรอบ ซึ่งเป็นการผลิตพลังงานแบบยั่งยืน
และไม่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจก การรีไซเคิลขยะมูลฝอยชุมชนให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้าให้ผลดีกว่าผลกระทบ
จากสภาพสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการขนส่งขยะมูลฝอยชุมชน โดยโรงไฟฟ้าชีวมวลส่วนใหญ่จะใช้ไม้เป็นเชื้อเพลิงใน
การเผาไหม้ซึ่งให้ประสิทธิภาพดีกว่าเชื้อเพลิงประเภทอื่นและพลังงานไฟฟ้าที่ได้ส่วนใหญ่มาจากเศษขยะมูลฝอย

21

จากการก่อสร้างและรื้อถอน นอกจากนี้โรงไฟฟ้ามีระบบบำบัดมลพิษขั้นสูงก่อนปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมอย่างปลอดภัย
ปราศจากโลหะหนักและคาร์บอนไดออกไซด์ ส่วนปล่องควันทำหน้าที่คายน้ำกลั่นและคาร์บอนไดออกไซด์สู่
ภายนอกโดยภายในปล่องควันจะมีอุปกรณ์วัดค่าไว้ตรวจสอบคุณภาพและปริมาณมลพิษ
(3) การแปรรูปปุ๋ยหมัก (Composting) เป็นการแปรรูปจากขยะอินทรีย์ในโรงปุ๋ยหมักโดยนำมาหมัก
ด้วยกระบวนการย่อยสลายทางชีวภาพและใช้อุณหภูมิเป็นตัวเร่งกระบวนการ โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้นถึง
70 องศาเซลเซียสภายในเวลา 2-3 วัน ซึ่งอุณหภูมิที่สูงนี้สามารถทำลายเชื้อโรคที่เป็นอันตรายได้ หลังจากนั้น
อุณหภูมิจะลดลงอยู่ระดับคงที่ 50 องศาเซลเซียส กระบวนการนี้สามารถแปรรูปขยะมูลฝอยจากเศษผัก สวนและ
ผลไม้ เป็นปุ๋ยหมักได้ถึง 40% และโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ ปัจจุบันปุ๋ยหมักส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ใน
ภาคเกษตรกรรมของประเทศเนื่องจากมีธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อพืชรวมทั้งสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ใน
ดิน ทั้งนี้กระบวนการแปรรูปปุ๋ยหมักได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและบางกรณีอาจมีการเติมสารที่เป็นประโยชน์
ในปุ๋ยหมัก อาทิ แคลเซียม มูลสัตว์ หรือเชื้อราที่เป็นประโยชน์เพื่อต่อสู้กับแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อพืช

(4) ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
2

สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่เคยประสบปัญหาสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมอันเป็นผลมาจาก
การขยายตัวด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมเพื่อการพัฒนาภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อเยียวยาปัญหา
ดังกล่าวแก่ประชาชนรัฐจึงเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการหามาตรการจัดการอย่างเป็นรูปธรรม โดยเมื่อ พ.ศ. 2515
สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีได้ผ่านกฎหมายการจัดการขยะมูลฝอยแห่งชาติซึ่งนับเป็นกฎหมายสิ่งแวดล้อมฉบับ
แรกที่มีพื้นฐานเกี่ยวกับการให้ “ผู้ที่ก่อให้เกิดมลพิษต้องจ่ายเงิน” โดยเป็นมาตรฐานบังคับใช้สำหรับ
ภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม การจัดการป่าไม้ และสาธารณูปโภค ภายใต้ข้อบังคับของกฎหมายดังกล่าวเป็นผล
ให้สถานที่ทำงานประมาณ 50,000 แห่งที่ไม่ได้รับอนุญาตต้องปิดตัวลง ขณะเดียวกันรัฐบาลเยอรมันได้ผลักดัน
กฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ อย่างเป็นระบบเพื่อให้ครอบคลุมการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม
เช่น กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการปล่อยของเสีย พ.ศ. 2517 กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการปล่อยของเสียจาก
ภาคครัวเรือนสู่แหล่งน้ำ พ.ศ. 2526 ระเบียบว่าด้วยโรงงานเผาไหม้ขนาดใหญ่ พ.ศ. 2518 เป็นต้น ปัจจัยด้าน
ขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อมกอปรกับทรัพยากรพลังงานภายในประเทศประเภทถ่านหิน และแร่ต่างๆ ไม่เอื้อต่อ
ภาคอุตสาหกรรมในระยะยาว รัฐบาลเยอรมันจึงกำหนดนโยบายใหม่โดยตั้งเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม
ในมิติต่างๆให้เป็นวาระแห่งชาติ

2
สมสกุล ลิขนะจุล ผู้แปลและเรียบเรียง กลุ่มงานภาษาสเปน เยอรมันและอาหรับ สำนักภาษาต่างประเทศ สำนักงานเลขาธิการ
รัฐสภา การจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี 2555

22

อย่างไรก็ตามกระบวนการนิติบัญญัติซึ่งรัฐบาลเยอรมันได้พยายามใช้เป็นเครื่องมือจัดการปัญหา
สิ่งแวดล้อมภายในประเทศล้วนเป็นมาตรการใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้น หากมองในระยะยาว
อาจไม่เพียงพอและต้องใช้เวลาและงบประมาณในการบำบัดดูแลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามการเติบโตของอุตสาหกรรมใน
ประเทศ ดังนั้นเมื่อปี พ.ศ. 2539 รัฐบาลจึงเปลี่ยนมาตรการจัดการมาเป็นการจัดการที่ต้นเหตุแทนโดยเน้น
การพัฒนาการจัดการขยะมูลฝอยหรือของเสียในประเทศให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการหมุนเวียนที่ก่อให้เกิดผล
ทางเศรษฐกิจ โดยแบ่งการจัดการขยะมูลฝอยออกเป็น 3 ส่วนคือ การหลีกเลี่ยง การนำกลับมาใช้ใหม่ และการ
จัดการอย่างเหมาะสม ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายพื้นฐานมาตรา 20 เอ ซึ่งระบุว่า
“รัฐมีหน้าที่รับผิดชอบในการปกป้องพื้นฐานในการดำรงชีวิตตามธรรมชาติสำหรับคนรุ่นต่อไปภายใต้กรอบ
กฎหมายรัฐธรรมนูญในการตรากฎหมายและมาตรการตามกฎหมาย รวมถึงสิทธิตามอำนาจการบริหาร
และนิติบัญญัติ” การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศเยอรมนีจากเดิมเพียงการจัดการ
ขยะมูลฝอยหรือของเสียภายในประเทศพัฒนามาเป็นการหมุนเวียนที่ก่อให้เกิดผลทางเศรษฐกิจซึ่งต้องอาศัยตัว
แปรสำคัญคือ ภาคประชาชน เพื่อให้สอดคล้องกับกระบวนการพัฒนาดังกล่าวของรัฐบาลและเกิดผลสัมฤทธิ์ในการ
จัดการสิ่งแวดล้อมจากต้นเหตุ ปัจจุบันประเทศสาธารณรัฐเยอรมนีได้แบ่งการจัดการของเสียในภาคประชาชน
ออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้
o ถังขยะมูลฝอยสีน้ำตาล ได้แก่ ขยะชีวภาพ/เศษอาหาร
o ถังขยะมูลฝอยสีเหลือง ได้แก่ ขยะประเภทบรรจุภัณฑ์
o ถังขยะมูลฝอยสีเทา ได้แก่ ขยะอันตราย
o ถังขยะมูลฝอยสีฟ้า ได้แก่ ขยะประเภทกระดาษ/ลัง
o ถังขยะมูลฝอยสำหรับแก้ว แบ่งตามสีต่างๆ ได้แก่ สีเขียว สีใส สีน้ำตาล และสีอื่นๆ

รัฐบาลท้องถิ่นจะกำกับดูแลด้านการคัดแยกขยะตามประเภทข้างต้นแล้วจึงนำไปจัดการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ต่อไป โดยในปัจจุบันรัฐบาลเยอรมันได้แบ่งประเภทขยะมูลฝอยที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ออกเป็น
เศษแบตเตอรี่ เศษพาหนะ เศษแก้ว เศษไม้ น้ำมันเก่า เศษกระดาษ เศษขยะจากการก่อสร้าง/เศษจากการขุด
ขยะชีวภาพ ขยะจากอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ ขยะอันตราย ตะกอนน้ำเสีย ขยะจากภาคการผลิต ขยะปนเปื้อนสาร
ปรอท ขยะมูลฝอยชุมชน/ขยะมูลฝอยจากภาคอุตสาหกรรม ขยะบรรจุภัณฑ์ ขยะประเภทที่มีผลของความเป็นพิษ
ระยะยาว (Persistent Organic Pollutant: POP) ซึ่งเป็นชื่อเรียกกลุ่มสารอินทรีย์ 12 ชนิดซึ่งส่วนใหญ่เป็น
ยากำจัดศัตรูพืชหรือเป็นผลพลอยได้ที่ไม่ได้ตั้งใจจากการเผาไหม้จากอุตสาหกรรมหรือจากเครื่องยนต์ดีเซล)
สารโพลีคลอริ-เนตไบฟีนิล (Polychlorinated Biphenyls: PCB) ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัตินำความร้อนสม่ำเสมอ
และคงที่ เฉื่อยต่อการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นและไม่ทำปฏิกิริยากับกรด ด่าง หรือสารเคมีอื่นๆ และเป็น
ฉนวนไฟฟ้าที่ดี

23

การจัดการขยะมูลฝอยชุมชนซึ่งรัฐบาลเยอรมันใช้ในปัจจุบันมี 5 วิธี ได้แก่ (1) การนำกลับมาใช้ใหม่
(2) การหมัก (3) การเผา (4) การจัดการทางชีววิทยาโดยเครื่องจักร และ (5) การฝังกลบ
ปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
เริ่มตั้งแต่พื้นฐานทางความคิด เพราะทุกคนในประเทศต่างเห็นพ้องตรงกันว่าการรีไซเคิลเป็นสิ่งสำคัญและต่างมี
จิตสำนึกที่ดีในการให้ความร่วมมือโดยไม่มีข้อแม้นับตั้งแต่ระดับนโยบายจากรัฐบาล การลงมือปฏิบัติของ
ภาคอุตสาหกรรม และความใส่ใจของภาคครัวเรือน
(5) ประเทศสวีเดน
3

จากความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนกับประชาชนอย่างเป็นระบบ เมื่อผนวกกับการพัฒนานวัตกรรมและ
เทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้งทำให้สวีเดนกลายเป็นประเทศผู้นำด้านการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนและการผลิต
พลังงานจากขยะมูลฝอยชุมชน (Waste-to-Energy) ในระดับนานาชาติ ปัจจุบันสวีเดนมีขยะมูลฝอยชุมชนที่ต้อง
นำไปกลบฝังเพียง 0.08 % ของปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนทั้งหมดในประเทศและต้องนำเข้าขยะมูลฝอยชุมชนจาก
ต่างประเทศเพื่อนำมาผลิตเป็นพลังงาน ปัจจัยที่ทำให้สวีเดนประสบความสำเร็จและกลายเป็นผู้นำในการนำ
เทคโนโลยีการนำขยะมูลฝอยชุมชนมาผลิตเป็นพลังงาน มีดังนี้
• ตั้งเป้าหมายชัดเจนที่จะบรรลุวิสัยทัศน์ “ของเสียเหลือศูนย์” หรือ Zero Waste ภายใน
พ.ศ.2563 รัฐบาลสวีเดนมุ่งมั่นในการลดจำนวนขยะมูลฝอยชุมชนภายในประเทศตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
โดยการตรากฎหมาย กำหนดระเบียบข้อบังคับท้องถิ่นเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ดังกล่าวรวมทั้งการห้ามเผา
ขยะมูลฝอยชุมชน การจำกัดการปล่อยสารเคมีที่เป็นอันตราย การกำหนดให้นำขยะมูลฝอยชุมชนกลับมา
ใช้ใหม่แทนการฝังกลบ การใช้หลักการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนตามลำดับขั้น (Waste Hierarchy)
กล่าวคือ ลดปริมาณขยะมูลฝอย (Reduce) นำกลับไปใช้ใหม่ (Reuse) รีไซเคิล (Recycle) นำไปผลิตเป็น
พลังงานเมื่อไม่สามารถนำกลับไปใช้ใหม่ได้อีก (Recover Energy)
• เน้นมีจิตสำนึกต่อส่วนรวม ชาวสวีเดนได้รับการปลูกฝังให้คัดแยกขยะมูลฝอยชุมชนออกเป็นประเภท
ทำให้ง่ายต่อการนำขยะมูลฝอยไปแปรรูป ด้วยเหตุนี้ขยะมูลฝอยที่มาจากครัวเรือนได้รับการนำกลับมา
รีไซเคิลและกลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ง่าย เมื่อแยกขยะมูลฝอยที่สามารถรีไซเคิลได้และของเสียที่ย่อย
สลายไม่ได้ออกไปจะเหลือขยะมูลฝอยส่วนที่สามารถทำเป็นเชื้อเพลง (Refuse Derived Fuel: RDF) โดย
ผ่านกระบวนการขึ้นกับเทคโนโลยีที่ใช้ เชื้อเพลิงที่ได้สามารถนำไปใช้ผลิตไฟฟ้าหรือจำหน่าย

3
ศูนย์บริการข้อมูลเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (Department of International Economic
Affairs) 4 ปัจจัยความสำเร็จในการจัดการขยะแบบสวีเดน 2559

24

• สานพลังความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน-ประชาชน ความร่วมมืออย่างเป็นระบบระหว่างเทศบาลท้องถิ่น
ซึ่งมีบทบาทหลักในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยในครัวเรือน บริษัทและหน่วยงานอื่นๆ ของภาครัฐต่างมี
ส่วนทำให้สวีเดนประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่างยั่งยืน เช่น สมาคม
จัดการขยะมูลฝอยสวีเดน (Swedish Waste Management Association) หรือที่เรียกว่า Avfall
Sverige ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ พ.ศ. 2490 ปัจจุบันกลายเป็นสมาคมขนาดใหญ่ที่มีจำนวนสมาชิกจากภาครัฐ
และภาคเอกชนกว่า 400 องค์กร มีภารกิจสนับสนุนการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนรวมทั้งการสร้าง
ความตระหนักรู้และเผยแพร่องค์ความรู้เรื่องการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนทั่วประเทศสวีเดน
• เน้นนำเทคโนโลยีเข้าช่วยจัดการ โดยดัชนีนวัตกรรมโลก (Global Innovation Index) จัดให้สวีเดน
เป็นประเทศอันดับต้นๆ ของโลกในด้านนวัตกรรม ประเทศสวีเดนลงทุนทำการวิจัยด้านเทคโนโลยีการ
บริหารจัดการขยะมูลฝอยรวมทั้งสร้างเครือข่ายระหว่างมหาวิทยาลัยชั้นนำและสนับสนุนการศึกษาวิจัย
อย่างต่อเนื่องทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติในสาขาต่างๆ ของการบริหารจัดการขยะมูลฝอย
จนทำให้สวีเดนสามารถสร้างโรงงานผลิตพลังงานจากขยะมูลฝอยชุมชนโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและ
สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 2.20 ล้านตันต่อปีดังเช่นปัจจุบัน

1.2 แนวทางการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในเมืองหลวงและเมืองปริมณฑลของเมืองหลวงในประเทศไทยและ
ในต่างประเทศ
ณ พ.ศ. 2561 กรุงเทพมหานครเป็นมหานครขนาดใหญ่ (Megacity) มีจำนวนประชากรรวมทั้งสิ้น 10.15
ล้านคน โดยมีประชากรแฝงจำนวน 4.47 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 44.04 ของจำนวนประชากรรวม
อัตราการขยายตัวเฉลี่ยของประชากรระหว่างปี 2543-2561 ร้อยละ 2.6 และคาดว่าอัตราการขยายตัวเฉลี่ย
ของประชากรระหว่างปี 2561-2577 ร้อยละ 1.5 (องค์การสหประชาชาติ, 2561) กรุงเทพมหานครได้กำหนด
ยุทธศาสตร์การจัดการขยะมูลฝอยชุมชนครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2520 และการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนยังเป็น
ประเด็นสำคัญในแผนพัฒนากรุงเทพมหานครระยะ 5 ปี จนถึงปัจจุบัน โดยมีการใช้มาตรการจัดการขยะมูลฝอย
ชุมชมแบบผสมผสานทั้งมาตรการทางกฏหมาย การใช้หลักการ 3R คือการลดขยะมูลฝอยชุมชน การใช้ซ้ำ และ
การนำกลับมาใช้ประโยชน์ การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และการใช้มาตรการการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนโดย
สมัครใจ แต่ยังไม่มีแผนงานหรือแนวปฏิบัติใดที่สามารถจัดการปัญหาขยะมูลฝอยชุมชนได้อย่างมีประสิทธิผลและ
ทันต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการเพิ่มขึ้นของประชากรอย่างก้าวกระโดด แผนพัฒนากรุงเทพมหานคร
ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2556 - 2575) จึงอาจเป็นแนวทางการเปลี่ยนแปลงจากปัญหา“ขยะล้นเมือง ”และมุ่งสู่การ
บรรลุเป้าหมายการเป็นเมืองที่มีขยะเป็นศูนย์เพื่อขับเคลื่อนกรุงเทพมหานครสู่การเป็น“มหานครแห่งเอเชีย”
ในอนาคต

25

สำหรับการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในเมืองปริมณฑลของเมืองหลวงและเมืองขนาดใหญ่ในต่างประเทศ
ครอบคลุมจำนวน 3 เมืองคือมหานครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
และเมืองเดลฟ์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยแต่ละเมืองดังกล่าวมีการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขยะมูลฝอย
ชุมชนเฉพาะเป็นของตนเองโดยมีการกำหนดขั้นตอนในการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่างเข้มงวดและเป็น
ระบบ มีการผสมผสานการใช้มาตรการทางกฏหมาย มาตรการความสมัครใจและการส่งเสริมการมีส่วนร่วม
ของประชาชน การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและการใช้นวัตกรรมในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนส่งผลให้มี
คุณภาพสิ่งแวดล้อมเมืองที่น่าอยู่อย่างยั่งยืนและประชาชนในเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดี
1.2.1 แนวทางการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของกรุงเทพมหานคร ณ พ.ศ.2561 กรุงเทพมหานครเป็น
มหานครขนาดใหญ่ (Megacity) มีจำนวนประชากรรวมทั้งสิ้น 10.15 ล้านคน โดยมีประชากรแฝงจำนวน
4.47 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 44.04 ของจำนวนประชากรรวม อัตราการขยายตัวเฉลี่ยของประชากร
ระหว่าง พ.ศ.2543-2561 ร้อยละ 2.6 และคาดว่าอัตราการขยายตัวเฉลี่ยของประชากรระหว่าง พ.ศ.2561-2577
ร้อยละ 1.5 (องค์การสหประชาชาติ 2561) กรุงเทพมหานครได้ตระหนักถึงปัญหาและได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการ
จัดการขยะมูลฝอยชุมชนครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2520 และการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนยังคงเป็นประเด็นสำคัญใน
แผนพัฒนากรุงเทพมหานครระยะ 5 ปี จนถึงปัจจุบันซึ่งมีการใช้มาตรการจัดการขยะมูลฝอยชุมชมแบบผสมผสาน
ทั้งมาตรการกฏหมาย การใช้หลักการ 3R คือการลดขยะมูลฝอยชุมชน (Reduce) การใช้ซ้ำ (Reuse) และการนำ
กลับมาใช้ประโยชน์ (Recycle) การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และการใช้มาตรการการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน
โดยสมัครใจ แต่ยังไม่มีแผนงานหรือแนวปฏิบัติใดที่สามารถจัดการปัญหาขยะมูลฝอยชุมชนได้อย่างมีประสิทธิผล
และทันต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการเพิ่มขึ้นของประชากรอย่างก้าวกระโดด แผนพัฒนา
กรุงเทพมหานครระยะ 20 ปี (พ.ศ.2556- 2575) จึงอาจเป็นความหวังเพื่อเปลี่ยนจากกรุงเทพมหานครที่มี
“ขยะล้นเมือง”และมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายการเป็นเมืองที่มีขยะเป็นศูนย์เพื่อขับเคลื่อนกรุงเทพมหานครสู่การเป็น
“มหานครแห่งเอเชีย”ในอนาคต
กรุงเทพมหานครเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศได้ตระหนักถึงปัญหาขยะมูลฝอยชุมชนและ
หามาตรการในการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยตั้งแต่เริ่มมีแผนพัฒนากรุงเทพมหานครฉบับที่ 1 พ.ศ.2520–2524
จนถึงปัจจุบันที่ใช้แผนพัฒนากรุงเทพมหานคร 20 ปี โดยแต่ละแผนพัฒนามีพัฒนาการในการจัดการปัญหา
ขยะมูลฝอยชุมชนดังนี้

26

แผนพัฒนากรุงเทพมหานครฉบับที่ 1 พ.ศ.2520–2524 ได้บรรจุแผนงานการจัดเก็บขยะมูลฝอยชุมชน
เพื่อแก้ไขปัญหาความสกปรกของพื้นที่ การเกิดกลิ่นรบกวน และปัญหาสุขภาวะอันเนื่องมาจากปัญหาขยะมูลฝอย
ชุมชน เนื่องจากในขณะนั้นกรุงเทพมหานครสามารถทำการจัดเก็บขยะมูลฝอยชุมชนได้เพียงร้อยละ 60 ต่อวันจาก
ปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนที่มีอยู่ โดยปัญหาหลักของการจัดเก็บขยะมูลฝอยชุมชนคือรถจัดเก็บขยะมูลฝอยมีความ
เสื่อมโทรมและไม่เพียงพอจากการขยายตัวของประชากรและโรงงานอุตสาหกรรมในเมืองที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
โดยเป้าประสงค์ของแผนพัฒนาฉบับนี้คือการจัดซื้อรถจัดเก็บขยะมูลฝอยชุมชนรุ่นใหม่เพื่อให้ทางสำนักสิ่งแวดล้อม
ของกรุงเทพมหานครสามารถจัดเก็บขยะมูลฝอยได้ในอัตราที่มากขึ้น นอกจากนี้กรุงเทพมหานครยังจ้างศึกษาวิจัย
เกี่ยวกับระบบการจัดเก็บขยะมูลฝอยตามแหล่งชุมชนต่างๆ และศึกษาวิธีการแปรรูปขยะมูลฝอยเพื่อให้ได้ข้อมูล
และวิธีการจัดเก็บขยะมูลฝอยชุมชนที่ถูกต้องและสามารถนำมาใช้ในการพิจารณาและปรับปรุงระบบการจัดเก็บ
ขยะมูลฝอยชุมชนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งผลการดำเนินงานจากแผนพัฒนาฯฉบับที่ 1 พบว่าทาง
กรุงเทพมหานครไม่สามารถแก้ไขปัญหาการจัดเก็บขยะมูลฝอยชุมชนได้อย่างทั่วถึงเพราะมีประชากรแฝงย้ายเข้า
มาทำงานในกรุงเทพมหานครจำนวนมากก่อให้เกิดการกระจุกตัวของประชากรและเกิดปัญหาชุมชนแออัด
โดยรถจัดเก็บขยะมูลฝอยมีขนาดใหญ่เกินกว่าความกว้างของถนนในชุมชนทำให้ประชากรที่อาศัยอยู่ใน
ชุมชนแออัดนิยมทิ้งขยะมูลฝอยในบริเวณพื้นที่โล่งหรือทิ้งลงในแม่น้ำ นอกจากนี้กรุงเทพมหานครไม่มีศักยภาพใน
การจัดเก็บขยะมูลฝอยโดยสำนักรักษาความสะอาดสามารถจัดเก็บขยะมูลฝอยได้มากถึง 2,000 ตันต่อวัน
แต่ความสามารถในการกำจัดขยะมูลฝอยมีเพียงแค่ 1,200 ตันต่อวันเท่านั้น ทำให้ขยะมูลฝอยส่วนเกินที่เหลือจาก
การกำจัดจะถูกทิ้งไว้กลางแจ้ง น้ำเสียจากกองขยะมูลฝอยปนเปื้อนพื้นดินบริเวณรอบ ๆ และประสบปัญหา
มลพิษทางอากาศ มลพิษทางน้ำและมลพิษทางดินซึ่งกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนในกรุงเทพมหานครใน
เวลาต่อมา
แผนพัฒนากรุงเทพมหานครฉบับที่ 2 พ.ศ.2525–2529 จึงมีเป้าหมายให้บริการด้านการจัดเก็บ
ขยะมูลฝอยโดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนแออัด ปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงงานกำจัดขยะมูลฝอยผ่านการเพิ่มพื้นที่
และปรับปรุงเตาเผาของโรงงานกำจัดขยะมูลฝอยทั้ง 4 แห่งในกรุงเทพมหานคร เพื่อให้สามารถรองรับการกำจัด
ขยะมูลฝอยในปริมาณที่มากขึ้น จัดถังขยะมูลฝอยในพื้นที่รอบกรุงเทพมหานครให้เพียงพอต่อความหนาแน่นของ
ประชากรและหามาตรการในการป้องกันน้ำเสียที่เกิดขึ้นจากกองขยะมูลฝอย นอกจากนี้กรุงเทพมหานครได้

27

นำวิธีการจัดการขยะมูลฝอยในรูปแบบฝังกลบและการเผาขยะมาใช้เพิ่มเติม การนำขยะมูลฝอยเข้าโรงงาน
แยกและบ่ม (Composting)
4
เพื่อให้สามารถกำจัดขยะมูลฝอยได้หมดภายในวันต่อวัน
แผนพัฒนากรุงเทพมหานครฉบับที่ 3 พ.ศ. 2530–2534 มีปัญหาเรื่องของกำจัดขยะมูลฝอยเนื่องจาก
ขยะมูลฝอยชุมชนมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นมากกว่าขีดความสามารถในการกำจัด และส่วนประกอบตั้งต้นของ
ขยะมูลฝอยบางชนิดมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทำให้เครื่องกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนไม่สามารถดำเนินการได้
อย่างเต็มศักยภาพ แผนนี้จึงพยายามกำจัดขยะมูลฝอยให้ถูกต้องตามหลักวิชาการและขยายขีดความสามารถใน
การหมักขยะมูลฝอยภายในโรงงาน และนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ให้ขยะมูลฝอยที่เทไว้กลางแจ้งสามารถย่อยสลาย
ได้เอง นอกจากนี้กรุงเทพมหานครได้มีการริเริ่มโครงการจ้างเหมาภาคเอกชนทำหน้าที่จัดเก็บขยะมูลฝอยและ
นำไปกำจัดโดยใช้วิธีฝังกลบอย่างถูกวิธี จัดทำโครงการสร้างสถานีขนถ่ายขยะมูลฝอยและโครงการก่อสร้างโรงงาน
บำบัดน้ำเสียจากกองขยะมูลฝอยหนองแขม และโครงการปรับปรุงการจัดเก็บขยะมูลฝอยติดเชื้อจากโรงพยาบาล
เป็นต้น
แผนพัฒนากรุงเทพมหานครฉบับที่ 4 พ.ศ. 2535-2539 มีมาตรการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนที่ดีขึ้นแต่ยัง
ไม่สามารถจัดเก็บหรือกำจัดขยะมูลฝอยได้หมดวันต่อวันและมีขยะมูลฝอยบางพื้นที่ไม่สามารถเข้าไปจัดเก็บได้
ประชาชนจึงต้องทำการกำจัดขยะมูลฝอยเอง นอกจากนี้องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น
(Japan International Cooperation Agency: JICA) ได้คาดการณ์ปริมาณขยะมูลฝอยในกรุงเทพมหานคร
มีปริมาณระหว่าง 6,600–8,300 ต่อวัน แต่กรุงเทพมหานครมีความสามารถจัดเก็บเพียงร้อยละ 82 นอกจาก
ขยะมูลฝอยปกติกรุงเทพมหานครยังเผชิญกับปัญหาขยะพลาสติกและโฟมที่มีปริมาณมากขึ้น เป้าหมายในการ
กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนของแผนพัฒนาฯฉบับนี้คือการจัดซื้อรถจัดเก็บขยะมูลฝอยเพื่อให้สามารถจัดเก็บ
ขยะมูลฝอยชุมชนได้เพิ่มมากขึ้นและเพิ่มมาตรการในการจัดเก็บขยะมูลฝอยในพื้นที่ชุมชนแออัดและพื้นที่ริมคลอง
รอบกรุงเทพมหานครทั้ง 12 เขต จัดหาพื้นที่รอบนอกเพื่อจัดทำเป็นพื้นที่ใช้ฝังกลบขยะมูลฝอยชุมชน และเริ่ม
รณรงค์ให้ประชาชนรู้จักคัดแยกขยะมูลฝอยชุมชน นอกจากนี้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการกำจัดขยะมูลฝอยติด
เชื้อและขยะอันตรายให้ถูกสุขลักษณะ เนื่องจากการดำเนินงานจากแผนพัฒนากรุงเทพมหานครฉบับที่ 4 ยังไม่

4
Composting หมายถึงการนําขยะมูลฝอยมาแปรเปลี่ยนสภาพผ่านวิธีการหมัก โดยอาศัยขบวนการทางชีววิทยาของจุลินทรีย์ใน
การย่อยสลายของสารอินทรีย์วัตถุที่มีอยู่ในขยะมูลฝอย ผลผลิตที่ได้จะมีลักษณะเป็นผงหรือก้อนเล็ก ๆ สีน้ำตาล เรียกว่า
คอมโพสต์ (Compost) สามารถนําไปใช้เป็นสารบํารุงดิน (Soil Conditioner) กรมควบคุมมลพิษ 2557

28

สามารถตอบสนองต่อวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ได้ และยังไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนในการลดปริมาณ
ขยะมูลฝอยชุมชน ทำให้แผนพัฒนากรุงเทพมหานครฉบับที่ 5–6 กำหนดเป้าหมายเพื่อต่อยอดจากการทำงานจาก
แผนพัฒนาฯฉบับที่ผ่านมา
แผนพัฒนากรุงเทพมหานครฉบับที่ 5 พ.ศ.2540–2544 มีการนำเทคโนโลยีมาทำเป็นขยะชีวภาพ
(Bio Waste) ปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนและการบำบัดน้ำเสียที่เกิดขึ้นจากการกำจัด
ขยะมูลฝอยชุมชนที่ถูกต้องตามหลักวิชาการและไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้มีการก่อสร้างศูนย์การจัดการ
ขยะมูลฝอยชุมชนแบบหมุนเวียน (ศูนย์รีไซเคิล) และจัดตั้งโครงการนำร่องการจัดตั้งสถานีขนถ่ายขยะมูลฝอย
ชุมชนและการใช้คอนเทนเนอร์โดยใช้ระบบการอัดมูลฝอยในตัวเพื่อเก็บขนขยะมูลฝอยชุมชนในพื้นที่นำร่องให้
หมดวันต่อวัน
แผนพัฒนากรุงเทพมหานครฉบับที่ 6 พ.ศ.2545–2549 ได้ออกข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเกี่ยวกับ
การกำหนดวิธีการทิ้งขยะมูลฝอยของประชาชน และการกำจัดขยะมูลฝอยติดเชื้อ การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลข่าวสาร
ในลักษณะการแลกเปลี่ยนขยะมูลฝอยชุมชน (Waste Exchange) นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศภูมิศาสตร์มาใช้
ในการจัดเก็บค่าธรรมเนียม และการจัดการเส้นทางการเดินรถเก็บขยะมูลฝอยชุมชนให้ครอบคลุมมากขึ้น
ตั้งแต่ พ.ศ.2548 เป็นต้นมาแผนพัฒนากรุงเทพมหานครได้เปลี่ยนชื่อเป็น “แผนการบริหารราชการ
กรุงเทพมหานคร” โดยประเด็นการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนยังคงเดิม โดยในแผนการบริหารราชการ
กรุงเทพมหานครตั้งแต่ พ.ศ.2548–2551 และ พ.ศ. 2552-2555 มีเป้าประสงค์เพื่อลดปริมาณขยะมูลฝอยชุมชน
ตกค้างและพัฒนาการจัดการให้สามารถกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและปัญหาขยะมูลฝอย
ชุมชนที่ประชาชนร้องเรียนจะต้องได้รับการแก้ไข นอกจากนี้ทางกรุงเทพมหานครมีมาตรการสนับสนุนให้นำกาก
ของเสียมาใช้ประโยชน์ผ่านการแปรรูป อาทิ การใช้หลัก 3 อาร์ (3R) ผ่านการลดใช้ทรัพยากรหรือใช้ทรัพยากร
เท่าที่จำเป็น (Reduce) การนำทรัพยากรที่ยังไม่เสื่อมสภาพกลับมาใช้ซ้ำ (Reuse) และการนำทรัพยากรมา
แปรรูปใช้ใหม่ (Recycle) เพื่อให้ทรัพยากรถูกนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยหลักการ 3R ในช่วงแรก
จะถูกเน้นในภาคอุตสาหกรรมเนื่องจากมีการสร้างมลพิษทางอากาศและของเสียมากที่สุด หลักการ 3R จะนำมา
ประยุกต์ใช้ตั้งแต่การออกแบบและการวางแผน กระบวนการและวิธีการในการผลิต และการกำจัดของเสีย
เพื่อให้การจัดการทรัพยากรเกิดประสิทธิภาพมากที่สุดและเกิดของเสียที่ออกจากโรงงานอุตสาหกรรมน้อยที่สุด
เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมของไทยพัฒนากลายเป็นสังคมของการใช้วัสดุหมุนเวียน (สำนักบริหารจัดการกาก

29

อุตสาหกรรม, 2555 ) และต่อมาได้พัฒนาให้ประชาชนในประเทศรู้จักการนำ 3R มาประยุกต์ใช้กับการดำรงชีวิต
ประจำวัน อาทิ การใช้ทรัพยากรเท่าที่จำเป็นโดยการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แทนการส่งจดหมายโดยการใช้
กระดาษ การอ่านเอกสารผ่านคอมพิวเตอร์แทนการทำสำเนา การใช้ตะกร้าหรือกล่องบรรจุอาหารแทนการใช้
พลาสติก การปฏิเสธไม่รับถุงพลาสติกหรือการเลือกซื้อบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
การนำทรัพยากรที่ยังไม่เสื่อมสภาพกลับมาใช้ซ้ำ การเลือกถ่านแบบชาร์ตได้ หรือการนำเสื้อเก่ามาแปรรูปเป็น
ผ้าเช็ดโต๊ะ เป็นต้น การนำทรัพยากรมาแปรรูปใช้ใหม่ การเลือกสินค้าที่สามารถนำมาแปรรูปใหม่ได้ อาทิ
การนำกล่องนมแปรรูปเป็นหลังคาหรือโต๊ะหนังสือเพื่อส่งให้พื้นที่ขาดแคลน หรือการนำขยะอินทรีย์แปรรูปเป็น
ปุ๋ยหมัก เป็นต้น นอกจากนี้กรุงเทพมหานครยังนำกากของเสียมาใช้ประโยชน์และเพิ่มการบำบัดน้ำเสียในพื้นที่
ชุมชนผ่านโครงการผลิตปุ๋ยจากขยะมูลฝอยชุมชน และการแปรรูปขยะมูลฝอยชุมชนให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้า
(Waste to Energy)
ตั้งแต่ พ.ศ. 2556 เป็นต้นมากรุงเทพมหานครได้จัดทำเป็นแผนพัฒนากรุงเทพมหานครระยะ 20 ปี
(พ.ศ.2556–2575) โดยมีจุดประสงค์ให้กรุงเทพมหานครเป็น “มหานครแห่งเอเชีย” โดยปัญหาขยะมูลฝอยชุมชน
อยู่ในประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1 (มหานครปลอดภัย) ในแผนพัฒนาฉบับนี้กรุงเทพมหานครได้ประยุกต์แนวคิดการ
กำจัดขยะให้เหลือศูนย์ (Zero Waste Management) มาใช้ผ่านการนำขยะมูลฝอยชุมชนที่ยังไม่เสื่อมสภาพ
กลับมาใช้ใหม่และใช้เทคโนโลยีจัดการให้ขยะเหลือศูนย์ กรุงเทพมหานครยังได้มีการประยุกต์ใช้รูปแบบการจัดการ
ขยะมูลฝอยชุมชนครบวงจรมาใช้โดยมี ๗ ขั้นตอนคือ
(1) การควบคุมปริมาณขยะมูลฝอยจากแหล่งกำเนิดผ่านการรณรงค์ หรือปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนและ
ภาคเอกชนลดการผลิตขยะมูลฝอยโดยใช้หลัก 3R และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บขยะอันตรายจากแหล่งกำเนิด
(2) การลำเลียง การคัดแยกและการกักเก็บขยะมูลฝอยโดยกรุงเทพมหานครจะจัดถังภาชนะรองรับขยะมูลฝอยที่มี
การคัดแยกประเภทของขยะมูลฝอยโดยถังขยะสีเขียวคือขยะที่ย่อยสลายได้ อาทิ ขยะเปียก เศษอาหาร ถังขยะสี
เหลืองคือขยะที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ อาทิ ขวดแก้ว กระป๋อง หรือขวดพลาสติก ถังขยะสีน้ำเงินคือขยะทั่วไปที่
ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ อาทิ โฟม ถังขยะสีแดงคือขยะอันตราย อาทิ แบตเตอร์รี่ ยาฆ่าแมลง หรือกระป๋อง
สเปรย์
(3) การรวบรวมรวมขยะมูลฝอยที่จัดเก็บได้เพื่อเตรียมขนส่งไปยังศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยอ่อนนุช หนองแขม
และท่าแร้ง
(4) การส่งขนขยะมูลฝอยแต่ละประเภทไปยังศูนย์กำจัดขยะมูลฝอย
(5) การคัดแยกขยะมูลฝอยอีกครั้งก่อนนำเข้ากระบวนการกำจัดขยะ

30

(6) การแปรรูปขยะมูลฝอยเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ อาทิ การผลิตปุ๋ยหมัก หรือก๊าซชีวภาพ หรือการนำขยะมูลฝอย
มาผลิตเป็นกระแสไฟฟ้า
(7) การกำจัดขยะมูลฝอยที่ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ด้วยวิธีการต่างๆ โดยปัจจุบันกรุงเทพมหานครใช้วิธีการ
ฝังกลบตามหลักสุขาภิบาลเป็นหลัก โดยมีพื้นที่ฝังกลบที่อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม และอำเภอ-
พนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทราผ่านการจ้างเหมาภาคเอกชน โดยเป้าหมายระยะที่ 2 ของการจัดทำแผน
ระยะ 20 ปี คือปริมาณมูลฝอยคัดแยก ณ แหล่งกำเนิดจะต้องเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 22 ใน พ.ศ.2561 และไม่
น้อยกว่าร้อยละ 30 ใน พ.ศ.2565 (เมื่อเปรียบเทียบกับ พ.ศ.2556) และกรุงเทพมหานครจะต้องกำจัดขยะมูลฝอย
ชุมชนให้ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ใน พ.ศ.2561-2565 (เมื่อเปรียบเทียบกับ
พ.ศ.2556)
จากพัฒนาการของการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนดังที่ได้กล่าวมาแล้วแสดงให้เห็นว่ากรุงเทพมหานครได้
ตระหนักถึงปัญหาและได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2520 จนถึงปัจจุบัน
แต่ยังไม่มีแผนงานใดที่สามารถจัดการปัญหาขยะมูลฝอยชุมชนได้อย่างมีประสิทธิผลและทันต่อการเจริญเติบโตทาง
เศรษฐกิจและการเพิ่มขึ้นของประชากรอย่างก้าวกระโดด แผนพัฒนากรุงเทพมหานครระยะ 20 ปี
(พ.ศ.2556-2575) อาจเป็นความหวังหนึ่งเพื่อเปลี่ยนจากกรุงเทพมหานครที่มี “ขยะล้นเมือง”และก้าวสู่การเป็น
“มหานครแห่งเอเชีย”ในอนาคต

1.2.2 แนวทางการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของเมืองหลวงและเมืองขนาดใหญ่ในต่างประเทศ
ครอบคลุมจำนวน 3 เมืองคือมหานครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
และเมืองเดลฟ์ ประเทศราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ โดยแต่ละเมืองมีการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขยะมูล
ฝอยชุมชนเป็นของตนเองโดยมีการกำหนดขั้นตอนในการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่างเป็นระบบ มีการผสมผสาน
การใช้มาตรการทางกฏหมาย มาตรการความสมัครใจและการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน การใช้
เทคโนโลยีที่ทันสมัยและการใช้นวัตกรรมในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนส่งผลให้มีคุณภาพสิ่งแวดล้อมเมือง
ที่น่าอยู่และประชาชนในเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดี

1) Tokyo Model: โมเดลกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนแบบแคร์โลก เพราะประชาชนก็แคร์ขยะ
“โตเกียวโมเดล” คือการผสานระบบจัดการของเสียภายในพื้นที่ 23 เขตของมหานครโตเกียวเข้ากับความเข้มแข็ง
ในการจัดการอย่างเป็นแบบแผน มหานครโตเกียวมีประชากรจำนวน 12 ล้านคน โดยภาพรวมของโตเกียวโมเดลที่
ใช้อยู่ในปัจจุบันประกอบด้วย 6 ขั้นตอนคือ
1) ขั้นตอนคัดแยกขยะมูลฝอยชุมชน มหานครโตเกียวมีความเข้มงวดมากเกี่ยวกับการคัดแยกขยะมูลฝอย
ชุมชนโดยภาครัฐทำการประชาสัมพันธ์ทั้งทางโทรทัศน์ วิทยุและแผ่นพับเกี่ยวกับการคัดแยกขยะมูลฝอยชุมชน

31

อย่างถูกวิธีให้แก่ประชาชนพร้อมทั้งสร้างจิตสำนึกตั้งแต่วัยเด็กซึ่งเป็นรากฐานสำคัญทำให้กระบวนการกำจัดขยะ
มูลฝอยชุมชนในขั้นต่อๆ ไปดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2) ขั้นตอนรวบรวมและขนย้าย การรวบรวมจัดเก็บขยะมูลฝอยชุมชนโดยมีการแบ่งพื้นที่อย่างเป็นระบบ
รถขยะมูลฝอยชุมชนประมาณ 1,500 คัน จะหมุนเวียนไปเก็บรวบรวมขยะมูลฝอยชุมชนประมาณ 340,000 จุดทั่ว
มหานครโตเกียวตามเส้นทางที่ถูกวางแผนไม่ให้กระทบกับการจราจรรวมทั้งมีบริการเก็บรวบรวมขยะมูลฝอยชุมชน
ตามบ้านผู้สูงอายุหรือผู้พิการที่ไม่สะดวกออกมาทิ้งขยะมูลฝอยชุมชนข้างนอก ร้อยละ 70 ของรถขยะมูลฝอย
ชุมชนทั้งหมดมีเครื่องบีบอัดขนาดเล็กอยู่ภายในซึ่งจะช่วยลดปริมาตรขยะมูลฝอยชุมชนแต่ละชิ้นตั้งแต่ก่อนถึง
โรงงานกำจัดขยะมูลฝอยชุมชน ขยะมูลฝอยที่สามารถเผาได้จะถูกส่งไปยังโรงงานเผาขยะมูลฝอยชุมชน ในขณะที่
ขยะมูลฝอยชุมชนที่ไม่สามารถเผาได้ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องเซรามิก เป็นต้น จะถูกขนย้ายไปยัง
“ศูนย์จัดการขยะมูลฝอยชุมชนที่ไม่สามารถเผาได้” เพื่อทำการคัดแยกในลำดับต่อไป
3) ขั้นตอนคัดแยกขยะมูลฝอยชุมชนอีกรอบที่โรงงานกำจัดขยะ เพื่อค้นหาขยะมูลฝอยชุมชนที่สามารถ
เผาได้โดย ใช้แม่เหล็กขนาดใหญ่แยกเอาเหล็กและอลูมิเนียมไปใช้ต่อ ส่วนขยะมูลฝอยชุมชนที่สามารถเผาได้ก็ส่ง
เข้าเตาเผาที่มีความร้อน 800 องศาเซลเซียสซึ่งเปิดใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง
4) ขั้นตอนเผาขยะมูลฝอยชุมชน การเผานับเป็นการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
โดยสามารถลดปริมาตรขยะมูลฝอยชุมชนได้ถึง 95% หลังจากที่กลายเป็นเถ้าแล้วก็มีการกำหนดมาตรฐานการ
ป้องกันมลภาวะทางอากาศอย่างเข้มงวดตามกฏระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมระดับชาติและระดับชุมชนโดยมีการ
ควบคุมปริมาณสารไดออกซิน สารตะกั่ว สารปรอท ไฮโดรเจนคลอไรด์ ซัลเฟอร์ออกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ ให้อยู่
ต่ำกว่าค่าที่กำหนดไว้ตลอดเวลา ก๊าซจากการเผาไหม้จะถูกส่งต่อไปยังท่อลดอุณหภูมิ เข้าสู่กระบวนการกำจัดสาร
อันตราย ผ่านเครื่องกรองฝุ่นและเครื่องทำความสะอาดควันด้วยท่อกระตุ้นปฏิกิริยาเคมี ก๊าซที่สะอาดแล้วถูก
ปล่อยออกทางปล่องควัน สำหรับน้ำจะถูกส่งเข้าสู่เครื่องบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยออกสู่ทะเล โดยกระบวนการ
ทั้งหมดนี้ภาคประชาชนสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา
5) ขั้นตอนรวบรวมพลังงาน ด้วยการใช้เทคนิคการรีไซเคิลโดยการเผา (Thermal Recycle) ความร้อนที่
ได้จากขั้นตอนนี้จะนำไปแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าสำหรับใช้ภายในโรงงานและขายให้กับผู้ประกอบการเอกชน
รวมทั้งยังมีการนำความร้อนไปใช้สำหรับกิจกรรมอันหลากหลาย เช่น ศูนย์กีฬา บ่อน้ำร้อน หรือสวนพฤกษศาสตร์
เพื่อการศึกษาพันธุ์พืชเขตร้อน เป็นต้น
6) ขั้นตอนกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนขั้นสุดท้าย เถ้าที่ได้จากการเผาไหม้ถูกนำไปอัดเป็นอิฐบล็อก
หรือคอนกรีตเพื่อใช้ในงานก่อสร้างสาธารณะ รวมถึงนำขยะมูลฝอยชุมชนที่ถูกย่อยละเอียดและผ่านกระบวนการ
กำจัดมลพิษไปถมทะเลเพื่อสร้างพื้นที่ใหม่ เช่น โรงงานทำความสะอาด สวนพฤกษศาสตร์ และสวนสาธารณะ
เป็นต้น

32

2) มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
เมื่อ พ.ศ. 2521 เติ้งเสี่ยวผิง ประธานคณะกรรมาธิการที่ปรึกษาส่วนกลางแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ดำเนินนโยบาย
เปิดประตูทางการค้าโดยกำหนดให้มหานครเซี่ยงไฮ้เป็นเมืองท่าที่สำคัญในการติดต่อซื้อขายสินค้ากับต่างประเทศ
โดยเฉพาะมาเก๊าและฮ่องกงซึ่งในขณะนั้นถูกชาติตะวันตกเข้ายึดครอง ต่อมามหานครเซี่ยงไฮ้ได้ถูกพัฒนาจน
กลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญและเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนใน
ปัจจุบัน มหานครเซี่ยงไฮ้เปรียบเสมือนเมืองท่าทางการค้าส่งผลให้ภายในเมืองเกิดการผลิตและการบริโภคอย่าง
ก้าวกระโดด นอกจากนี้จีนยังมีนโยบายนำเข้าขยะมูลฝอยจากต่างประเทศเพื่อนำมาแปรรูปทำให้เกิดปริมาณ
ขยะมูลฝอยตามมาเป็นจำนวนมาก เมื่อ พ.ศ.2562 มหานครเซี่ยงไฮ้มีประชากรจำนวน 24.28 ล้านคน ปัจจุบัน
มหานครเซี่ยงไฮ้ต้องรับมือกับปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนจำนวน 20,000 ตันต่อวัน หรือ 7,500,000 ตัน/ปี
ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามหานครเซี่ยงไฮ้กำลังประสบกับปัญหา “ขยะมูลฝอยล้นเมือง” ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาล
สาธารณรัฐประชาชนจีนจำเป็นต้องเร่งแก้ไขด้วยเหตุนี้ในช่วงต้น พ.ศ. 2562 มหานครเซี่ยงไฮ้เป็น 1 ใน 7 เมือง
ของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ถูกกำหนดให้เป็นเมืองต้นแบบในการจัดการและคัดแยกขยะมูลฝอยชุมชน
ผ่านมาตรการใช้ไม้อ่อนไม้แข็ง (Carrot and Stick) โดยมหานครเซี่ยงไฮ้ได้บังคับใช้ระเบียบว่าด้วยการจัดการ
ขยะมูลฝอยชุมชนที่มีความเข้มงวด หากประชาชนฝ่าฝืนระเบียบที่ทางภาครัฐกำหนดไว้จะถูกปรับเป็นเงิน
250–1,000 บาท และหากผู้กระทำความผิดเป็นองค์กรหรือธุรกิจจะถูกปรับเป็นเงินจำนวนระหว่าง
10,000-25,000 บาท ในทางกลับกันรัฐบาลใช้มาตรการโน้มน้าวประชาชนผ่านการประชาสัมพันธ์ตามองค์กร
ต่างๆ การเล่มเกมส์เพื่อสะสมองค์ความรู้ จัดทำแอพพลิเคชั่นและสร้างตู้คัดแยกขยะมูลฝอยอัจฉริยะเพื่อสะสมแต้ม
เพื่อใช้แลกสินค้าในการดำรงชีวิต การศึกษาในระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษามีการเพิ่มวิชาการคัดแยก
ขยะมูลฝอยชุมชนเพื่อสร้างจิตสำนึกให้กับเด็กซึ่งมาตรการเหล่านี้ได้เพิ่มแรงจูงใจให้ประชาชนทำตามระเบียบการ
จัดการขยะมูลฝอยชุมชนที่กำหนดไว้มากขึ้น

ในอดีตกระบวนการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนนิยมการเผาหรือถมใต้ดินซึ่งเป็นการกำจัดขยะมูลฝอยไม่มี
ประสิทธิภาพและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชน เนื่องจากการเผาขยะมูลฝอยชุมชน
ของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนไม่ถูกสุขลักษณะส่งผลให้เกิดสารก่อมะเร็ง และการถมใต้ดินทำให้น้ำดื่มและ
ดินเป็นพิษไม่สามารถปลูกพืชหรือทำการเกษตรได้ แต่เมื่อได้ออกระเบียบการจำแนกถังใส่ขยะมูลฝอยชุมชน
ออกเป็น 4 ประเภทโดยแต่ละประเภทมีสีที่แตกต่างกันคือ (1) ถังขยะสีฟ้า สำหรับภาชนะหรือวัสดุที่สามารถนำ
กลับมารีไซเคิลได้ อาทิ กระดาษ พลาสติก แก้ว หรือสิ่งทอ (2) ถังขยะสีแดง สำหรับขยะอันตราย อาทิ หลอด
ไฟฟ้า สารเคมี ยาฆ่าแมลงหรือแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ (3) ถังขยะสีน้ำตาล สำหรับขยะเปียก และ (4) ถังขยะสีดำ

33

สำหรับขยะแห้งหรือขยะอื่นๆที่นอกเหนือจากเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น อาทิ เฟอร์นิเจอร์ จำเป็นต้องติดต่อให้
หน่วยงานที่ลงทะเบียนกับภาครัฐเป็นผู้ดำเนินการขนย้ายไปกำจัดหรือนำไปบริจาคให้หน่วยงานที่รัฐกำหนดไว้
นอกจากนี้มหานครเซี่ยงไฮ้ได้เปลี่ยนรถจัดเก็บขยะมูลฝอยชุมชนใหม่โดยเน้นการลดกลิ่นรบกวนประชาชนและ
รถแต่ละคันจะจำแนกตามขยะมูลฝอยชุมชนแต่ละประเภทอย่างชัดเจน มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการสร้าง
โรงเก็บขยะมูลฝอยชุมชนใต้ดินเพื่อลดมลภาวะด้านสิ่งแวดล้อมที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ใน
บริเวณใกล้เคียงรวมทั้งลดความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ
ภาพที่ 1.1 ถังขยะมูลฝอยชุมชนสาธารณะจำแนกออกเป็น 4 ประเภทของมหานครเซี่ยงไฮ้

ที่มา: https://image.baidu.com/search/shanghaidelajitong เข้าถึงวันที่ 17 มิถุนายน 2563
สำหรับการจัดตั้งโรงเก็บขยะมูลฝอยชุมชนของมหานครเซี่ยงไฮ้ภายใต้ระเบียบการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน
มีความแตกต่างจากการเก็บขยะมูลฝอยชุมชนของกรุงเทพมหานคร กล่าวคือประเทศไทยจะมีการจัดตั้งโรงเก็บ
ขยะมูลฝอยชุมชนจำแนกตามเขต แต่มหานครเซี่ยงไฮ้จัดตั้งศูนย์จัดการขยะมูลฝอยชุมชนตามวิธีการจัดการหรือ
กระบวนจัดการขยะมูลฝอยชุมชนโดยแบ่งออกเป็น 5 พื้นที่หลักคือ (1) ศูนย์จัดการและขนย้ายขยะมูลฝอยชุมชน
ซวีผู่ (เขตซวีผู่) เป็นศูนย์จัดเก็บขยะมูลฝอยชุมชนตามเขตต่างๆของมหานครเซี่ยงไฮ้มารวมกันซึ่งต้องจัดเก็บ
ขยะมูลฝอยชุมชนมากกว่า 5,800 ตันต่อวัน (2) ศูนย์จัดการและขนย้ายขยะรีไซเคิล (เขตเจียติ้ง) สามารถรองรับ
ขยะมูลฝอยชุมชนได้มากสุด 70 ตัน มีหน้าที่คัดแยกขยะรีไซเคิลก่อนจะขนย้ายไปยังองค์กรต่างๆเพื่อผ่าน
กระบวนการแปรรูปหรือเปลี่ยนสภาพ (3) ศูนย์จัดการขยะมูลฝอยชุมชนเซี่ยงไฮ้ (เขตเจียงติ้ง) มีหน้าที่คัดแยก

34

ขยะอันตรายจากภาคส่วนต่างๆเพื่อนำไปจัดการกลบหรือเผาทำลายให้ถูกสุขลักษณะ (4) ศูนย์จัดการขยะมูลฝอย
จากครัวเรือน (เขตหมินหาง) มีหน้าที่นำขยะมูลฝอยที่ได้จากภาคครัวเรือนมาเข้ากระบวนการทางเคมีเพื่อบำบัด
กลิ่นและสีและสกัดออกมาเป็นปุ๋ยเพื่อในภาคการเกษตร และ (5) ศูนย์จัดการขยะมูลฝอย (เขตเหลากั่ง)
เป็นศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนที่นอกเหนือจากขยะรีไซเคิล ขยะอันตราย และขยะภาคครัวเรือนมากำจัด ซึ่งเป็น
ศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียโดยมีขีดความสามารถในการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชน
14,000 ตันต่อวัน
ในระยะแรกของการใช้ระเบียบการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนมีภาคประชาชนและภาคธุรกิจโดยเฉพาะร้านอาหาร
และโรงแรมถูกปรับเป็นจำนวนมากเนื่องจากยังไม่เข้าใจในมาตรการดังกล่าว และมาตรการนี้สร้างความไม่พอใจ
ให้กับประชาชนในมหานครเซี่ยงไฮ้เป็นจำนวนมากเพราะก่อให้เกิดความยุ่งยากในการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน
มากกว่าการจัดการขยะมูลฝอยในรูปแบบเดิม แต่เนื่องจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนมีการบังคับใช้
กฎหมายและระเบียบอย่างเคร่งครัดทำให้ประชาชนต้องปฏิบัติตามระเบียบอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
นอกจากนี้หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่ได้สำรวจความเห็นของประชาชนในประเทศเกี่ยวกับมาตรการจัดการขยะมูลฝอย
ชุมชนในมหานครเซี่ยงไฮ้พบว่ามีประชากรมากกว่าร้อยละ 95 สนับสนุนการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวและ
ต้องการให้ระเบียบนี้ถูกบังคับใช้ในชีวิตประจำวันต่อไป
3) เมืองเดลฟ์ ประเทศราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์
เมืองเดลฟ์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ทางด้านเหนือของเมืองเดลฟ์ติดต่อกับเมือง
รอเตอร์ดัม ส่วนทางตอนใต้ติดต่อกับกรุงเฮก เมืองนี้มีพื้นที่ทั้งหมด 24 ตารางกิโลเมตรโดยแบ่งออกเป็นพื้นดิน
ประมาณ 23 ตารางกิโลเมตรส่วนที่เหลือเป็นแม่น้ำ ณ พ.ศ.2560 มีประชากรทั้งสิ้นประมาณ 101,400 คน
มีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเดลฟ์ (Delft University of Technology) ผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้คือ
เครื่องปั้นดินเผาที่เรียกว่า Blue Delft Pottery ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์จัดเป็นประเทศที่มีการจัดการ
สิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดในยุโรปโดยเฉพาะการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนซึ่งการจัดการดังกล่าวจะอยู่ภายใต้การดูแลของ
กระทรวงคมนาคมและสิ่งแวดล้อมโดยจัดเก็บเฉพาะขยะมูลฝอยทั่วไปและขยะมูลฝอยรีไซเคิลได้ ซึ่งแต่ละเทศบาล
จะมีวิธีการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนแตกต่างกันออกไปแต่ส่วนใหญ่เน้นให้มีการคัดแยกขยะมูลฝอยชุมชนตั้งแต่ที่
บ้าน ประเทศราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์มีสัดส่วนของการคัดแยกขยะมูลฝอยชุมชนสูงถึงร้อยละ 80
ของขยะมูลฝอยชุมชนทั้งหมด ขยะมูลฝอยที่เหลือจากการคัดแยกจะถูกนำไปผลิตเป็นพลังงาน ประชาชนมีหน้าที่
จ่ายค่ากำจัดขยะมูลฝอยชุมชนซึ่งถูกรวมไว้ในบิลค่าน้ำประปาและค่าไฟฟ้า สำหรับผู้ผลิตสินค้าต้องจ่ายค่ารีไซเคิล
ขยะมูลฝอยชุมชนซึ่งถูกรวมไว้ในสินค้าแล้ว

35

สำหรับการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในเมืองเดลฟ์ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ซึ่งมีทั้งระบบการจัดเก็บขยะมูลฝอยชุมชน
แบบถึงประตูบ้าน (Door to Door Collection) และระบบเครื่องดูดขยะมูลฝอยชุมชนรวบรวมขยะไว้ใต้ดิน
(Pneumatic System) โดยบริษัทอวาเล็ก (Avalex Company) เป็นผู้ดำเนินการรวบรวมและจัดเก็บขยะมูลฝอย
ซึ่งขยะมูลฝอยจากแต่ละครัวเรือนจะต้องทำการคัดแยกประเภทขยะมูลฝอยก่อน การรวบรวมขยะมูลฝอยชุมชน
แบบถึงประตูบ้านเจ้าของบ้านจะต้องตื่นเช้าในวันที่กำหนดไว้ว่าจะมีการเก็บขยะมูลฝอยเพื่อวางถุงขยะมูลฝอยไว้
นอกบ้าน โดยปกติขยะมูลฝอยทั่วไปจัดเก็บในช่วงเช้าของวันพุธ สำหรับกระดาษจัดเก็บในช่วงเช้าของวันอังคาร
ทุก 2 สัปดาห์โดยสามารถลงทะเบียนเพื่อรับถังขยะมูลฝอยสีนำเงินเพื่อใส่กระดาษที่ไม่ต้องการ ส่วนขยะมูลฝอย
ประเภทพลาสติกและแก้วสามารถแลกคืนได้ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต เช่น ร้านซี 1000 ร้านจัมโบ้ และร้านอัลเบิรท์
เฮน (C1000, Jumbo and Albert Hein) เป็นต้น หากไม่ต้องการตื่นเช้าเพื่อทิ้งขยะมูลฝอยก็ยังสามารถทิ้งขยะได้
ที่จุดรวบรวมขยะมูลฝอยชุมชนซึ่งมีถังขยะมูลฝอยขนาดใหญ่ตั้งไว้ทั่วไปแต่ต้องคัดแยกประเภทขยะมูลฝอยชุมชน
ก่อนทิ้งเช่นเดียวกัน โดยถังขยะมูลฝอยชุมชนแต่ละสีจะใส่ประเภทขยะมูลฝอยที่แตกต่างกัน เช่น ถังขยะมูลฝอย
สีน้ำเงินใส่ขยะประเภทกระดาษและกล่องกระดาษ ถังขยะมูลฝอยสีเขียวใส่ขยะประเภทแก้ว และถังขยะมูลฝอย
สีเทาใส่ขยะมูลฝอยประเภทพลาสติก เป็นต้น
1.3 กฎหมายและกฎระเบียบเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ
ขยะมูลฝอยชุมชน
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับขยะมูลฝอยชุมชนได้รับการบัญญัติไว้ในกฎหมายหลายฉบับในลักษณะการแทรกตัวอยู่ใน
กฎหมายอื่นๆหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือเป็นเพียงส่วนย่อยของกฎหมายนั้นๆเท่านั้น แต่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมาย
ที่บัญญัติเกี่ยวกับขยะมูลฝอยและการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนโดยตรงหรือเป็นการเฉพาะในฉบับเดียวกันที่
สามารถนำมาใช้ควบคุมป้องกันหรือแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยแบบเบ็ดเสร็จ (พิรียุตม์ วรรณพฤกษ์ 2555 อ้างถึงใน
ปิยชาติ ศิลปสุวรรณ 2557) โดยกฎหมายที่มีความเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนที่สำคัญมี
จำนวน3 ฉบับคือ (1) พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม
ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2561 กฎหมายฉบับนี้แม้จะมีการกล่าวถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมแต่ไม่ได้มุ่งเน้นการจัดการขยะมูลฝอย
ชุมชนโดยตรง (2) พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 กฎหมายฉบับนี้แม้จะเน้นถึงการจัดการขยะมูลฝอย
แต่เป็นการแก้ไขที่ปลายทางโดยไม่ได้เริ่มตั้งแต่ต้นทางแบบครบวงจร และ (3) พระราชบัญญัติรักษาความสะอาด
และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2560 นอกจากนี้ยังมี
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นในการรักษาความสะอาดจำนวน 6 ฉบับ กฎหมายที่
เกี่ยวข้องกับการผลิตพลังงานจากขยะมูลฝอยจำนวน 4 ฉบับ และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะมูลฝอย
ชุมชนตั้งแต่ระดับโยบายประกอบด้วย สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กรมควบคุมมลพิษ กรมส่งเสริมสิ่งแวดล้อม สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน และระดับพื้นที่ประกอบด้วย

36

จังหวัด และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นทุกประเภท
1.3.1 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนที่สำคัญ มีจำนวน 3 ฉบับ
(วิชัย โถสุวรรณจินดา 2558 และ ปิยชาติ ศิลปสุวรรณ 2557) คือ
1) พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม
ฉบับที่ 2 พ.ศ.2561 บัญญัติขึ้นเพื่อป้องกันปัญหาความเสื่อมโทรมของคุณภาพสิ่งแวดล้อม เช่น ดินเสื่อม น้ำเสีย
อากาศเป็นพิษ ป่าไม้ต้นน้ำถูกทำลาย เป็นต้น โดยส่งเสริมให้ประชาชนและองค์กรเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการ
ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การจัดระบบการบริหารงานด้านสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามหลักการจัดการ
คุณภาพสิ่งแวดล้อม กำหนดอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการ
ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม รวมทั้งกำหนดแนวปฏิบัติในส่วนที่ไม่มีหน่วยงานใดรับผิดชอบโดยตรงด้วย
พระราชบัญญัติฉบับนี้ได้กำหนดให้มีมาตรฐานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเกี่ยวกับคุณภาพของน้ำ น้ำบาดาล
น้ำทะเลชายฝั่ง อากาศ ระดับเสียงและความสั่นสะเทือนและมาตรฐานสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ตลอดจนกำหนดให้มี
กองทุนสิ่งแวดล้อมเพื่อสนับสนุนการจัดการระบบของเสียทั้งของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและเอกชน โดยมี
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้รับผิดชอบตามพระราชบัญญัตินี้ กฎหมายฉบับนี้แม้จะมีการ
กล่าวถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมแต่ไม่ได้มุ่งเน้นการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนโดยตรง
(2) พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนมาก
ที่สุดที่ครอบคลุมทั้งการควบคุมผู้ประกอบการ การรวบรวม การขนส่ง การกำจัดขยะมูลฝอย และการกำหนด
เกณฑ์ควบคุมเหตุเดือดร้อนรำคาญของส่วนรวมที่เกิดจากกลิ่น แสง รังสี เสียง ความร้อน สารอันตราย ความ
สั่นสะเทือน ฝุ่น และขี้เถ้าพิษที่มีผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม โดยกฎหมายฉบับนี้มีหลักการการคุ้มครอง
ประชาชนด้านสุขลักษณะและอนามัยสิ่งแวดล้อมหรือการสุขาภิบาล ซึ่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมี
อำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและมาตรการในการควบคุมดูแลด้านสาธารณสุขและกำหนด
มาตรฐานสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับการดำรงชีพของประชาชนและวิธีดำเนินการเพื่อตรวจสอบ ควบคุม
กำกับดูแลหรือแก้ไขสิ่งที่จะมีผลกระทบต่อสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับการดำรงชีพของประชาชน
และกำหนดประเภทของกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ กำหนดให้อำนาจองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นในการเก็บ
ขน หรือกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยชุมชนในเขตพื้นที่ มีอำนาจออกข้อกำหนดท้องถิ่นเพื่อใช้บังคับในท้องถิ่นในการ
ดำเนินการตามกฎหมาย รวมทั้งมีอำนาจเปรียบเทียบปรับกับผู้ที่ก่อให้เกิดปัญหาทางสาธารณสุขที่กระทบต่อ
สิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชน พระราชบัญญัติฉบับนี้ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมใน พ.ศ.2550 กำหนดให้
ราชการส่วนท้องถิ่นมีอำนาจในการเก็บ ขน หรือกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยในเขตอำนาจโดยอาจดำเนินการ
ร่วมกับหน่วยงานของรัฐหรือราชการส่วนท้องถิ่นอื่นได้ หรืออนุญาตให้บุคคลใดดำเนินการแทนภายใต้การ
ควบคุมดูแลของราชการส่วนท้องถิ่นได้ และยังให้อำนาจราชการส่วนท้องถิ่นในการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใน

37

การให้บริการจัดเก็บสิ่งปฏิกูลหรือขยะมูลฝอยชุมชนไม่เกินอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวงด้วย กฎหมายฉบับนี้แม้
จะเน้นถึงการจัดการขยะมูลฝอยแต่เป็นการแก้ไขที่ปลายทางโดยไม่ได้เริ่มตั้งแต่ต้นทางแบบครบวงจร
3) พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง
พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติฉบับนี้กำหนดการดำเนินการบริหารจัดการ
ขยะมูลฝอยและการรักษาความสะอาดของบ้านเมืองโดยทั่วไปของเจ้าพนักงานท้องถิ่นเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่
และวิธีการกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย จึงเป็นกฎหมายที่มุ่งเน้นการควบคุมพฤติกรรมของบุคคลในการรักษา
ความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมืองในที่หรือทางสาธารณะเป็นส่วนใหญ่แต่ไม่
ครอบคลุมถึงกระบวนการบริหารจัดการมูลฝอยทั้งระบบ มีสาระสำคัญ เช่น กำหนดให้เจ้าของหรือผู้ครอบครอง
อาคารหรือบริเวณของอาคารที่อยู่ติดกับทางเท้ามีหน้าที่ดูแลรักษาความสะอาดทางเท้าที่อยู่ติดกับอาคารหรือ
บริเวณของอาคาร ห้ามผู้ใดอาบน้ำหรือซักล้างสิ่งใดๆบนถนนหรือสถานที่สาธารณะซึ่งมิได้จัดไว้ซึ่งการนั้นหรือใน
บริเวณทางน้ำที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ประกาศห้ามไว้ ห้ามโฆษณาด้วยการปิด ทิ้ง หรือโปรยแผ่นประกาศ
หรือใบปลิวโดยไม่ได้รับอนุญาต ห้ามทิ้งสิ่งปฺฎิกูลมูลฝอยในที่สาธารณะ ห้ามปีนป่าย นั่ง หรือขึ้นไปบนรั้ว กำแพง
ต้นไม้ หรือสิ่งค้ำยันต้นไม้ในที่สาธารณะ ห้ามติดตั้ง ตาก วางหรือแขวนสิ่งใดๆในอาคารในลักษณะที่สกปรกรกรุงรัง
หรือไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยและมีสภาพที่ประชาชนอาจเห็นได้จากที่สาธารณะ เป็นต้น ผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษตาม
กฎหมาย
ต่อมากระทรวงมหาดไทยได้มีประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการจัดการมูลฝอย พ.ศ. 2560 ที่ให้
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจและหน้าที่ดังนี้ (1) การจัดการมูลฝอยโดยการรณรงค์ สร้างการรับรู้ ความ
เข้าใจ และสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนมีส่วนร่วมลดปริมาณและคัดแยกมูลฝอยเพื่อนำมาใช้ใหม่ (2) การเก็บและ
ขนมูลฝอยโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จัดให้มีภาชนะรองรับมูลฝอยในสถานที่สาธารณะให้เพียงพอ
และเหมาะสม กำหนดวัน เวลา สถานที่ และเส้นทางการเก็บ ขนที่ชัดเจน และขนส่งในยานพาหนะที่มิดชิด
(3) การกำจัดมูลฝอย มีการคัดแยกมูลฝอย มีวิธีกำจัดที่เหมาะสมกับมูลฝอย และส่งเสริมชุมชนกำจัดมูลฝอย
ณ แหล่งต้นกำเนิด (4) การมอบหมายให้เก็บ ขน และกำจัดมูลฝอยโดยอาจเป็นการร่วมดำเนินการกับหน่วยงาน
ของรัฐ/อปท.อื่น หรือมอบหมายหน่วยงานของรัฐ/อปท.อื่น และการรวมกลุ่มพื้นที่ (Cluster) (5) การมอบหมาย
เอกชนเก็บ ขน หรือกำจัดมูลฝอยหากเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่าการดำเนินการเอง โดยต้องดำเนินการ
ตามกฏหมายว่าด้วยการจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ และ (6) การดำเนินการ ใช้ และหาประโยชน์โดย
คณะกรรมการจัดการสิ่งปฎิกูลและมูลฝอยจังหวัดให้คำแนะนำแก่ อปท. ในการนำมูลฝอยที่จัดเก็บได้หาประโยชน์
ด้วยวิธีการจำหน่าย จ่ายโอนได้
นอกจากนี้ยังมีกฎหมายอื่นๆ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดขยะมูลฝอยได้แก่ พระราชบัญญัติรักษา
คลอง ร.ศ.121 (พ.ศ.2445) พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 ประมวลกฎหมายแพ่งและ

38

พาณิชย์ พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พ.ศ.2485 พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2490 ประมวลกฎหมาย
อาญา พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510 พระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ.2514 ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 68
(พ.ศ.2515) เรื่องควบคุมการจอดเรือในแม่น้ำลำคลอง พระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ.2543 พระราชบัญญัติ
ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 พระราชบัญญัติรักษาคลองประปา พ.ศ.2526 พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535
พระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ.2535 และมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อมด้าน
ขยะมูลฝอยและสิ่งปฎิกูล (พิรียุตม์ วรรณพฤกษ์ 2555 อ้างถึงใน ปิยชาติ ศิลปสุวรรณ 2557)
1.3.2 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นในการรักษาความสะอาด
พิรียุตม์ วรรณพฤกษ์, 2555 อ้างถึงใน ปิยชาติ ศิลปะสุวรรณ, 2557 จำแนกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหาร
ราชการส่วนท้องถิ่นในการรักษาความสะอาดซึ่งครอบคลุมการจัดการขยะมูลฝอยประกอบด้วยกฎหมายต่างๆ
จำนวน 6 ฉบับ ประกอบด้วย
1) พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พ.ศ.2542 กำหนดการจัดการระบบการบริการสาธารณะตามอำนาจหน้าที่ระหว่างรัฐกับองค์กรบริหาร
ส่วนท้องถิ่นและระหว่างองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นด้วยกันรวมทั้งหน้าที่อื่นๆ ซึ่งมีบทบัญญัติในมาตรา 17 (11)
และมาตรา 17 (12) ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดมีหน้าที่ในการจัดตั้งและดูแลระบบบำบัดน้ำเสียรวม การกำจัด
มูลฝอยและสิ่งปฏิกูลรวม และการจัดการสิ่งแวดล้อมและมลพิษต่างๆ และบทบัญญัติในมาตรา 16, 17 และ 18
กำหนดให้เทศบาล เมืองพัทยาและองค์การบริหารส่วนตำบลมีหน้าที่ในการจัดระบบการรักษาความสะอาดและ
ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง การกำจัดขยะมูลฝอย สิ่งปฎิกูล และน้ำเสีย
2) พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 ให้อำนาจแก่
กรุงเทพมหานครในการดำเนินงานเกี่ยวกับการรักษาความสะอาดและรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในเขต
กรุงเทพมหานครและการดูแลรักษาที่สาธารณะตามมาตรา 89 (4) และ (10)
3) พระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2540 กำหนดให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดมี
หน้าที่ดำเนินการภายในพื้นที่ของจังหวัด เกี่ยวกับการคุ้มครอง ดูแลและบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อมตามมาตรา 45 (7)
4) พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 กำหนดให้เทศบาลมีหน้าที่รักษาความสะอาดของถนน
ทางเดินและที่สาธารณะ รวมทั้งการจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลตามมาตรา 50 (3) มาตรา 53 (1)
และมาตรา 56 (1)

39

5) พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 กำหนดให้อำนาจและ
หน้าที่แก่สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบลในการดำเนินการรักษาความสะอาดในที่สาธารณะ รวมทั้งการ
จัดการขยะมูลฝอยภายในพื้นที่ตำบลตามมาตรา 23 (3)
6) พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา พ.ศ.2521 ให้อำนาจแก่เมืองพัทยาในการ
ดำเนินการรักษาความสะอาด รวมทั้งการจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลภายในเขตเมืองพัทยาตามมาตรา
67 (5) และ (6)
1.3.3 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการผลิตพลังงานจากขยะมูลฝอย ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายเฉพาะ
ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตพลังงานจากขยะมูลฝอย แต่ได้บัญญัติเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการจำหน่าย
พลังงานที่ผลิตได้แทรกอยู่กับกฎหมายด้านการจัดการพลังงานของประเทศ (พิรียุตม์ วรรณพฤกษ์ 2555 อ้างถึงใน
ปิยชาติ ศิลปสุวรรณ 2557) จำนวน 4 ฉบับ ประกอบด้วย
1) พระราชบัญญัติการพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน พ.ศ.2535 กำหนดให้พลังงานไฟฟ้าซึ่งมีขนาด
การผลิตรวมของแต่ละแหล่งผลิตตั้งแต่ 200 กิโลโวลต์แอมแปร์ (kVA) ขึ้นไปเป็นพลังงานควบคุมโดยผู้ผลิต หรือ
การขยายการผลิตพลังงานควบคุมจะต้องได้รับใบอนุญาตและกำหนดห้ามการกระทำใดๆ อันเป็นการขัดขวางต่อ
การผลิตพลังงานควบคุมหรือทำให้การผลิตพลังงานควบคุมน้อยลงโดยไม่มีเหตุอันควร ผู้กระทำผิดต้องระวางโทษ
ทั้งจำและปรับ
2) พระราชกฤษฎีกากำหนดพลังงานควบคุม พ.ศ.2536 สาระสำคัญ ได้แก่ การกำหนดให้
พลังงานไฟฟ้าซึ่งมีขนาดการผลิตรวมของแต่ละแหล่งผลิตตั้งแต่ 200 กิโลโวลต์แอมแปร์ขึ้นไปเป็นพลังงานควบคุม
3) พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 กำหนดให้จัดตั้ง
กองทุนเพื่อการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงพลังงาน (จากเดิม
พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 กำหนดให้อยู่ในความรับผิดชอบของ
กระทรวงการคลัง) โดยกำหนดที่มาของเงิน วัตถุประสงค์ และรายละเอียดต่างๆของกองทุนไว้ในหมวด 4 มาตรา
24
4) พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ.2550 กำหนดสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ
การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากขยะมูลฝอย ได้แก่ การกำหนดวัตถุประสงค์ข้อ (8) เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงาน
หมุนเวียนในการประกอบกิจการไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย กำหนดองค์กรต่างๆเกี่ยวกับการกำกับ
ดูแลการประกอบกิจการพลังงานในหมวด 2 การกำกับดูแลการประกอบกิจการพลังงานในหมวด 3 และการจัดตั้ง
กองทุนพัฒนาไฟฟ้า แหล่งที่มาของเงินทุน การเบิกจ่ายและกิจการที่สามารถใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าตาม
มาตรา 93-97

40

1.3.4 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน แบ่งออกเป็น 2 ระดับคือ
1) ระดับนโยบาย ประกอบด้วย
(1) สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหน่วยงานสังกัด
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำหน้าที่กำหนดนโยบายและแผนการดำเนินงานด้านการจัดการ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งพิจารณาการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนแก่องค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นและหน่วยงานราชการในการจัดการปัญหามลพิษซึ่งรวมถึงปัญหาขยะมูลฝอยชุมชน
(2) กรมควบคุมมลพิษ รับผิดชอบการดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการ
กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 ในการพัฒนาระบบและรูปแบบ
การจัดการเพื่อแก้ปัญหาขยะมูลฝอยด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสมโดยเน้นที่มาตรการลดอัตราการเกิดขยะมูลฝอย
และสนับสนุนให้เกิดการนำกลับมาใช้ใหม่เป็นประเด็นหลัก นอกจากนี้ยังมีหน้าที่เสนอความเห็นเพื่อจัดทำนโยบาย
และแผนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะมูลฝอยและ
สารอันตราย จัดทำแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมด้านมลพิษ ประสานการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัด
มลพิษจากกากของเสียและสารอันตราย จัดทำแผนฉุกเฉิน ประสานการปฏิบัติการควบคุม แก้ไข ระงับหรือฟื้นฟู
สิ่งแวดล้อม เสนอแนะมาตรฐาน มาตรการ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดการกากของเสียและสารพิษอันตราย เป็นต้น
ต่อมาในภายหลังได้มีการตราพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 โดยได้จัดตั้งกระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและโอนกรมควบคุมมลพิษมาอยู่ภายใต้การสังกัด
(3) กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อมที่มีภารกิจในการส่งเสริมให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลและข่าวสารจากทางราชการเกี่ยวกับ
การส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมเว้นแต่ข้อมูลหรือข่าวสารที่ทางราชการถือว่าเป็นความลับที่เกี่ยวข้องกับ
การรักษาความมั่นคงแห่งชาติ รวมทั้งการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการส่งเสริมและรักษาคุณภาพ
สิ่งแวดล้อม
(4) สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เป็นหน่วยงานสังกัดกระทรวงพลังงานทำหน้าที่
เสนอแนะนโยบายและบูรณาการแผนบริหารพลังงานของประเทศ เสนอแนะยุทธศาสตร์การส่งเสริมการอนุรักษ์
พลังงานและพลังงานทดแทนของประเทศ ตลอดจนให้การสนับสนุนการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโครงการส่งเสริมการใช้
พลังงานอย่างคุ้มค่าและการจัดหาแหล่งพลังงานทดแทน
(5) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการส่งเสริม
ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน กำกับการอนุรักษ์พลังงาน จัดหาแหล่งพลังงานพัฒนาทางเลือก การใช้พลังงานแบบ

41

ผสมผสานซึ่งรวมถึงการผลิตพลังงานจากขยะมูลฝอยและเผยแพร่เทคโนโลยีด้านพลังงานอย่างเป็นระบบและ
ต่อเนื่องเพื่อตอบสนองกับความต้องการใช้พลังงานของทุกภาคส่วนของสังคมอย่างเพียงพอ
(6) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สังกัดกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการให้
คำปรึกษาแนะนำ กำกับ ดูแล รวมทั้งจัดทำ แก้ไข ปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริม สนับสนุน
และประสานการติดตามจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย
ชุมชนในพื้นที่ทั่วประเทศ ตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สนับสนุนการรวมกลุ่มพื้นที่และจัดตั้ง
ศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยรวมในทุกจังหวัด ช่วยเหลือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดทำแผนงานโครงการการ
จัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย ซึ่งต้องสอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัด โดยใช้เทคโนโลยีแบบผสมผสาน และส่งเสริม
เอกชนลงทุนการจัดการขยะมูลฝอย
2) ระดับพื้นที่ ประกอบด้วย
(1) จังหวัด มีหน้าที่จัดทำแผนปฏิบัติการสิ่งแวดล้อมระดับจังหวัดแล้วเสนอต่อกระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเพื่อขอรับ
งบประมาณสำหรับการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดในพระราชบัญญัติส่งเสริมและ
รักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535
(2) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งรัฐธรรมนูญได้กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีหน้าที่
ในการจัดการ บำรุงรักษาและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่อยู่ในเขตพื้นที่ และตาม
พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 องค์การบริหารส่วนจังหวัดมีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและ
ขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดเก็บ รวบรวม
และการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนโดยจัดให้มีระบบการจัดการขยะมูลฝอยรวมเพื่อรองรับปริมาณขยะมูลฝอยที่
เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากได้อย่างเพียงพอ
1.สถานการณ์ แนวโน้ม และการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก
พื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกยังประสบปัญหาขยะมูลฝอยล้นเมือง โดยพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก
รวมทั้งพื้นที่กรุงเทพมหานครมีปริมาณขยะมูลฝอยรวมทั้งสิ้น 34,805 ตัน/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ
45.47 ของปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนทั้งประเทศ แต่มีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนที่ได้รับการกำจัดถูกต้อง
จำนวน 19,868 ตัน/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 66.83 เมื่อ พ.ศ. 2561 พื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก
ไม่รวมกรุงเทพมหานครมีอัตราขยะมูลฝอยชุมชนที่ได้รับการกำจัดอย่างถูกต้องร้อยละ 26.13-59.54 โดย
กลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑลมีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนจำนวนมากที่สุด 7,095 ตัน/วัน เนื่องจาก
กิจกรรมทางเศรษฐกิจและความเป็นเมืองยังคงกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร และกลุ่ม
จังหวัดในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกยังมีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนที่ได้รับการกำจัดไม่ถูกต้องมีสัดส่วน

42

ค่อนข้างสูงระหว่างร้อยละ 16.31-40.29 ดังนั้นปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนที่มีการกำจัดไม่ถูกต้องจึงเป็นปัญหา
สำคัญและมีความท้าทายต่อการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่างยั่งยืนทั้งในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก

เมื่อ พ.ศ.2561 ประเทศไทยมีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนเกิดขึ้น 76,529 ล้านตัน แบ่งออกเป็นขยะมูลฝอยที่กำจัด
ถูกต้องจำนวน 29,725 ล้านตัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 38.84 ของขยะมูลฝอยชุมชนทั้งประเทศ มีขยะมูลฝอย
ชุมชนที่มีการนำไปใช้ประโยชน์จำนวน 26,734 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 34.93 และมีขยะมูลฝอยชุมชนที่มี
การกำจัดไม่ถูกต้องจำนวน 20,070 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 26.22 สำหรับพื้นที่ภาคกลางและ
ภาคตะวันออกรวมทั้งพื้นที่กรุงเทพมหานครมีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนทั้งสิ้น 34,805 ตัน/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วน
ร้อยละ 45.47 ของปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนทั้งประเทศ มีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนที่กำจัดถูกต้องจำนวน
19,868 ตัน/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 66.83 มีขยะมูลฝอยชุมชนที่มีการนำไปใช้ประโยชน์จำนวน
9,286/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 34.73 และมีขยะมูลฝอยที่มีการกำจัดไม่ถูกต้องจำนวน 5,652 ตัน/วัน
หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 28.16 ของปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนทั้งประเทศ โดยขยะมูลฝอยชุมชนในพื้นที่
กรุงเทพมหานครได้รับการกำจัดอย่างถูกต้องทั้งหมด 100 %

เมื่อ พ.ศ.2561 พื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกไม่รวมกรุงเทพมหานครมีอัตราขยะมูลฝอยชุมชนที่ได้รับการ
กำจัดอย่างถูกต้องร้อยละ 26.13-59.54 อัตราขยะมูลฝอยชุมชนที่มีการนำไปใช้ประโยชน์ร้อยละ 15.53-45.02
และอัตราขยะมูลฝอยชุมชนที่ได้รับการกำจัดไม่ถูกต้องร้อยละ 16.31-40.29 ดังนั้นปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนที่มี
ได้รับการกำจัดไม่ถูกต้องยังเป็นปัญหาสำคัญและมีความท้าทายต่อการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่างยั่งยืนทั้ง
ในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก โดยกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑลมีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนต่อปีมาก
ที่สุดเนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความเป็นเมืองยังคงกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ปริมณฑลของ
กรุงเทพมหานคร รายละเอียดปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนระดับกลุ่มจังหวัดและจังหวัดในพื้นที่ภาคกลางและภาค
ตะวันออกมีดังนี้
• กลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล มีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนที่เกิดขึ้นมากที่สุดจำนวน 7,095 ตัน/วัน โดย
มีปริมาณขยะมูลฝอยที่กำจัดถูกต้องจำนวน 4,225 ตัน/วัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 59.54 ขยะมูลฝอย
ชุมชนที่มีการใช้ประโยชน์จำนวน 1,711 ตัน/วัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 24.11 และปริมาณขยะมูลฝอย
ชุมชนที่กำจัดไม่ถูกต้องจำนวน 1,158 ตัน/วัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 16.31
• รองลงมาคือกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 1 มีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนจำนวน 4,268 ตัน/วัน โดยมี
ปริมาณขยะมูลฝอยที่กำจัดถูกต้องจำนวน 1,886 ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 44.18 ขยะมูลฝอย

43

ชุมชนที่มีการใช้ประโยชน์จำนวน 663 ตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15.53 และขยะที่มีการกำจัดไม่ถูกต้อง
มีปริมาณค่อนข้างสูงจำนวน 1,720 ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 40.29
• กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน มีปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้น 3,574 ตัน/วัน แบ่งออกเป็นขยะมูลฝอยที่
กำจัดถูกต้องจำนวน 1,040 ตัน/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 29.04 ขยะมูลฝอยที่มีการนำไปใช้
ประโยชน์จำนวน 1,553 ตัน/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 43.45 และมีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนที่
กำจัดไม่ถูกต้องจำนวน 981 ตัน/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27.44
• กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 มีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนรวมทั้งสิ้นจำนวน 2,323 ตัน/วัน
แบ่งออกเป็นปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนที่กำจัดถูกต้องจำนวน 607 ตัน/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วน
ร้อยละ 26.13 ขยะมูลฝอยชุมชนที่มีการใช้ประโยชน์จำนวน 1,046 ตัน/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วน
ร้อยละ 45.02 และมีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนที่กำจัดไม่ถูกต้องจำนวน 669 ตัน/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วน
ร้อยละ 28.79
• กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 มีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนรวมทั้งสิ้นจำนวน 2,155 ตัน/วัน โดยมี
ปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนที่กำจัดถูกต้องจำนวน 803 ตัน/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 37.26 การนำ
ขยะมูลฝอยชุมชนไปใช้ประโยชน์จำนวน 862 ตัน/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 40 และขยะมูลฝอย
ชุมชนที่กำจัดไม่ถูกต้องจำนวน 490 ตัน/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 22.73
• กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 2 มีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนทั้งสิ้นจำนวน 2,151 ตัน/วัน แบ่งออกเป็น
ปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนที่มีการกำจัดถูกต้องจำนวน 588 ตัน/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27.33
ขยะมูลฝอยชุมชนที่มีการนำไปใช้ประโยชน์จำนวน 929 ตัน/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 43.18
และขยะมูลฝอยชุมชนที่กำจัดไม่ถูกต้องจำนวน 634 ตัน/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 29.47
รายละเอียดของปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนของแต่ละจังหวัดในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก
เมื่อ พ.ศ. 2561 ปรากฏดังตารางที่ 3.1 ด้านล่าง
องค์ประกอบของขยะมูลฝอยชุมชนในประเทศไทยไม่มีความแตกต่างจากประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆในภูมิภาคเอเชีย
โดยมีส่วนใหญ่เป็นขยะอินทรีย์ตามด้วยพลาสติก และกระดาษ การจัดเก็บและกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนในภูมิภาค
ต่างๆในประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพมหานครมีการปรับปรุงดีขึ้นมากเมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ
ของประเทศ แม้ว่ายังมีความจำเป็นต้องมีการจัดการอีกมาก ค่าความชื้นเฉลี่ยของขยะมูลฝอยชุมชนในประเทศ
ไทยเป็นขยะมูลฝอยเปียกประมาณร้อยละ 55 และอาจสูงถึงร้อยละ 70 ในบางพื้นที่ เช่น จังหวัดสมุทรปราการ
และเมืองพัทยา เป็นต้น โดยองค์ประกอบของขยะมูลฝอยชุมชนขึ้นอยู่กับรูปแบบการบริโภค วิถีชีวิต และสถานะ
ทางเศรษฐกิจ (C.Chiemchaisri และคณะ, 2006)

44

ตารางที่ 1.1 ปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก ณ พ.ศ.2561
กลุ่มจังหวัด/จังหวัด ปริมาณขยะมูลฝอย
ชุมชนที่เกิดขึ้น
(ตัน/วัน)
ปริมาณขยะมูลฝอย
ชุมชนที่กำจัดถูกต้อง
(ตัน/วัน)
การใช้ประโยชน์
(ตัน/วัน)
ปริมาณขยะมูลฝอย
ชุมชนที่กำจัดไม่ถูกต้อง
(ตัน/วัน )
กลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล
1.นนทบุรี 1,691 1,305 386 -
2.นครปฐม 1,264 652 310 302
3.ปทุมธานี 1,690 341 508 841
4.สมุทรปราการ 2,450 1,927 507 15
รวม 7,095 4,225 1,711 1,158
กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน
5.ชัยนาท 327 105 126 96
6.พระนครศรีอยุธยา 1,176 404 520 252
7.ลพบุรี 863 40 383 440
8.สระบุรี 677 313 259 105
9. สิงห์บุรี 245 70 106 69
10.อ่างทอง 286 108 159 19
รวม 3,574 1,040 1,553 981
กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1
11.กาญจนบุรี 822 108 470 244
12.ราชบุรี 865 329 418 117
13.สุพรรณบุรี 636 170 158 308
รวม 2,323 607 1,046 669
กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2
14.สมุทรสาคร 918 370 477 71

45

กลุ่มจังหวัด/จังหวัด ปริมาณขยะมูลฝอย
ชุมชนที่เกิดขึ้น
(ตัน/วัน)
ปริมาณขยะมูลฝอย
ชุมชนที่กำจัดถูกต้อง
(ตัน/วัน)
การใช้ประโยชน์
(ตัน/วัน)
ปริมาณขยะมูลฝอย
ชุมชนที่กำจัดไม่ถูกต้อง
(ตัน/วัน )
15.สมุทรสงคราม 181 101 51 29
16.เพชรบุรี 463 104 175 184
17.ประจวบคีรีขันธ์ 593 228 159 206
รวม 2,155 803 862 490
กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 1
18.ฉะเชิงเทรา 709 193 175 342
19.ชลบุรี 2,591 1,155 281 1,155
20.ระยอง 968 538 207 223
รวม 4,268 1,886 663 1,720
กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 2
21.จันทบุรี 511 266 122 123
22.ตราด 275 80 99 96
23.นครนายก 251 106 137 8
24.ปราจีนบุรี 520 113 243 165
25.สระแก้ว 594 23 328 242
รวม 2,151 588 929 634
รวมภาคกลางและ
ภาคตะวันออก
(ไม่รวมกทม.)
21,565 9,149 6,764 5,652
รวมภาคกลาง ภาค
ตะวันออกและกทม.
34,805 19,868 9,286 5,652
รวม 76 จังหวัด
(ไม่รวมกทม.)
63,288 19,006 24,213 20,070

46

กลุ่มจังหวัด/จังหวัด ปริมาณขยะมูลฝอย
ชุมชนที่เกิดขึ้น
(ตัน/วัน)
ปริมาณขยะมูลฝอย
ชุมชนที่กำจัดถูกต้อง
(ตัน/วัน)
การใช้ประโยชน์
(ตัน/วัน)
ปริมาณขยะมูลฝอย
ชุมชนที่กำจัดไม่ถูกต้อง
(ตัน/วัน )
กทม. 13,240 10,719 2,522 -
ทั้งประเทศ
(รวมกทม.)
76,529 29,725 26,734 20,070
ที่มา: รายงานสถานการณ์มลพิษประเทศไทย พ.ศ.2561 เข้าถึงจาก http://www.pcd.go.th
เข้าถึงเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2563
1.5 กรณีศึกษาการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของจังหวัดปริมณฑลในพื้นที่ภาคกลาง: การเปรียบเทียบ
แนวปฏิบัติของจังหวัดนครปฐม และจังหวัดนนทบุรี
จังหวัดนครปฐมเป็น 1 ใน 5 จังหวัดปริมณฑลของกรุงเทพมหานครเริ่มประสบปัญหาปริมาณขยะมูลฝอย
ชุมชนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากการขยายตัวของความเป็นเมือง นโยบายการพัฒนาและนโยบายการ
บริหารจัดการขยะมูลฝอยรวมของแต่ละองค์การบริหารส่วนจังหวัดไม่เหมือนกัน โดยองค์การบริหารส่วน
จังหวัดนครปฐมเน้นการรวบรวมขยะมูลฝอยอันตรายจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของทั้งจังหวัด
แต่ปัจจุบันได้ให้ความสำคัญกับการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนมากขึ้นเนื่องจากจังหวัดนครปฐมเป็น 1 ใน 6
จังหวัดที่มีปัญหาขยะมูลฝอยชุมชนตกค้างของประเทศ อย่างไรก็ตาม อบจ.นครปฐมยังขาดความพร้อมทั้งใน
เชิงการบริหาร บุคลากรที่มีองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญ และความเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่มีนวัตกรรมใน
การจัดการขยะมูลฝอยชุมชน ปัจจุบันมีการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนออกเป็น 4 รูปแบบ แบ่งพื้นที่กำจัดขยะ
มูลฝอยชุมชนออกเป็น 3 คลัสเตอร์ โดย อบจ.นครปฐมเห็นว่าควรยุบคลัสเตอร์จัดการขยะมูลฝอยชุมชนของ
ทั้งจังหวัดให้เหลือเพียง 1 คลัสเตอร์เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการและทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด
(Economies of Scale) จังหวัดนครปฐมได้กำหนดนโยบายจังหวัดสะอาดและจัดทำประกาศเรื่อง
วิธีบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนด้วยตนเอง และอบจ.นครปฐมและเทศบาลนครนครปฐมได้บูรณาการ
แผนงาน/โครงการดำเนินงานร่วมกันโดยได้บรรจุโครงการก่อสร้างและปรับปรุงสถานกำจัดขยะมูลฝอย
เทศบาลนครนครปฐมไว้ในแผนพัฒนาท้องถิ่นของ อบจ.นครปฐม (พ.ศ.2561-2565) รวมทั้งได้บูรณาการไว้
ในแผนพัฒนาจังหวัดนครปฐมแล้ว

ในขณะที่จังหวัดนนทบุรีซึ่งเป็น 1 ใน 5 จังหวัดปริมณฑลของกรุงเทพมหานครได้ประสบปัญหาปริมาณ
ขยะมูลฝอยชุมชนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากการขยายตัวของความเป็นเมืองมาเป็นระยะเวลานาน ดังนั้น
องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรีจึงจัดให้เป็นปัญหาที่อยู่ในลำดับความสำคัญเร่งด่วนที่สุดที่ต้องเร่งแก้ไข

47

โดยได้กำหนดนโยบายและพัฒนาแนวทางการจัดการสิ่งแวดล้อมแบบบูรณาการระยะยาวและเป็นระบบตาม
หลักวิชาการมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 34 ปี (พ.ศ.2529-2563) โดยมีวิธีการจัดการตามประเภทของ
ขยะมูลฝอยประกอบด้วย ขยะมูลฝอยชุมชน ขยะมูลฝอยติดเชื้อ และขยะมูลฝอยอันตราย และมีความร่วมมือ
กับ อปท.ในจังหวัดนนทบุรีอย่างใกล้ชิด โดยมีการลงทุนใช้เทคโนโลยีการจัดการขยะมูลฝอยที่เหมาะสมและ
เกิดการประหยัดจากการขยายขนาด (Economies of Scale) รวมทั้งมี อปท.จากจังหวัดปริมณฑลใกล้เคียง
มาร่วมใช้บริการ และมีโรงกำจัดมูลฝอยติดเชื้อที่ให้บริการครอบคลุมทั้งพื้นที่ภาคกลาง เนื่องจากมีพื้นที่กำจัด
ขยะมูลฝอยจำกัดและต้องการลดผลกระทบของศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยต่อชุมชนที่ตั้งอยู่โดยรอบปัจจุบัน
อบจ.นนทบุรีอยู่ระหว่างการเตรียมการพัฒนาโรงไฟฟ้าจากขยะมูลฝอย ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวได้ว่าศูนย์กำจัด
มูลฝอยของ อบจ.นนทบุรี เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด (Best Practice) ในการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนเนื่องจากมี
ประสบการณ์ในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมที่ถูกต้องตามหลักวิชาการมาอย่างยาวนานและกำลังพัฒนาไปสู่
การเป็นเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมแบบบูรณาการระดับประเทศ
1.5.1 การจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในจังหวัดนครปฐม
1) นโยบายขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) แต่ละจังหวัดไม่เหมือนกัน สำหรับ อบจ.นครปฐมเน้นการ
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และความเป็นเมือง รวมทั้งสนใจในประเด็นการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน
ปัจจุบัน อบจ.นครปฐม ไม่ได้ให้บริการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนแต่ให้บริการรวบรวมขยะอันตรายจากทั้งจังหวัด
จำนวน 117 อปท. จากทั้งหมด 7 อำเภอ ประกอบด้วย 1 อบจ. (อบจ.นครปฐม) 1 เทศบาลนคร (เทศบาลนคร
นครปฐม) 3 เทศบาลเมือง (เทศบาลเมืองกระทุ่มล้ม เทศบาลเมืองไร่ขิง และเทศบาลเมืองสามพราน) 15 เทศบาล
ตำบล (เทศบาลตำบลบางเลน เทศบาลตำบลกำแพงแสน เทศบาลตำบลคลองโยง เทศบาลตำบลดอนยายหอม
เทศบาลตำบลธรรมศาลา เทศบาลตำบลนครชัยศรี เทศบาลตำบลบางกระทึก เทศบาลตำบลบางหลวง เทศบาล
ตำบลโพรงมะเดื่อ เทศบาลตำบลรางกระทุ่ม เทศบาลตำบลลำพญา เทศบาลตำบลศาลายา เทศบาลตำบลสามง่าม
เทศบาลตำบลห้วยพลู และเทศบาลตำบลอ้อมใหญ่) รวมทั้ง 97 องค์การบริหารส่วนตำบลซึ่งเป็นพื้นที่ชนบท
อบจ.นครปฐมจะรวบรวมขยะอันตรายประมาณ 2 ครั้งต่อปี โดย อปท.ส่วนใหญ่ไม่มีการคัดแยกขยะอันตรายและ
ไม่บรรจุในหีบห่อตามที่ อบจ.นครปฐมได้แนะนำไว้ เมื่อ พ.ศ.2561 สามารถรวบรวมขยะอันตรายจากทุก อปท.
ในจังหวัดนครปฐมได้จำนวน 4.9712 ตัน ทั้งสิ้นและจัดจ้างบริษัท Better World Green จำกัด (มหาชน) ซึ่งมี
ศูนย์บริหารและจัดการกากอุตสาหกรรมในจังหวัดสระบุรีเพื่อกำจัดขยะอันตรายซึ่งคิดค่ากำจัดขยะอันตรายตันละ
15,000 บาท และค่าขนส่งครั้งละ 7,000 บาท
2) จังหวัดนครปฐมเป็น 1 ใน 6 จังหวัดที่มีปัญหาขยะมูลฝอยชุมชนตกค้างของประเทศ อบจ.นครปฐมจึงเริ่ม
รณรงค์ภายในหน่วยงานให้มีการลดใช้โฟมบรรจุอาหารและในอนาคตจะแจกปิ่นโตให้แก่เจ้าหน้าที่ และส่งเสริม
การจัดการขยะมูลฝอยในโรงเรียน ปัจจุบัน อบจ.นครปฐม มีเตาเผาขยะลดมลพิษประหยัดพลังงานเคลื่อนที่

48

จำนวน 1 คันให้บริการแก่อปท.ในจังหวัดนครปฐมโดยมีขีดความสามารถเผาขยะมูลฝอยชุมชนได้วันละ 2 ตัน
ปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของจังหวัดนครปฐม ได้แก่
• มีกฎระเบียบเกี่ยวกับการคัดแยกขยะมูลฝอยชุมชนระดับครัวเรือนแต่ยังไม่ได้มีการบังคับใช้อย่างจริงจัง
และประชาชนยังไม่ให้ความร่วมมือในการแยกขยะมูลฝอยชุมชนจากต้นทางโดยเฉพาะขยะมูลฝอยสด
• มีอุปสรรคในการหาสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนในจังหวัด
• ตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐมว่างมาประมาณ 5 ปีทำให้เกิดความไม่ต่อเนื่องของการ
บริหาร
• ขาดบุคลากรที่มีองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมโดยปัจจุบันภารกิจด้านการ
จัดการสิ่งแวดล้อมสังกัดกองช่าง และ
• ขาดเครือข่ายของหน่วยงานด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน

โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐมมีจุดแข็งได้แก่
• มีเครือข่าย อปท.ในจังหวัดที่เข้มแข็ง มีงบประมาณดำเนินการที่เพียงพอ และมีเครือข่ายความร่วมมือกับ
สถาบันการศึกษา เช่น มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยมหิดล
• นโยบายของผู้บริหารที่สนับสนุนการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน
• องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดนครปฐมมีความประสงค์ให้ อบจ.นครปฐม เป็นหน่วยงานเจ้าภาพ
หลักในการเป็นศูนย์กลางบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในจังหวัดนครปฐม
3) ปัจจุบันปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนเป็นวาระการพัฒนาที่สำคัญของทั้งจังหวัดนครปฐม
และ อบจ.นครปฐม โดย อบจ.นครปฐมมีบทบาทเป็นผู้สนับสนุนการดำเนินงานจัดการขยะมูลฝอยชุมชนโดย
การฝึกอบรมทำบ่อดักไขมันระดับครัวเรือนและเตรียมการให้ความรู้ด้านการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนโดยเป็น
ความร่วมมือระหว่าง อบจ.นครปฐมและเทศบาลนครนครปฐม จากการสำรวจปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนของ อปท.
ในจังหวัดนครปฐมจำนวน 117 แห่ง พบว่าในปีงบประมาณ 2562 มีขยะมูลฝอยชุมชนเกิดขึ้นจำนวน 1,094.78
ตันต่อวัน ปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนที่ได้รับการกำจัดอย่างถูกต้องจำนวน 354.09 ตันต่อวัน ปริมาณขยะมูลฝอย
ชุมชนที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์จำนวน 585.39 ตันต่อวัน ปริมาณขยะมูลฝอยที่กำจัดอย่างไม่ถูกต้องจำนวน 155.30
ตันต่อวัน และปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนตกค้างสะสมในสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยจำนวน 94,748 ตัน โดยหาก
เปรียบเทียบข้อมูลกับปีงบประมาณ 2561 พบว่าสถานการณ์การบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของจังหวัด
นครปฐมมีแนวโน้มในทิศทางที่ดีขึ้นเนื่องจากปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนในพื้นที่มีจำนวนลดน้อยลง ยกเว้นในส่วน
ของขยะมูลฝอยชุมชนตกค้างสะสมที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 7.87

49

4) จังหวัดนครปฐมมีการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ
• ประเภทที่ 1 อปท.ที่มีสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยปัจจุบันเปิดดำเนินการจำนวน 6 แห่ง และปิดดำเนินการ
จำนวน 5 แห่ง
• ประเภทที่ 2 บริษัทเอกชนที่ให้บริการเก็บขนและกำจัดขยะมูลฝอยในพื้นที่จังหวัดนครปฐมประกอบด้วย
สถานที่ขนถ่ายขยะมูลฝอยชุมชนจำนวน 1 แห่ง และสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนจำนวน 3 แห่ง
• ประเภทที่ 3 อปท.ที่มีการเก็บขนและกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนนอกพื้นที่จังหวัดนครปฐมจำนวน 6 แห่ง
โดยส่งไปกำจัดที่ อบจ.นนทบุรีจำนวน 5 แห่ง และส่งไปกำจัดที่บริษัท บ้านโป่ง จำกัด จำนวน 1 แห่ง
• ประเภทที่ 4 อปท.ที่ไม่มีการให้บริการเก็บขนขยะมูลฝอยชุมชน ประชาชนจึงทำการเผาหรือฝังกลบขยะ
มูลฝอยชุมชนในพื้นที่บ้านเรือนจำนวน 6 แห่ง
ปัจจุบันจังหวัดนครปฐมมีคลัสเตอร์จัดการขยะมูลฝอยชุมชนจำนวน 3 คลัสเตอร์คือ (1) คลัสเตอร์เทศบาล-
นครนครปฐม มี อปท.ในกลุ่มคลัสเตอร์จำนวน 18 อปท.มีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนที่นำไปกำจัดรวมทั้งสิ้น
258 ตัน/วัน (2) คลัสเตอร์เทศบาลตำบลสามง่าม มี อปท.ในกลุ่มคลัสเตอร์จำนวน 10 อปท. มีปริมาณ
ขยะมูลฝอยชุมชนที่นำไปกำจัดรวมทั้งสิ้น 42 ตัน/วัน และ (3) คลัสเตอร์เทศบาลตำบลห้วยพลู มีอปท.
ในกลุ่มคลัสเตอร์จำนวน 5 อปท.มีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนที่นำไปกำจัดรวมทั้งสิ้น 15 ตัน/วัน
โดย อบจ.นครปฐมมีความเห็นว่าควรยุบคลัสเตอร์จัดการขยะมูลฝอยชุมชนของทั้งจังหวัดให้เหลือเพียง
1 คลัสเตอร์เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการและทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale)

5) จังหวัดนครปฐมได้กำหนดนโยบายจังหวัดสะอาด และจัดทำประกาศเรื่อง วิธีบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชน
ด้วยตนเองเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2561 โดยให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนมี
ส่วนร่วมในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยโดยใช้หลักการ 3 ช.(ใช้น้อย ใช้ซ้ำ และนำกลับมาใช้ใหม่)
และดำเนินการให้ถูกต้องตามหลักวิชาการตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ตลอดจนให้ทุกส่วนราชการ
ปฏิเสธและลดการใช้ถุงพลาสติกและโฟม โดยใช้ถุงผ้าหรือถุงขนาดใหญ่ที่ย่อยสลายได้แทนเพื่อให้การจัดการ
ขยะมูลฝอยชุมชนของจังหวัดนครปฐมมีประสิทธิภาพและยั่งยืน นอกจากนี้ อบจ.นครปฐมและ
เทศบาลนครนครปฐมได้บูรณาการแผนงาน/โครงการดำเนินงานร่วมกันโดยได้บรรจุโครงการก่อสร้างและปรับปรุง
สถานกำจัดขยะมูลฝอยเทศบาลนครนครปฐม หมู่ที่ 9 ตำบลตาก้อง อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐมไว้ในแผนพัฒนา
ท้องถิ่นของ อบจ.นครปฐม (พ.ศ.2561-2565) เป็นจำนวนเงิน 42 ล้านบาท โดยจะวางแผนและประสาน
การดำเนินการร่วมกันตามอำนาจหน้าที่และ อบจ.นครปฐมได้จัดส่งแผนพัฒนาท้องถิ่นดังกล่าวให้
สำนักงานจังหวัดนครปฐมเพื่อพิจารณาบรรจุไว้ในแผนพัฒนาจังหวัดนครปฐมแล้ว

50

1.5.2 การจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในจังหวัดนนทบุรี
1) ข้อมูลพื้นฐานของศูนย์กำจัดมูลฝอยของ อบจ.นนทบุรี
ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลคลองขวาง อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี มีพื้นที่ให้บริการทั้งสิ้นจำนวน 500 ไร่ มีประชาชน
อยู่อาศัยโดยรอบศูนย์กำจัดมูลฝอยประมาณ 500 ครัวเรือน โดยมีประวัติการดำเนินการดังนี้
• พ.ศ.2529 เริ่มดำเนินการโดยวิธีเทกอง
• พ.ศ.2541 จ้างบริษัทที่ปรึกษาทำการศึกษาและออกแบบระบบฝังกลบ
• พ.ศ.2548 ปรับปรุงและปิดพื้นที่บ่อฝังกลบมูลฝอยงบประมาณ 154 ล้านบาท
• พ.ศ.2552 ก่อสร้างระบบฝังกลบส่วนขยายที่ 2 งบประมาณ 292 ล้านบาท
• พ.ศ.2553 ว่าจ้างเอกชนเป็นผู้ดำเนินการฝังกลบโดย อบจ.นนทบุรีเป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติงาน
• พ.ศ.2566 คาดการณ์ว่าโรงไฟฟ้าจากขยะระบบ Pyrolysis และ Gasification ก่อสร้างแล้วเสร็จ

2) การให้บริการศูนย์กำจัดมูลฝอยขององค์การบริหารจังหวัดนนทบุรี
ศูนย์กำจัดมูลฝอยของ อบจ.นนทบุรีให้บริการกำจัดขยะมูลฝอยแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
ในจังหวัดนนทบุรีจำนวน 42 แห่ง รวมทั้งให้บริการกำจัดขยะมูลฝอยให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน
16 อปท.จากจังหวัดใกล้เคียงประกอบด้วย จังหวัดนครปฐมจำนวน 11 อปท. จังหวัดปทุมธานีจำนวน 3 อปท.
และ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจำนวน 3 อปท. ปัจจุบันศูนย์กำจัดมูลฝอยของ อบจ.นนทบุรีถือได้ว่าเป็นต้นแบบ
การบริหารจัดการขยะมูลฝอยแบบบูรณาการซึ่งเป็นต้นแบบระดับประเทศ รวมทั้งเป็นแหล่งศึกษา เรียนรู้
และดูงานด้านการบริหารจัดการขยะมูลฝอยแก่ อปท.อื่นๆ โดยแบ่งการดำเนินการกำจัดขยะมูลฝอยออกเป็น
4 ประเภทคือ
(1) ขยะมูลฝอยชุมชน แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
• มูลฝอยเก่า โดยการทำเชื้อเพลิงขยะ (Refuse Derived Fuel: RDF) ซึ่งอบจ.นนทบุรีร่วมลงทุนกับ
บริษัทสยาม พาวเวอร์ จำกัดในรูปแบบการลงทุนสร้าง-ใช้ประโยชน์-โอน (Build Operate Transfer
:BOT) การทำเชื้อเพลิงจากขยะเก่าพื้นที่บ่อ B, C, D, E, F และ G โดย บริษัทสยาม พาวเวอร์ จำกัด ได้
ซื้อขยะที่ถูกฝังกลบ (ขยะเก่า) ราคาตันละ 35 บาท ปัจจุบันได้ดำเนินการแล้ว ส่วนโรงไฟฟ้า RDF
อบจ.นนทบุรีร่วมลงทุนกับ บริษัทสยาม พาวเวอร์ จำกัด ในรูปแบบการลงทุนสร้าง-เป็นเจ้าของ-
ใช้ประโยชน์ (Build Own Operate :BOO) ระยะเวลาในสัญญา 20 ปี ใช้ RDF ที่ผลิตใช้ในการผลิต
กระแสไฟฟ้าด้วยเครื่องปฏิกรณ์ฟลูอิไดซ์แบบไหลเวียน (Circulation Fluidized Bed) ระยะเวลาการเผา
ไม่น้อยกว่า 2 วินาที ที่อุณหภูมิ 850 องศาเซียลเซียสขึ้นไป กำลังการผลิตไฟฟ้า 9.5 MW ขายไฟฟ้าที่
8 MW ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โรงไฟฟ้ามูลฝอยเก่าส่วน RDF มีปริมาณขยะมูลฝอยคาดการณ์รวม

51

ทั้งสิ้นประมาณ 3,045,210 ตัน คัดแยกเป็นเชื้อเพลิงประมาณร้อยละ 48 คาดการณ์ว่าจะได้ RDF
ประมาณ 1,461,700 ตัน หรือประมาณ 73,085 ตันต่อปี ความหนาแน่นของก้อนเชื้อเพลิงแบ่งออกเป็น
ความหนาแน่นมูลฝอยไม่อัด 200-350 กิโลกรัม/ลูกบาศก์เมตร และความหนาแน่นมูลฝอยอัด
700 กิโลกรัม/ลูกบาศก์เมตร และการนำก๊าซจากหลุมฝังกลบมาผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งอบจ.นนทบุรี
ร่วมลงทุนกับบริษัท บุญ เอเนอร์ซิส จำกัด ในรูปแบบการลงทุนสร้าง-ใช้ประโยชน์-โอน นำก๊าซภายใน
หลุมฝังกลบมูลฝอยบ่อ H ที่ปิดพื้นที่เนื้อที่รวม 50 ไร่ กำลังการผลิต 6.24 MW ขายไฟฟ้าปริมาณ 5 MW
โดยบริษัท บุญ เอเนอร์ซิส จำกัด เช่าที่ดินของ อบจ.นนทบุรี เป็นระยะเวลา 10 ปี ให้ผลตอบแทน
ทางการเงินแก่อบจ.นนทบุรีจำนวน 30 ล้านบาท ปัจจุบันการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแล้วเสร็จและคาดว่า
สามารถเริ่มผลิตไฟฟ้าได้ภายใน พ.ศ.2563

• มูลฝอยใหม่ ดำเนินการฝังกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาล และ อบจ.นนทบุรีจะสร้างโรงไฟฟ้าจากขยะโดย
กระบวนการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางเคมีโดยใช้ความร้อนในสภาวะไร้อากาศ (Pyrolysis) และ
กระบวนการแปรสภาพเป็นแก๊ส (Gasification) ให้มีความเข้มข้นของสารไดออกซินปลายปล่อยระบาย
อากาศ 0.10 % โดยการร่วมลงทุนกับเอกชนรวมค่าก่อสร้างจำนวน 4,142 ล้านบาท ซึ่ง อบจ.นนทบุรีได้
ลงนามความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 46 แห่งในจังหวัดนนทบุรีเพื่อจัดส่ง
ขยะมูลฝอยไปกำจัด โดยจะเก็บส่วนต่างค่ากำจัดขยะตันละ 200 บาท เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2562
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบผลการคัดเลือกและร่างสัญญาร่วมลงทุนให้เอกชนลงทุนก่อสร้างและบริหารจัดการ
ระบบกำจัดขยะมูลฝอยของ อบจ.นนทบุรี ระยะเวลาในสัญญา 22 ปี คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตไฟฟ้าได้
ภายในปี 2566 โดยมีปริมาณขยะมูลฝอยป้อนเข้าสู่โรงงานผลิตไฟฟ้าจากขยะจำนวนประมาณ
1,300 ตัน/วัน บริษัทเอกชนจะเช่าที่ดินของ อบจ.นนทบุรีเพื่อตั้งโรงงานผลิตไฟฟ้าจากขยะ
โดยอบจ.นนทบุรีจะจ่ายค่าจ้างกำจัดขยะมูลฝอยชุมชน 300 บาท/ตัน และบริษัทเอกชนจะจ่ายคืน
ค่าขยะมูลฝอยชุมชนตันละ 80 บาท
• น้ำชะขยะ แบ่งการบริหารจัดการออกเป็น 2 ระบบ คือ การบำบัดน้ำชะขยะระบบเก่าด้วยระบบการ
กรองด้วยเยื่อ (Micro Filtration) และระบบการกรองเป็นชั้น ๆ (Reverse Osmosis) และการบำบัด
น้ำชะขยะระบบใหม่ด้วยระบบการกรองเป็นชั้น ๆที่มีประสิทธิภาพสูง (High Recovery Reverse
Osmosis: HRRO)

(2) มูลฝอยติดเชื้อ เมื่อ พ.ศ.2552 อบจ.นนทบุรีได้รับงบอุดหนุนให้การก่อสร้างเตาเผามูลฝอยติดเชื้อขนาด
7.20 ตัน/วัน ระบบเตาเผาแบบหมุนเวียน (Rotary Kiln) เริ่มดำเนินการเมื่อ พ.ศ.2554 และเมื่อ พ.ศ.2556
อบจ.นนทบุรีได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับกระทรวงสาธารณสุข กรมอนามัย กรมควบคุมมลพิษ และกรม

52

ส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ในการให้บริการระบบกำจัดมูลฝอยติดเชื้อเป็นผู้ดำเนินการขนและกำจัดในพื้นที่
ภาคกลาง 12 จังหวัด โดยเมื่อ พ.ศ.2561 อบจ.นนทบุรีได้รับงบอุดหนุนในการก่อสร้างเตาเผามูลฝอยติดเชื้อขนาด
9.60 ตัน/วัน ระบบเตาเผาแบบหมุนเวียนและเริ่มดำเนินการแล้ว และมีแผนการของบประมาณเพื่อจัดสร้างเตา
ใหม่ในอนาคต

อบจ.นนทบุรีให้บริการเก็บขนและรวบรวมขยะติดเชื้อในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ยกเว้นเทศบาลนครนนทบุรี และ
เทศบาลนครปากเกร็ด โดยครอบคลุมพื้นที่จังหวัดนนทบุรีฝั่งตะวันตกรวมทั้งสิ้น 42 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
มีรถให้บริการ 14 คัน ประกอบด้วย รถเก็บขยะติดเชื้อขนาด 2 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 1 คัน รถเก็บขยะติดเชื้อ
ขนาด 6 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 1 คัน และรถเก็บขยะติดเชื้อขนาด 19 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 1 คัน ทั้งนี้ผู้ขอรับ
บริการต้องทำบันทึกข้อตกลงกับ อบจ.นนทบุรี ก่อน และ อบจ.นนทบุรีได้จัดซื้อรถเพื่อให้บริการเพิ่มเติมซึ่งมี
คุณสมบัติควบคุมอุณหภูมิให้ต่ำกว่า 10 องศาเซียลเซียส และมีระบบการหาตำแหน่งทั่วโลก (Global Positioning
System: GPS) จำนวน 11 คัน ประกอบด้วย รถเก็บขยะติดเชื้อขนาด 6 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 3 คัน และรถเก็บ
ขยะติดเชื้อขนาด 37 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 8 คัน การจัดเก็บค่าบริการ สำหรับโรงพยาบาล อบจ.นนทบุรีได้จัดให้
มีถังรวบรวมขนาด 120 ลิตร ในการเก็บรวบรวมและสับเปลี่ยนถังเมื่อเข้าจัดเก็บโดยคิดค่าบริการเก็บขน
2 บาท/กิโลกรัม และค่าบริการกำจัด 13 บาท/กิโลกรัม สำหรับคลินิกและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลขนาด
เล็กที่มีขยะไม่เกิน 60 กิโลกรัม/เดือน กำหนดให้จัดซื้อถุงพลาสติกสีแดงหนามีตรา อบจ.นนทบุรีซึ่งรวมค่าจัดเก็บ
และค่ากำจัดมี 2 ขนาดคือ ขนาด 20 ลิตร ราคา 20 บาท/ถุง ขนาด 60 ลิตร ราคา 60 บาท/ถุง

(3) ของเสียอันตราย ดำเนินการเก็บรวบรวมของเสียอันตรายจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดนนทบุรี
ก่อนส่งไปกำจัดอย่างถูกหลักวิชาการ

(4) ระบบบำบัดสิ่งปฏิกูล รองรับสิ่งปฏิกูลจากชุมชนได้ประมาณ 450 ลูกบาศก์เมตร ใช้การบำบัดแบบไม่ใช้
อากาศร่วมกับแบบใช้อากาศ และขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการให้บริการบำบัดน้ำเสียจาก
ชุมชนเมืองในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของจังหวัดนนทบุรี

3) ปัจจัยที่ผลักดันให้ อบจ.นนทบุรีมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาโรงไฟฟ้าจากขยะมูลฝอย ประกอบด้วย
(1) จังหวัดนนทบุรีตั้งอยู่ในเขตปริมณฑลซึ่งมีอัตราความเป็นเมืองสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ปริมาณขยะมูลฝอยเพิ่ม
มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ อบจ.นนทบุรีมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพื่อจัดซื้อที่ดินเพื่อสร้างเป็นหลุมกลบ
ขยะมูลฝอยเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน

53

(2) ปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยเฉพาะจากปัญหากลิ่นรบกวนชุมชนที่อยู่
อาศัยโดยรอบศูนย์กำจัดมูลฝอยเป็นระยะทางประมาณ 4-5 กิโลเมตร ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่าง
ศูนย์กำจัดมูลฝอยของ อบจ.นนทบุรีกับชุมชนโดยรอบในอนาคต
(3) จังหวัดใกล้เคียงที่ตั้งอยู่ในเขตปริมณฑลก็มีอัตราความเป็นเมืองสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกันส่งผลให้องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่งของจังหวัดใกล้เคียงขาดแคลนสถานที่กำจัดขยะจึงจำเป็นต้องขอใช้บริการกำจัดขยะ
ของศูนย์กำจัดมูลฝอยของ อบจ.นนทบุรี ทำให้เพิ่มความกดดันในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนซึ่งมีพื้นที่
หลุมกลบขยะจำกัด
(4) อย่างไรก็ตาม อบจ.นนทบุรีใช้ระยะเวลา 14 ปี ในการจัดทำและผลักดันโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าจากขยะ
โดยประสบปัญหาความล่าช้าจากกระบวนการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ใช้เวลานาน ไม่สอดคล้อง
กับสถานการณ์ปัญหาปริมาณขยะมูลฝอยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

4) ปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของศูนย์กำจัดมูลฝอยของ อบจ.นนทบุรี
ประกอบด้วย
(1) ที่ตั้งของศูนย์กำจัดมูลฝอยของ อบจ.นนทบุรีอยู่ในเขตปริมณฑลซึ่งมีอัตราความเป็นเมืองสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทำให้มีปริมาณขยะมูลฝอยเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale)
ในการลงทุนพัฒนาโรงไฟฟ้าจากขยะมูลฝอย
(2) ผู้นำของ อบจ.นนทบุรีมีวิสัยทัศน์และมีการผลักดันอย่างต่อเนื่องเพื่อการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการ
จัดการขยะมูลฝอย
(3) มีการส่งเสริมความสัมพันธ์อย่างเกื้อกูลระหว่างศูนย์กำจัดมูลฝอยของ อบจ.นนทบุรี และชุมชนโดยรอบศูนย์
กำจัดมูลฝอยที่เสียสละให้ใช้พื้นที่เป็นสถานที่กำจัดขยะ เช่น การสนับสนุนการก่อสร้างถนนในชุมชน สนับสนุน
งบประมาณร้อยละ 10 ของค่ากำจัดขยะให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลคลองขวางเพื่อใช้ประโยชน์ในการพัฒนา
ชุมชน การจัดให้มีโครงการฝึกอบรมและดูงานขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการส่งเสริมการจ้างงานในท้องถิ่น เป็นต้น
(4) อบจ.นนทบุรีมีความสัมพันธ์กับ อปท.ในจังหวัดนนทบุรีอย่างใกล้ชิด และมีการกำหนดแนวทางความร่วมมือใน
การจัดการปัญหาขยะมูลฝอยไปในทิศทางเดียวกันโดยมีการจัดทำบันทึกความเข้าใจในการบริหารจัดการขยะ
ระหว่าง อบจ.นนทบุรีกับทุก อปท.ในจังหวัดนนทบุรี

1.6 ตัวอย่างการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนที่ดีและยั่งยืนระดับเมืองในประเทศไทยและต่างประเทศ
การคัดเลือกเมืองตัวอย่างที่มีการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนที่ดีและยั่งยืนในประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 5 เมือง
โดยจำแนกเมืองออกเป็น 3 ขนาด และกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกตามขนาดของเมือง คือ (1) เมืองขนาดใหญ่
คัดเลือกจำนวน 1 เมืองคือเทศบาลนครนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ (2) เมืองขนาดกลางคัดเลือกจำนวน

54

2 เมืองคือเลือกเทศบาลเมืองทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช และเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ และ
(3) เมืองขนาดเล็กคัดเลือกจำนวน 2 เมืองคือ เทศบาลตำบลเขาพระงาม จังหวัดลพบุรี และเทศบาลตำบลกำแพง
จังหวัดสตูล โดยแต่ละเมืองต้องเคยได้รับรางวัลการจัดการสิ่งแวดล้อมด้านการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน
หรือรางวัลด้านบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนจากองค์กรอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้สามารถถอดบทเรียนการเป็น
ตัวอย่างที่ดีในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนระดับเมือง
จากการวิเคราะห์ปัจจัยแห่งความสำเร็จของเทศบาลตัวอย่างทั้ง 3 ขนาด จำนวน 5 เมืองที่มีการบริหารจัดการขยะ
มูลฝอยชุมชนอย่างยั่งยืนพบว่ามีปัจจัยที่มีความคล้ายคลึงกัน (Common Success Factors) ได้แก่
มีกลไกการบริหารจัดการที่มีการประสานความร่วมมือระหว่างเทศบาล ชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ
ภายในจังหวัดอย่างใกล้ชิด มีการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนตั้งแต่ต้นทางคือระดับครัวเรือนจนถึงโรงคัดแยก
ขยะมูลฝอยชุมชนของเทศบาล เทศบาลมีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และมีความมุ่งมั่นในการกำหนดนโยบายมุ่งสู่
การเป็นเมืองปลอดขยะมูลฝอยชุมชนและการขับเคลื่อนการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่างจริงจังและเป็นรูปรรม
การได้รับการสนับสนุนทั้งทางด้านวิชาการและงบประมาณสนับสนุนจากหน่วยงานส่วนกลางผ่านสำนักงาน
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของจังหวัด และการมีพื้นที่และสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนเป็นของ
เทศบาลเองรวมทั้งมีบุคลากรที่รับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมโดยตรงทำให้สามารถดำเนินการจัดการขยะมูลฝอย
ชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
1.6.1 ตัวอย่างเมืองที่มีการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนที่ดีและยั่งยืนในประเทศไทย
การคัดเลือกเมืองตัวอย่างที่มีการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนที่ดีและยั่งยืนในประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 5 เมือง
โดยกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกตามขนาดของเมือง คือ (1) เมืองขนาดใหญ่คัดเลือกจำนวน 1 เมืองคือเทศบาล
นครนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ (2) เมืองขนาดกลางคัดเลือกจำนวน 2 เมืองคือเทศบาลเมือง-
ทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช และเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ และ (3) เมืองขนาดเล็กคัดเลือก
จำนวน 2 เมืองคือ เทศบาลตำบลเขาพระงาม จังหวัดลพบุรี และเทศบาลตำบลกำแพง จังหวัดสตูล โดยแต่ละเมือง
ต้องเคยได้รับรางวัลการจัดการสิ่งแวดล้อมด้านการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน หรือรางวัลด้านบริหารจัดการ
ขยะมูลฝอยชุมชนจากองค์กรอย่างใดอย่างหนึ่งหรือจากองค์กรระหว่างประเทศเพื่อให้สามารถถอดบทเรียนการ
เป็นตัวอย่างที่ดีในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนระดับเมือง โดยมีรายละเอียดการบริหารจัดการขยะมูลฝอย
ชุมชนของเมืองตัวอย่างดังนี้

55

1) เมืองขนาดใหญ่: เทศบาลนครนครสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์
มีพื้นที่ทั้งหมด 27.87 ตร.กม. เมื่อ พ.ศ. 2561 มีจำนวนประชากรรวมทั้งสิ้น 83,045 คน จำนวน 18,814
ครัวเรือน มีความหนาแน่นของประชากรเฉลี่ย 2,980 คน/ตร.กม. สภาพภูมิประเทศของเมืองพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็น
ที่ราบลุ่มโดยมีภูเขาขนาดเล็กอยู่ตอนกลางได้แก่ เขากบ มีแม่น้ำปิงและแม่น้ำน่านไหลมารวมกันบริเวณปากน้ำโพ
เป็นสถานที่เริ่มต้นของแม่น้ำเจ้าพระยา ประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพค้าขาย รับจ้าง รับราชการ และรับจ้างด้านการ
บริการ
รางวัลที่ได้รับ จำนวน 2 รางวัลจากกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมประกอบด้วย (1) รางวัลชนะเลิศ
เทศบาลด้านสิ่งแวดล้อมยั่งยืนยอดเยี่ยมระดับประเทศเมื่อ พ.ศ. 2562 และ (2) รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1
เทศบาลน่าอยู่อย่างยั่งยืนระดับประเทศ พ.ศ.2562
รูปแบบการจัดการ เทศบาลนครนครสวรรค์มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าร่วมกลุ่มเพื่อการกำจัด
ขยะมูลฝอยชุมชนจำนวน 51 แห่ง ปัจจุบันมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำขยะมูลฝอยชุมชนที่เก็บขนได้มาทิ้งร่วม
ในสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยแบบถูกหลักสุขาภิบาลของเทศบาลนครนครนครสวรรค์จำนวน 22 แห่ง โดยมีปริมาณ
ขยะมูลฝอยชุมชนเข้ารับการกำจัดรวมทั้งสิ้นจำนวน 255 ตันต่อวัน โดยเป็นขยะมูลฝอยชุมชนที่เกิดจากพื้นที่
เทศบาลนครนครสวรรค์จำนวน 150 ตัน/วัน และจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นๆจำนวน 105 ตัน/วัน
มีสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนจำนวน 1 แห่ง มีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 266 ไร่ ปัจจุบันเทศบาลนครนครสวรรค์
มีรถเก็บขยะมูลฝอยชุมชนรวมทั้งสิ้น 16 คันซึ่งมี 2 แบบคือแบบอัดท้ายและแบบอัดข้าง โดยรถแบบอัดท้าย
มีขนาดความจุ 11 ลูกบาศก์เมตรจำนวน 5 คัน ขนาดความจุ 10 ลูกบาศก์เมตรจำนวน 9 คัน และขนาดความจุ
5 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 2 คัน
กลไกการดำเนินงาน การจัดการบุคลากร (Man) ด้วยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนทั้งจากภาครัฐ
ภาคเอกชน และชุมชน เช่น การรณรงค์ให้ประชาชนช่วยคัดแยกขยะมูลฝอยชุมชนก่อนจะนำไปทิ้งในรถขน
ขยะมูลฝอยของเทศบาลนครสวรรค์ การจัดการทรัพยากรหรือวัสดุ (Material) มีระบบรถเก็บขยะมูลฝอยอัจฉริยะ
ด้วยการใช้เทคโนโลยี การจัดการงบประมาณ (Money) ใช้งบประมาณของเทศบาลนครนครสวรรค์เป็นหลัก
การบริหารจัดการ (Management) ด้วยการร่วมกันทั้งจังหวัดนครสวรรค์ในการรณรงค์“แยกก่อนทิ้ง”เพื่อการ
สร้างการรับรู้การมีส่วนร่วมในการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน รวมทั้งการสร้างความเข้าใจในการบริหารจัดการ
ขยะมูลฝอยชุมชนให้ถูกต้องตั้งแต่ต้นทาง กลางทางและปลายทางอย่างแท้จริงตั้งแต่ระดับครัวเรือน ระดับหน่วย
ธุรกิจของภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐ

56

2) เมืองขนาดกลาง มีจำนวน 2 เมืองประกอบด้วย
(1) เทศบาลเมืองทุ่งสง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช
มีพื้นที่ 7.17 ตารางกิโลเมตร เมื่อ พ.ศ. 2561 จำนวนประชากรทั้งสิ้น 30,513 คน จำนวนทั้งสิ้น 11,166
ครัวเรือน มีความหนาแน่นของประชากรเฉลี่ยจำนวน 4,256 คนต่อ 1 ตารางกิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศของ
เมืองเป็นที่ราบเชิงเขา มีภูเขาล้อมรอบ มีที่ราบสลับเขา ภูเขาเตี้ย ได้แก่ ภูเขาแจ่ม ภูเขาซักชุมพล ภูเขาปรีดี และ
ภูเขาราบ เป็นต้นน้ำของสายน้ำขนาดเล็กไหลผ่านเขตพื้นที่เทศบาลเมืองทุ่งสง ได้แก่ คลองท่าเลา คลองตม คลอง
ท่าแพ และคลองท่าโหลน กิจกรรมเศรษฐกิจหลักของโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่คือ โรงงานโม่หิน
อุตสาหกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ โรงน้ำแข็ง และอุตสาหกรรมขนาดเล็กและอุตสาหกรรมในครัวเรือน เช่น
การทำน้ำดื่มบรรจุขวด การทำเส้นก๋วยเตี๋ยว และการทำเส้นขนมจีนจำนวน 5 โรง เป็นต้น
รางวัลที่ได้รับ เทศบาลเมืองทุ่งสงได้รับรางวัลพระปกเกล้าทองคำสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มี
ความเป็นเลิศ ด้านการส่งเสริมเครือข่ายรัฐ เอกชนและประชาสังคมประจำปี พ.ศ. 2555
รูปแบบการจัดการ เทศบาลเมืองทุ่งสงมีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนรวมทั้งสิ้น 41.26 ตัน/วัน อัตราการ
ผลิตขยะมูลฝอยชุมชนของเมืองจำนวน 1.60 กิโลกรัมต่อคนต่อวัน โดยสามารถจัดการได้ทั้งหมดโดยไม่มี
ขยะมูลฝอยชุมชนตกค้างในเมือง มีรถขนขยะมูลฝอยชุมชนจำนวน 5 คัน เทศบาลเมืองทุ่งสงจำกัดขยะมูลฝอย
ชุมชนเองจำนวน 16.25 ตัน/วัน ปริมาณที่เหลือส่งไปกำจัดที่บ่อกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนของภาคเอกชนจำนวน
25 ตันต่อวัน สถานที่กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนของเทศบาลเมืองทุ่งสงมีพื้นที่ 85 ไร่ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 6 ตำบลควนกรวด
อำเภอทุ่งสง สำหรับขยะมูลฝอยชุมชนที่เทศบาลเมืองทุ่งสงดำเนินการกำจัดเองโดยมีการนำไปผลิตเป็นเชื้อเพลิง
จำนวน 13 ตัน/วัน ผลิตเป็นแก๊สชีวภาพจำนวน 1.10 ตัน/วัน ผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพจำนวน 50 กก./วัน
จำหน่ายเป็นขยะมูลฝอยรีไซเคิลจำนวน 4 ตัน/เดือน เมื่อ พ.ศ. 2559 เริ่มดำเนินงานโครงการบริหารจัดการ
ขยะมูลฝอยแบบผสมผสานตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งสามารถผลิตปุ๋ยจากสิ่งปฏิกูลได้จำนวน
22.40 ตัน/ปี ผลิตถ่านไม้จากไม้มวลเบาและกะลามะพร้าวจำนวน 700 กิโลกรัม/ปี ผลิตถ่านอัดแท่งจำนวน
619 กิโลกรัม/ปี ผลิตน้ำหมักชีวภาพได้ปริมาณ 19,700 ลิตร/ปี เทศบาลเมืองทุ่งสงกำหนดจุดตั้งถังขยะมูลฝอยที่
มีพิษแยกออกจากถังขยะมูลฝอยชุมชนทั่วไป
กลไกการดำเนินงาน การจัดการบุคลากร (Man) โดยให้เจ้าหน้าที่ของเทศบาลเข้าไปดูแลภายใต้ความคิด
“ผู้นำต้องเป็นผู้ทำให้เป็นแบบอย่าง” ซึ่งเมื่อ พ.ศ.2558 เทศบาลเมืองทุ่งสงได้ขอความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่ของกอง

57

ช่างสุขาภิบาลเข้าไปให้ความช่วยเหลือชุมชนในการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนโดยใช้วิธีการเพิ่มนโยบาย
การจัดการขยะมูลฝอยชุมชนไว้ในระเบียบราชการของเทศบาลเมืองทุ่งสง ซึ่งระเบียบราชการนี้เป็นภารกิจที่เพิ่ม
ขึ้นมา ดังนั้นเจ้าหน้าที่ระดับบริหารจึงต้องลงลายมือชื่อเพื่อรับรองด้วยเพื่อแบ่งเบาภาระงานของเจ้าหน้าที่ของ
กองช่างสุขาภิบาล การจัดการทรัพยากรหรือวัสดุ (Material) โดยให้มีการดำเนินการคัดแยกขยะมูลฝอยชุมชน
เริ่มต้นที่สำนักงานเทศบาลเมืองทุ่งสง การจัดการงบประมาณ (Money) ใช้งบประมาณบางส่วนซึ่งเป็นงบประมาณ
ประจำของเทศบาลเมืองทุ่งสง ได้แก่ เงินเดือน และค่าจ้าง และรายได้บางส่วนเกิดจากการรับซื้อขยะมูลฝอยจาก
ประชาชนและการขายขยะมูลฝอยชุมชนของเทศบาลเมืองทุ่งสอง การบริหารจัดการ (Management)
โดยเครือข่ายความร่วมมือระหว่างชุมชนและเจ้าหน้าที่ของเทศบาลเมืองทุ่งสงทั้งหมดภายใต้โครงการ
“พลิกถุงพลิกโลก”
(2) เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์
มีพื้นที่ 16.96 ตารางกิโลเมตร เมื่อ พ.ศ. 2561 มีจำนวนประชากรรวมทั้งสิ้น 33,540 คน จำนวนทั้งสิ้น
15,466 ครัวเรือน มีความหนาแน่นของประชากรจำนวน 2,010 คน/1 ตารางกิโลเมตร ประชากรในเขตเทศบาล
เมืองกาฬสินธุ์ส่วนใหญ่มีอาชีพทำการเกษตรกรรม การค้าและการบริการ
รางวัลที่ได้รับ จำนวน 2 รางวัลประกอบด้วย (1) รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เทศบาลน่าอยู่อย่างยั่งยืน
ระดับประเทศ พ.ศ.2562 จากกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และ (2) รางวัลอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมเมืองที่
ยั่งยืน พ.ศ. 2560 ประเภทจัดการขยะสีเขียว ณ เมืองบันดาร์เสรีเบกาวัน ประเทศบรูไน
รูปแบบการดำเนินงาน เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์เป็นคลัสเตอร์หลักในการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนของ
จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อพ.ศ.2561 มีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนที่ได้รับการกำจัดในระบบกำจัดขยะมูลฝอยชุมชน
ของเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์รวมทั้งสิ้น 214.15 ตัน/วัน โดยเป็นปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนทั้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่เขต
เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์และนำมาจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเครือข่ายอีกจำนวน 56 แห่ง ศูนย์กำจัด
ขยะมูลฝอยชุมชนของเทศบาลมีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 109 ไร่ ตั้งอยู่ที่บ้านนาขาม ต.นาจารย์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ การ
กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนใช้วิธีฝังกลบอย่างถูกสุขาภิบาลและทำเป็นปุ๋ยหมักชีวภาพ เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์
มีรถขนขยะมูลฝอยชุมชนรวมทั้งสิ้น 11 คัน แบ่งออกเป็นขนาด 5 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 1 คัน ขนาด 8 ลูกบาศก์
เมตร จำนวน 2 คัน ขนาด 9 ลลูกบาศก์เมตร จำนวน 2 คัน และขนาด 12 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 6 คัน รวมทั้งมี
โรงคัดแยกขยะมูลฝอยชุมชนและโรงบำบัดสิ่งปฎิกูล

58

กลไกการดำเนินงาน การจัดการบุคลากร (Man) โดยการส่งเสริมความร่วมมือของภาคีเครือข่าย เช่น กลุ่มคน
รักถุง กลุ่มชุมชนไร้ถัง อาสาสมัครสาธารณสุข กองทุนจิตอาสาเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อม การจัดการทรัพยากรหรือ
วัสดุ (Material) “แปลงขยะมูลฝอยชุมชนให้เป็นเงิน”การจัดการงบประมาณ (Money) ใช้งบประมาณของ
เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ร่วมกับเงินทุนหมุนเวียนของการบริหารขยะมูลฝอยชุมชน การบริหารจัดการ
(Management) ใช้การบริหารของเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ร่วมกับการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายให้เกิดผลอย่าง
เป็นรูปธรรมจนสามารถลดปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนได้ถึง 10 ตัน/วัน

3) เมืองขนาดเล็ก มีจำนวน 2 เมืองประกอบด้วย
(1) เทศบาลตำบลเขาพระงาม อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี
มีพื้นที่ 70.97 ตารางกิโลเมตร สภาพภูมิประเทศของเมืองเป็นที่ราบสลับเชิงเขา จำนวนประชากรทั้งสิ้น 27,075
คน ความหนาแน่นของประชากรจำนวน 381.50 คน/1 ตารางกิโลเมตร มีทั้งสิ้นจำนวน 10 หมู่บ้าน มีรถขน
ขยะมูลฝอยชุมชนจำนวน 3 คัน ประชาชนในเมืองส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขาย เกษตรกรรม และรับราชการ
สถานที่สำคัญของเมืองคือกองพันทหารขนส่งซ่อมบำรุงเครื่องบินทหารบก ตำบลเขาพระงาม อำเภอเมืองลพบุรี

รางวัลที่ได้รับ จำนวน 3 รางวัลประกอบด้วย (1) รางวัลชมเชยเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืนพ.ศ.2562
จากกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (2) รางวัลที่ 2 สาขานวัตกรรมและความเป็นเลิศในการบริการด้านสุขภาพ
ของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกจากผลงานโครงการบ้านต้นแบบสุขภาวะผู้ป่วยเรื้อรังและผู้สูงอายุ และ (3) รางวัล
การบริการสาธารณะขององค์การสหประชาชาติ (United Nations Public Service Awards: UNPSA)
พ.ศ.2560 เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2560 ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์

รูปแบบการจัดการ การใช้ชุมชนของครอบครัวในค่ายทหารซึ่งได้มีการดำเนินการร่วมกับเทศบาลตำบลเขาพระงาม
ตามแผนปฏิบัติการท้องถิ่น 21 (LA 21) จัดการขยะมูลฝอยชุมชนด้วยวินัยจนประสบความสำเร็จตั้งแต่บ้านเรือน
จัดจุดคัดแยกขยะมูลฝอยชุมชน และโรงคัดแยกขยะมูลฝอยชุมชน ซึ่งชุมชนนำร่องเป็นชุมชนที่ 24 ของครอบครัว
ทหารในกองพันทหารขนส่งซ่อมบำรุงเครื่องบินทหารบกเป็นพื้นที่อยู่ในเขตของเทศบาล เดิมมีปัญหาขยะมูลฝอย
ชุมชนกระจัดกระจายเกิดจากปัญหาจำนวนถังขยะมูลฝอยมีจำนวนน้อย จึงขอให้เทศบาลตำบลเขาพระงามจัดหา
ถังขยะมูลฝอยชุมชนมาให้และเริ่มดำเนินการจัดบริเวณสถานที่ทิ้งขยะมูลฝอยรวม โดยคัดแยกออกเป็นประเภท
ต่างๆ ขยะมูลฝอยชุมชนที่สามารถรีไซเคิลได้จะนำไปรวมที่โรงคัดแยกขยะเพื่อขายให้กับผู้รับซื้อเอกชน ส่วนขยะ
อินทรีย์จะนำไปหมักทำปุ๋ยใส่แปลงปลูกผักของกองพันฯ จนชุมชนนี้สามารถเป็น “ต้นแบบของชุมชนการจัดการ
ขยะมูลฝอยชุมชนด้วยวินัย”เมื่อชุมชนนี้ทำได้สำเร็จจึงมีชุมชนอื่น ๆ ของเทศบาลตำบลเขาพระงามสมัครใจเข้า

59

ร่วมโครงการมากขึ้น โดยเป็นศูนย์เรียนรู้ในการขยายรูปแบบการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนด้วยวินัยและสมาชิก
ในชุมชนอื่นที่ผ่านการเรียนรู้จะนำไปปฏิบัติในชุมชนของตนเองต่อไป
กลไกการดำเนินงาน การจัดการบุคลากร (Man) มีกลุ่มแม่บ้านและประชาชนในชุมชนให้ความร่วมมืออย่างมีวินัย
การจัดการทรัพยากรหรือวัสดุ (Material) เทศบาลได้จัดหาทรัพยากรหรือความรู้เข้ามาอบรมให้แก่ชุมชนและ
สนับสนุนทรัพยากรตามที่มีการประชุมให้ความคิดเห็นร่วมกัน การจัดการงบประมาณ (Money) ได้จากการขาย
ขยะมูลฝอยชุมชนและการสนับสนุนจากเทศบาลตำบลเขาพระงาม การบริหารจัดการ (Management) บริหาร
จัดการโดยกลุ่มแม่บ้านชุมชนที่อาศัยอยู่ในกองพันทหารขนส่งซ่อมบำรุงฯ ซึ่งดำเนินการด้วยวินัยของครอบครัว
ทหารจนสามารถเป็นต้นแบบ “การจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่างมีวินัย” ทำให้ชุมชนอื่นของเทศบาลต้องการเข้า
ร่วมกับเทศบาลเพื่อเข้าโครงการการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่างมีวินัยและเป็นศูนย์เรียนรู้เพื่อถ่ายทอดความรู้
แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเผยแพร่แนวทางการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของเทศบาลตำบลเขาพระงามสำหรับบุคคล
หรือกลุ่มผู้สนใจ
(2) เทศบาลตำบลกำแพง อำเภอละงู จังหวัดสตูล
มีพื้นที่ 2.61 ตารางกิโลเมตร เมื่อปี พ.ศ. 2561 มีจำนวนประชากรรวมทั้งสิ้น 4,992 คน จำนวนทั้งสิ้น
2,765 ครัวเรือน มีความหนาแน่นของประชากร 1,913 คนต่อ 1 ตารางกิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศของเมือง
เป็นที่ราบ มีคลองละงู คลองปากปิง และลำห้วยต่าง ๆ ไหลผ่าน ประชาชนในเมืองส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ
ค้าขาย เกษตรกรรม เช่น ทำนา ทำสวนยางพารา ทำสวนผลไม้ เป็นต้น และรับจ้าง เป็นต้น
รางวัลที่ได้รับ มีจำนวน 2 รางวัล ประกอบด้วย (1) รางวัลชนะเลิศเทศบาลด้านสิ่งแวดล้อมยั่งยืน
(ยอดเยี่ยม) ระดับประเทศ พ.ศ.2562 ประเภทเทศบาลขนาดเล็ก และ (2) รางวัลพระปกเกล้าองค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นที่มีความเป็นเลิศด้านการเสริมสร้างสันติสุขและความสมานฉันท์ประจำปี 2558 ณ ศูนย์ประชุม
สหประชาชาติ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2558
รูปแบบการจัดการ เดิมการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนดำเนินการด้วยวิธีที่ไม่ถูกสุขลักษณะโดยใช้วิธีเทกอง
ไว้บนพื้นดินซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมรอบข้างศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยแบบครบวงจร โดยจังหวัดสตูล
มีศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนจำนวน 2 แห่ง คือศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนของเทศบาลเมืองสตูล
และศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนของเทศบาลตำบลกำแพงซึ่งตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 8 บ้านนาพญา ตำบลละงู อำเภอละงู
จังหวัดสตูล มีพื้นที่ 70 ไร่ 1 งาน ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจำนวน 178.78 ล้านบาท องค์การบริหารส่วน

60

จังหวัดสตูลจำนวนเงิน 9.93 ล้านบาท และเทศบาลตำบลกำแพงร่วมสมทบงบประมาณจำนวนเงิน 9.93 ล้านบาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 198.65 ล้านบาท เพื่อการพัฒนาศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยครบวงจรโดยเปิดให้บริการอย่างเป็น
ทางการเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2559 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและบูรณาการการจัดบริการ
สาธารณะในการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนร่วมกันระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เพื่อประหยัด
งบประมาณในการจัดหาสถานที่และระบบกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนของแต่ละท้องถิ่น เสริมสร้างกระบวนการ
ลดและคัดแยกขยะมูลฝอยชุมชนเพื่อนำกลับมาใช้ในประเทศ และเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือน ชุมชน
และท้องถิ่น จากปัญหาการส่งกลิ่นรบกวนและเป็นแหล่งเพาะพันธุ์และแพร่เชื้อโรคที่อาจส่งผลกระทบต่อ
สิ่งแวดล้อมในด้านอื่นๆ เช่น ผลกระทบต่อน้ำใต้ดินในบริเวณดังกล่าว ปัญหาเหล่านี้หากปล่อยทิ้งไว้ยาวนานจะยิ่ง
ทวีความรุนแรงมากขึ้นและคาดว่าปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในระยะ 10-20 ปีข้างหน้า
สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสตูลและหน่วยงานท้องถิ่นในจังหวัดสตูลได้ประชุม
หารือเพื่อการแบ่งกลุ่มพื้นที่รองรับการจัดตั้งศูนย์กลางกำจัดขยะมูลฝอยชุมชน และกำหนดให้ศูนย์กำจัด
ขยะมูลฝอยชุมชนของเทศบาลตำบลกำแพงเป็น 1 ใน 2 ของศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนของจังหวัดสตูล โดยได้มี
การลงนามในบันทึกความตกลงความร่วมมือกับท้องถิ่นเทศบาลตำบลกำแพงเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2548
และต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2551 ได้จัดทำการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบระบบกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนและจัดทำ
โครงการขอรับงบประมาณสนับสนุนผ่านแผนปฏิบัติการเพื่อจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมระดับจังหวัด และได้รับ
งบประมาณจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (งบกระจายอำนาจ) ประจำปี
2556 เพื่อการก่อสร้างศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลครบวงจรระยะที่ 1 งบประมาณผูกพัน 3 ปี
(พ.ศ.2556-2558) วงเงินงบประมาณ 215.59 ล้านบาท โดยเน้นการประสานความร่วมมือระหว่างเทศบาลตำบล
กำแพง หน่วยงานในท้องถิ่น และหน่วยงานระดับจังหวัดของจังหวัดสตูล โดยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อมจังหวัดสตูลได้กำหนดให้มีมาตรฐานการจัดการอย่างเป็นระบบเพื่อให้สามารถบริหารจัดการเครือข่าย
ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่นำขยะมูลฝอยชุมชนมาใช้บริการกำจัดที่ศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนของ
เทศบาลตำบลกำแพง
กลไกการดำเนินงาน การจัดการบุคลากร (Man) เริ่มจากการนำของผู้บริหารเทศบาลในการดำเนิน
โครงการ “ปลอดถังขยะ” และการสร้างความเข้าใจให้กับแกนนำชุมชนด้วยการมีส่วนร่วมหารือรูปแบบสภากาแฟ
ที่เทศบาลตำบลกำแพง ทำให้มีการรับรู้และสามารถทำความเข้าใจกันตั้งแต่แรก การจัดการทรัพยากรหรือวัสดุ
(Material) มีการเก็บถังขยะมูลฝอยชุมชนที่ตั้งตามถนนซึ่งต้องมีการถามความคิดเห็นจากประชาชนและรับการ

61

ร้องเรียนเรื่องความไม่สะดวกเมื่อไม่มีถังขยะ การจัดการงบประมาณ (Money) ใช้งบประมาณของเทศบาลตำบล
กำแพงทั้งหมด การบริหารจัดการ (Management) ด้วยการกำหนดนโยบายที่ชัดเจนของผู้บริหารและร่วมลงมือ
ปฏิบัติและส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นโดยผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ ศูนย์รับร้องเรียน
โครงการปลอดขยะมูลฝอย การเปิดสายด่วน (Hotline) ตลอด 24 ชั่วโมง การเปิดตู้รับร้องทุกข์ในตลาด การส่ง
อาสาสมัครสาธารณสุขไปเคาะตามบ้านพร้อมสอบถามความคิดเห็นเป็นรายบุคคล ซึ่งเมื่อดำเนินการได้ระยะหนึ่ง
ประชาชนเข้าใจและให้ความร่วมมือโดยเฉพาะแกนนำชุมชน ขยะมูลฝอยชุมชนจะได้รับการคัดแยกตั้งแต่ระดับ
ครัวเรือนก่อนจะนำส่งให้กับรถขนขยะของเทศบาลที่มีการนัดหมายเวลาจัดเก็บขยะมูลฝอยชุมชน

• ปัจจัยแห่งความสำเร็จที่คล้ายคลึงกัน (Common Success Factors) ของเทศบาลตัวอย่าง
ทั้ง 5 เมืองที่มีการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่างยั่งยืน
จากการวิเคราะห์ปัจจัยแห่งความสำเร็จของเทศบาลตัวอย่างทั้ง 5 เมืองที่มีการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชน
อย่างยั่งยืนพบว่ามีปัจจัยที่มีความคล้ายคลึงกัน ได้แก่
➢ มีกลไกการบริหารจัดการที่มีการประสานความร่วมมือระหว่างเทศบาล ชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ต่าง ๆ ภายในจังหวัดอย่างใกล้ชิด
➢ มีการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนตั้งแต่ต้นทางคือระดับครัวเรือนจนถึงโรงคัดแยกขยะมูลฝอยชุมชน
ของเทศบาลตัวอย่าง
➢ มีความเป็นผู้นำของผู้บริหารของเทศบาลตัวอย่างในการกำหนดนโยบายมุ่งสู่การเป็นเมืองปลอด
ขยะมูลฝอยชุมชน และการขับเคลื่อนการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่างจริงจังและเป็นรูปรรม เช่น
เทศบาลเมืองทุ่งสง ที่บุคลากรของทั้งเทศบาลต้องเป็นพี่เลี้ยงเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยที่ถูกต้องให้
แต่ละชุมชน เป็นต้น
➢ การได้รับการสนับสนุนทั้งทางด้านวิชาการและงบประมาณสนับสนุนจากหน่วยงานส่วนกลางผ่าน
สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของจังหวัด
➢ มีพื้นที่และสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนเป็นของเทศบาลเองและมีบุคลากรที่รับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อม
โดยตรงทำให้สามารถดำเนินการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

1.6.2 ตัวอย่างเมืองที่มีการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนที่ดีและยั่งยืนในต่างประเทศ
ประกอบด้วย 2 เมืองคือ (1) เมืองลุบลิยานา ซึ่งเมืองหลวงของประเทศสโลวีเนียซึ่งบรรลุเป้าหมายเป็นเมืองที่
ปลอดขยะมูลฝอยชุมชน โดยมีการขับเคลื่อนอย่างเป็นขั้นตอนเริ่มจากการคัดแยกขยะมูลฝอยชุมชน
เมื่อ พ.ศ.2545 การจัดเก็บขยะมูลฝอยที่เน่าเสียได้จากแต่ละครัวเรือน และแนวคิดนี้จะกลายเป็นข้อบังคับใน
ภูมิภาคยุโรปใน พ.ศ.2566 ปัจจุบันอัตราการรีไซเคิลเพิ่มขึ้นเป็น 68 % และขยะมูลฝอยฝังกลบลดลง 80 %

62

ทำให้ลุบลิยานากลายเป็นเมืองหลวงที่มีการรีไซเคิลเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคยุโรป และเป็นเมืองหลวงแห่ง
แรกของภูมิภาคยุโรปที่มุ่งสู่เป้าหมายเมืองปลอดขยะมูลฝอยชุมชน (Zero Waste) และ (2) เมืองคามิคาซึ
(Kamikatsu) ซึ่งเป็นเมืองขนาดเล็กของประเทศญี่ปุ่นที่มีการแยกขยะมูลฝอยมากถึง 45 ประเภท และมีการ
วางแผนการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่างเป็นขั้นตอนเช่นเดียวกัน โดยเมื่อ พ.ศ. 2546 พวกเขาได้นำแนวคิด
ให้เป็นเมืองปลอดขยะมูลฝอย (Zero Waste) และปัจจุบันชาวเมืองคามิคาซึได้ดำเนินการก้าวหน้าแล้ว
80 % โดยไม่มีรถขนขยะมูลฝอยที่เก็บรวบรวมขยะจากที่อยู่อาศัย หากแต่ประชาชนต้องนำขยะมูลฝอยชุมชน
ไปส่งที่ศูนย์รีไซเคิลขยะมูลฝอยชุมชนด้วยตนเอง ในที่สุดเมืองเล็กๆนี้ก็มีความชำนาญด้านการรีไซเคิลทำให้มี
ขยะมูลฝอยชุมชนเหลือเพียง 20 % เท่านั้นที่นำไปฝังกลบ และพวกเขาหวังว่าจะเป็นเมืองปลอดขยะมูลฝอย
ชุมชนภายใน พ.ศ.2563 โดยมีรายละเอียดการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่างยั่งยืนของเมืองตัวอย่างใน
ต่างประเทศดังนี้
1) เมืองปลอดขยะมูลฝอยชุมชน: เมืองลุบลิยานา เมืองหลวงของประเทศสาธารณัฐสโลวีเนีย
เมื่อ พ.ศ. 2559 เมืองลุบลิยานา (Ljubljana) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศสโลวีเนียมีประชากรจำนวน
288,307 คน ในระยะ 15 ปีที่ผ่านมาขยะมูลฝอยชุมชนในเมืองลุบลิยานาถูกกำจัดด้วยวิธีฝังกลบ แต่หากเป็นไป
ตามแผนภายใน พ.ศ. 2568 ขยะมูลฝอยชุมชนทั้งหมดอย่างน้อยร้อยละ 75 จะถูกรีไซเคิล เนื่องจากการฝังกลบ
เป็นวิธีการจัดการขยะมูลฝอยที่ไม่คุ้มค่าเพราะใช้ปริมาณพื้นที่มากและมีการทิ้งขยะมูลฝอยชุมชนซึ่งเป็นทรัพยากร
ไปแบบเสียเปล่า โดยเมืองลุบลิยานาเป็นเมืองหลวงแห่งแรกในยุโรปที่ตั้งเป้าสู่เมืองปลอดขยะมูลฝอยชุมชน
(Zero-Waste) จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ.2545 มีการแยกขยะมูลฝอยชุมชนอย่างจริงจังโดยจำแนกออกเป็น
กระดาษ แก้ว และขยะอื่นๆ ในถังขยะมูลฝอยชุมชนข้างถนน 4 ปีต่อมาเมืองเริ่มเก็บขยะมูลฝอยที่ย่อยสลายได้
ในแต่ละครัวเรือน แนวคิดนี้จะกลายเป็นข้อบังคับในภูมิภาคยุโรปใน พ.ศ.2566 แต่เมืองลุบลิยานานำหน้าชาติอื่นๆ
เกือบ 20 ปี ผลลัพธ์ออกมาน่าสนใจโดยเมื่อ พ.ศ.2551 เมืองลุบลิยานาสามารถรีไซเคิลขยะมูลฝอยได้ 29.30 %
ปัจจุบันอัตราการรีไซเคิลเพิ่มขึ้นเป็น 68 % และขยะมูลฝอยฝังกลบลดลง 80 % ทำให้เมืองลุบลิยานากลายเป็น
เมืองหลวงที่มีการรีไซเคิลเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคยุโรป ปัจจุบันเมืองหลวงของสาธารรัฐสโลวีเนีย
มีขยะมูลฝอยชุมชนเหลือทิ้งรายปีปริมาณ115 กิโลกรัมต่อคน โดยเมืองที่มีขยะมูลฝอยชุมชนน้อยที่สุด
คือเมืองเทรวิโซ (Treviso) ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ในอิตาลีที่มีขยะมูลฝอยชุมชนเหลือทิ้งปริมาณ 59 กิโลกรัมต่อคน

ศูนย์จัดการขยะมูลฝอยชุมชนระดับภูมิภาค (Regional Centre for Waste Management: RCERO) จัดตั้งเมื่อ
พ.ศ. 2558 ปัจจุบันทำหน้าที่จัดการขยะมูลฝอยชุมชนในพื้นที่ 1 ใน 4 ของสโลวีเนีย โดยใช้ก๊าซธรรมชาติ
ในการผลิตความร้อนและไฟฟ้า ทำให้ขยะมูลฝอยชุมชนเหลือทิ้งร้อยละ 95 กลายเป็นวัสดุที่สามารถรีไซเคิลรวมทั้ง
สามารถทำเป็นก้อนเชื้อเพลิง ส่วนอีกร้อยละ 5 ถูกฝังกลบเป็นปุ๋ยคุณภาพดี เมืองลุบลิยานามีการจัดเก็บ
ขยะมูลฝอยชุมชนถึงหน้าบ้านเป็นเวลา มีศูนย์กลางทิ้งขยะมูลฝอยครัวเรือน 2 แห่งให้ประชาชนนำขยะมูลฝอย

63

มาทิ้งเองและยังต้องการสร้างเพิ่มอีกอย่างน้อย 3 แห่ง รวมไปถึงสถานที่ทิ้งขยะมูลฝอยขนาดเล็กในพื้นที่ประชากร
อาศัยอยู่หนาแน่นอีก 10 แห่ง นอกจากถังแยกขยะมูลฝอยที่ตั้งอยู่ทุกมุมถนนแล้วบริษัทจัดการขยะมูลฝอยชุมชน
โวก้า สนาก้า (Voka Snaga) ยังใช้น้ำฝนที่กักเก็บจากหลังคาที่ทำการองค์กรและน้ำยาทำความสะอาด
ที่ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้กับรถทำความสะอาดถนนในเมืองอีกด้วย สำหรับของที่ยังไม่เสียหายจะถูกนำ

ภาพที่ 1.2 การคัดแยกประเภทขยะมูลฝอยชุมชนภายในเมืองลุบลิยานา เมืองหลวงของประเทศสโลวีเนีย

ที่มา: https://waymagazine.org/zero-waste-at-ljublijana/ เข้าถึงเมื่อ 2 กรกฏาคม 2563
ภาพที่ 1.3 การคัดแยกประเภทขยะมูลฝอยชุมชนภายในเมืองลุบลิยานา เมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐ
สโลวีเนีย

ที่มา: https://waymagazine.org/zero-waste-at-ljublijana/ เข้าถึงเมื่อ 2 กรกฏาคม 2563

กลับไปใช้ มีการตรวจเช็ค ทำความสะอาด และขายเป็นสินค้ามือสองราคาถูก และเมืองลุบลิยานายังมีการ
ฝึกอบรมให้ประชาชนสามารถซ่อมแซมสิ่งของด้วยตนเอง โดยร้านปลอดขยะมูลฝอย (Zero Waste Stores)

64

กำลังเป็นกระแสที่ได้รับความนิยม และบริษัทจัดการขยะมูลฝอยชุมชนโวก้า สนาก้า ได้เริ่มทำตู้กดสินค้าปราศจาก
แพ็คเกจ รวมทั้งมีนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น กระดาษชำระที่รีไซเคิลจากกล่องนมและกล่องน้ำผลไม้ เป็นต้น
ภาพที่ 1.4 ตู้กดสินค้าประเภทนำบรรจุภัณฑ์มา

ที่มา: https://waymagazine.org/zero-waste-at-ljublijana/ เข้าถึงเมื่อ 2 กรกฏาคม 2563
2) เมืองคามิคาซึ (Kamikatsu) ซึ่งเป็นเมืองขนาดเล็กของประเทศญี่ปุ่นมีการคัดแยกขยะมูลฝอยชุมชน
มากถึง 45 ประเภท
ผู้อยู่อาศัยในเมืองคามิคาซึซึ่งเป็นเมืองขนาดเล็กที่มีประชากรมากกว่า 1,700 คน ตั้งอยู่บนภูเขาของเกาะชิโกะ
ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศญี่ปุ่นต้องแยกขยะมูลฝอยชุมชนออกเป็น 45 ประเภท โดยศูนย์เก็บขยะ
มูลฝอยมีถุงขยะแยกต่างหากสำหรับผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร กล่องโลหะ ฝาขวด
พลาสติก ขวดอลูมิเนียม กระป๋องเหล็ก กระป๋องสเปรย์ ไฟเรืองแสง และอื่นๆ เป็นต้น ก่อนหน้านี้เมืองคามิคาซึ
มีการจัดเก็บและกำจัดขยะมูลฝอยเช่นเดียวกับเมืองขนาดเล็กอื่นๆ ทั่วโลก โดยขยะมูลฝอยชุมชนเคยถูกทิ้ง
ในธรรมชาติและเผาที่บ้านแต่ขยะมูลฝอยที่เกิดจากการเผาไหม้ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกและเป็นมลพิษต่อ
สิ่งแวดล้อม ผู้คนในเมืองคามิคาซึจึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงแนวทางการกำจัดขยะมูลฝอยเมื่อ พ.ศ.2546 โดยพวก
เขาได้นำแนวคิดให้เป็นเมืองปลอดขยะมูลฝอย และปัจจุบันชาวเมืองคามิคาซึได้ดำเนินการก้าวหน้าแล้วร้อยละ 80
ในช่วงแรกเป็นเรื่องยากสำหรับทุกคนคือการล้างและการจัดเรียงถังขยะมูลฝอยจนกลายเป็นงานที่น่าเบื่อและ
เสียเวลา ทั้งขวดแก้วและพลาสติกต้องถูกปลดออกจากปากขวดและจัดเรียงตามสี ขวดพลาสติกสำหรับ
ซอสถั่วเหลืองและน้ำมันปรุงอาหารต้องเก็บแยกจากกัน สำหรับขวดที่เคยบรรจุน้ำแร่และชาเขียวต้องนำพลาสติก
หรือกระดาษพันรอบขวดออก หนังสือพิมพ์และนิตยสารต้องถูกจัดวางเป็นชุดเรียบร้อยและผูกมัดด้วยเชือกโดยไม่
มีรถบรรทุกขยะมูลฝอยชุมชนที่เก็บรวบรวมขยะจากที่อยู่อาศัย หากแต่ประชาชนต้องนำขยะมูลฝอยชุมชนไปส่งที่
ศูนย์รีไซเคิลด้วยตนเอง ซึ่งคนงานที่ศูนย์ฯจะเป็นผู้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าขยะมูลฝอยที่นำมามีการคัดแยกอย่าง
ถูกต้อง สำหรับเสื้อผ้าที่ใช้แล้ว เครื่องประดับและสิ่งของอื่นๆ ที่ผู้คนไม่ต้องการจะถูกเก็บไว้ที่ศูนย์รีไซเคิล
ขยะมูลฝอยชุมชนเพื่อใช้แลกกับสินค้าอื่นๆ และนำกลับไปใช้ใหม่

65

จากปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนซึ่งเคยเป็นปัญหาในวิถีชีวิตของชาวเมืองในคามิคาซึทำให้คนในเมืองเริ่มมองไปที่
การจัดการถังขยะมูลฝอยชุมชนด้วยมุมมองที่แตกต่างออกไป พวกเขาเริ่มตระหนักถึงสิ่งที่พวกเขาซื้อ วิธีที่พวกเขา
ใช้และวิธีจัดการสิ่งต่างๆ เจ้าของร้านแห่งหนึ่งในเมืองคามิคาซึกล่าวว่าตั้งแต่เริ่มโครงการเขาเริ่มซื้อของที่มีเฉพาะ
ในกล่องกระดาษแข็งเท่านั้นเพื่อให้กล่องสามารถนำไปใช้บรรจุสิ่งอื่นๆ ได้อีก ในที่สุดเมืองเล็กๆแห่งนี้ก็มีความ
ชำนาญด้านการรีไซเคิลทำให้มีขยะมูลฝอยชุมชนเหลือเพียงร้อยละ 20 เท่านั้นที่นำไปฝังกลบ และพวกเขาหวังว่า
จะเป็นเมืองปลอดขยะมูลฝอยชุมชนภายใน พ.ศ.2563
ภาพที่ 1.5 ตะกร้าคัดแยกขยะมูลฝอยชุมชนซึ่งถูกจำแนกออกเป็น 45 ประเภทของเมืองคามิคาซึ
ประเทศญี่ปุ่น

ที่มา: http://realmetro.com/kamikatsu-แยกขยะ/ เข้าถึงเมื่อ 2 กรกฏาคม 2563

1.7 สรุปการถอดบทเรียนและข้อค้นพบที่สำคัญจากการวิจัย
จากการศึกษาวิเคราะห์นโยบายการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน ภาพรวมการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในบริบท
ประเทศไทยและต่างประเทศ กฎหมายและกฏระเบียบเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน หน่วยงานที่
เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน สถานการณ์ และการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในพื้นที่ภาคกลาง
และภาคตะวันออก มีบทเรียนและข้อค้นพบที่สำคัญดังนี้
1.7.1 นโยบายการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศไทยและในต่างประเทศ
1) นโยบายการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศไทย มีการกำหนดนโยบายการจัดการสิ่งแวดล้อมระดับชาติ
โดยเฉพาะการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน รวมทั้งการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อกำจัด
ขยะมูลฝอยชุมชนอย่างต่อเนื่องในช่วง 23 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันรัฐบาลกำหนดนโยบายให้การจัดการปัญหาขยะมูล
ฝอยเป็นวาระแห่งชาติรวมทั้งการผลักดันการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนแบบกลุ่มพื้นที่เมือง รวมทั้งกำหนดนโยบาย
การจัดการขยะมูลฝอยชุมชนและขยะพลาสติกในระยะยาว 20 ปีข้างหน้า แต่ยังมีความท้าทายในการขับเคลื่อน

66

นโยบายเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนเมืองสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิผลและเน้นการมีส่วนร่วมของ
ประชาชนเพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาและการบริหารจัดการเมืองและการตั้งถิ่นฐานอย่างยั่งยืน

2) นโยบายการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในต่างประเทศ
• นโยบายการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศพัฒนาแล้วในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น
ประเทศสิงคโปร์ และประเทศไต้หวัน ประสบความสำเร็จในการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนโดยเน้นการ
ผสมผสานการใช้ทั้งมาตรการทางกฏหมาย การใช้เทคโนโลยีการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนเมืองที่ทันสมัย
และมาตรการการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยสมัครใจ
• นโยบายการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศในภูมิภาคยุโรป เน้นการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน
อย่างยั่งยืนตามหลักการลำดับชั้นของขยะมูลฝอยชุมชน การลดการทิ้งขยะมูลฝอยลงทะเล
การพัฒนาระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนโดยใช้ประโยชน์จากขยะมูลฝอยชุมชน การลดขยะพลาสติก
การใช้ประโยชน์จากขยะมูลฝอยชุมชนเพื่อเป็นพลังงานชีวภาพและเป็นต้นแบบในการใช้ประโยชน์จาก
ขยะมูลฝอยชุมชนเพื่อการผลิตไฟฟ้าอย่างจริงจัง ควบคู่ไปกับการใช้มาตรการทางกฏหมายและมาตรการ
ตามความสมัครใจที่เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนส่งผลให้มีการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่างมี
ประสิทธิผลและยั่งยืน สภาพแวดล้อมเมืองมีความน่าอยู่และประชาชนมีคุณภาพชีวิตทีดี
1.7.2 แนวทางการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในเมืองหลวงและเมืองปริมณฑลของเมืองหลวงในประเทศไทย
และในต่างประเทศ
ณ ปี พ.ศ. 2561 กรุงเทพมหานครเป็นมหานครขนาดใหญ่ (Megacity) มีจำนวนประชากรรวมทั้งสิ้น
10.15 ล้านคน โดยมีประชากรแฝงจำนวน 4.47 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 44.04 ของจำนวนประชากร
รวม อัตราการขยายตัวเฉลี่ยของประชากรระหว่างปี 2543-2561 ร้อยละ 2.6 และคาดว่าอัตราการขยายตัวเฉลี่ย
ของประชากรระหว่างปี 2561-2577 ร้อยละ 1.5 (องค์การสหประชาชาติ 2561) กรุงเทพมหานครได้กำหนด
ยุทธศาสตร์การจัดการขยะมูลฝอยชุมชนครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2520 และการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนยังเป็น
ประเด็นสำคัญในแผนพัฒนากรุงเทพมหานครระยะ 5 ปี จนถึงปัจจุบันซึ่งมีการใช้มาตรการจัดการ
ขยะมูลฝอยชุมชมแบบผสมผสานทั้งมาตรการกฏหมาย การใช้หลักการ 3R คือการลดขยะมูลฝอยชุมชน การใช้ซ้ำ
และการนำกลับมาใช้ประโยชน์ การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และการใช้มาตรการการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน
โดยสมัครใจ แต่ยังไม่มีแผนงานหรือแนวปฏิบัติใดที่สามารถจัดการปัญหาขยะมูลฝอยชุมชนได้อย่างมีประสิทธิผล
และทันต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการเพิ่มขึ้นของประชากรอย่างก้าวกระโดด แผนพัฒนา
กรุงเทพมหานครระยะ 20 ปี (พ.ศ.2556 - 2575) จึงอาจเป็นความหวังเพื่อเปลี่ยนแปลงจาก“ขยะล้นเมือง”

67

และมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายการเป็นเมืองที่มีขยะเป็นศูนย์เพื่อขับเคลื่อนกรุงเทพมหานครสู่การเป็น
“มหานครแห่ง-เอเชีย”ในอนาคต
สำหรับการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในเมืองปริมณฑลของเมืองหลวงและเมืองขนาดใหญ่ในต่างประเทศ
ครอบคลุมจำนวน 3 เมืองคือมหานครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
และเมืองเดลฟ์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยแต่ละเมืองมีการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชน
เป็นของตนเองโดยมีการกำหนดขั้นตอนในการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่างเข้มงวดและเป็นระบบ มีการ
ผสมผสานการใช้มาตรการทางกฏหมาย มาตรการความสมัครใจและการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน
การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและการใช้นวัตกรรมในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนส่งผลให้มีคุณภาพ
สิ่งแวดล้อมเมืองที่น่าอยู่อย่างยั่งยืนและประชาชนในเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดี
1.7.3 กฏหมายและกฏระเบียบเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ
การจัดการขยะมูลฝอยชุมชน
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับขยะมูลฝอยชุมชนได้รับการบัญญัติไว้ในกฎหมายหลายฉบับในลักษณะการแทรกตัวอยู่ใน
กฎหมายอื่นๆหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือเป็นเพียงส่วนย่อยของกฎหมายนั้นๆเท่านั้น แต่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมาย
ที่บัญญัติเกี่ยวกับขยะมูลฝอยและการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนโดยตรงหรือเป็นการเฉพาะในฉบับเดียวกันที่
สามารถนำมาใช้ควบคุมป้องกันหรือแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยแบบเบ็ดเสร็จ (พิรียุตม์ วรรณพฤกษ์ 2555 อ้างถึงใน
ปิยชาติ ศิลปสุวรรณ 2557) โดยกฎหมายที่มีความเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนที่สำคัญมี
จำนวน3 ฉบับคือ (1) พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม
ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2561 กฎหมายฉบับนี้แม้จะมีการกล่าวถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมแต่ไม่ได้มุ่งเน้นการจัดการ
ขยะมูลฝอยชุมชนโดยตรง (2) พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 กฎหมายฉบับนี้แม้จะเน้นถึงการจัดการ
ขยะมูลฝอยแต่เป็นการแก้ไขที่ปลายทางโดยไม่ได้เริ่มตั้งแต่ต้นทางแบบครบวงจร และ (3) พระราชบัญญัติรักษา
ความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2560

นอกจากนี้ยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นในการรักษาความสะอาดจำนวน 6 ฉบับ
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการผลิตพลังงานจากขยะมูลฝอยจำนวน 4 ฉบับ และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ
ขยะมูลฝอยชุมชนตั้งแต่ระดับโยบายประกอบด้วย สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กรมควบคุมมลพิษ กรมส่งเสริมสิ่งแวดล้อม สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน และระดับพื้นที่ประกอบด้วย
จังหวัด และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นทุกประเภท

68

1.7.4 สถานการณ์ แนวโน้ม และการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก
ยังประสบปัญหาขยะล้นเมืองโดยพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกรวมทั้งพื้นที่กรุงเทพมหานครมีปริมาณ
ขยะมูลฝอยทั้งสิ้น 34,805 ตัน/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 45.47 ของปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนทั้งประเทศ
มีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนที่ได้รับการกำจัดถูกต้องจำนวน 19,868 ตัน/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 66.83
เมื่อปี 2561 พื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกไม่รวมกรุงเทพมหานครมีอัตราขยะมูลฝอยชุมชนที่ได้รับการกำจัด
อย่างถูกต้องร้อยละ 26.13-59.54 สำหรับขยะมูลฝอยชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครได้รับการกำจัดอย่างถูกต้อง
ทั้งหมด 100 % โดยกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑลมีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนจำนวนมากที่สุด 7,095 ตัน/วัน
เนื่องจากการกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความเป็นเมืองยังคงกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร
รองลงมาเป็นกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 1 กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1
กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 และกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 2 ตามลำดับ และกลุ่มจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง
และภาคตะวันออกไม่รวมกรุงเทพมหานครยังมีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนที่ได้รับการกำจัดไม่ถูกต้องมีสัดส่วน
ร้อยละ 16.31-40.29 ดังนั้นปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนที่มีการกำจัดไม่ถูกต้องจึงเป็นปัญหาสำคัญและมีความ
ท้าทายต่อการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่างยั่งยืนทั้งในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก

1.7.5 กรณีศึกษาการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของจังหวัดปริมณฑลในพื้นที่ภาคกลาง:
การเปรียบเทียบแนวปฏิบัติของจังหวัดนครปฐม และจังหวัดนนทบุรี
จังหวัดนครปฐมเป็น 1 ใน 5 จังหวัดปริมณฑลของกรุงเทพมหานครเริ่มประสบปัญหาปริมาณขยะมูลฝอยชุมชน
เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากการการขยายตัวของความเป็นเมือง นโยบายการพัฒนาและนโยบายการบริหาจัดการ
ขยะมูลฝอยรวมของแต่ละองค์การบริหารส่วนจังหวัดไม่เหมือนกัน โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐมเน้น
การรวบรวมขยะมูลฝอยอันตรายจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของทั้งจังหวัด แต่ปัจจุบันได้ให้ความสำคัญกับ
การจัดการขยะมูลฝอยชุมชนมากขึ้นเนื่องจากจังหวัดนครปฐมเป็น 1 ใน 6 จังหวัดที่มีปัญหาขยะมูลฝอยชุมชน
ตกค้างของประเทศ อย่างไรก็ตาม อบจ.นครปฐมยังขาดความพร้อมทั้งในเชิงการบริหาร บุคลากรที่มีองค์ความรู้
และความเชี่ยวชาญ และความเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่มีนวัตกรรมในการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน ปัจจุบันมีการ
กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนออกเป็น 4 รูปแบบ แบ่งพื้นที่กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนออกเป็น 3 คลัสเตอร์
โดย อบจ.นครปฐมเห็นว่าควรยุบคลัสเตอร์จัดการขยะมูลฝอยชุมชนของทั้งจังหวัดให้เหลือเพียง 1 คลัสเตอร์เพื่อ
ความสะดวกในการบริหารจัดการและทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) จังหวัดจังหวัด
นครปฐมได้กำหนดนโยบายจังหวัดสะอาดและจัดทำประกาศเรื่อง วิธีบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนด้วยตนเอง
และอบจ.นครปฐมและเทศบาลนครนครปฐมได้บูรณาการแผนงาน/โครงการดำเนินงานร่วมกันโดยได้บรรจุ

69

โครงการก่อสร้างและปรับปรุงสถานกำจัดขยะมูลฝอยของเทศบาลนครนครปฐมไว้ในแผนพัฒนาท้องถิ่นของ
อบจ.นครปฐม (พ.ศ.2561-2565) รวมทั้งได้บูรณาการไว้ในแผนพัฒนาจังหวัดนครปฐมแล้ว

ในขณะที่จังหวัดนนทบุรีซึ่งเป็น 1 ใน 5 จังหวัดปริมณฑลของกรุงเทพมหานครได้ประสบปัญหาปริมาณ
ขยะมูลฝอยชุมชนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากการการขยายตัวของความเป็นเมืองมาเป็นระยะเวลานาน ดังนั้น
องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรีจึงจัดให้เป็นปัญหาที่อยู่ในลำดับความสำคัญเร่งด่วนที่สุดที่ต้องเร่งแก้ไขโดยได้
กำหนดนโยบายและพัฒนาแนวทางการจัดการสิ่งแวดล้อมแบบบูรณาการระยะยาวและเป็นระบบตามหลักวิชาการ
มาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 34 ปี (พ.ศ.2529-2563) โดยมีวิธีการจัดการตามประเภทของขยะมูลฝอย
ประกอบด้วย ขยะมูลฝอยชุมชน ขยะมูลฝอยติดเชื้อ และขยะมูลฝอยอันตราย และมีความร่วมมือกับ อปท.ใน
จังหวัดนนทบุรีอย่างใกล้ชิด โดยมีการลงทุนใช้เทคโนโลยีการจัดการขยะมูลฝอยที่เหมาะสมและเกิดการประหยัด
จากการขยายขนาด (Economies of Scale) รวมทั้งมี อปท.จากจังหวัดปริมณฑลใกล้เคียงมาร่วมใช้บริการ และมี
โรงกำจัดมูลฝอยติดเชื้อที่ให้บริการครอบคลุมทั้งพื้นที่ภาคกลาง เนื่องจากมีพื้นที่กำจัดขยะมูลฝอยจำกัดและ
ต้องการลดผลกระทบของศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยต่อชุมชนที่ตั้งอยู่โดยรอบปัจจุบัน อบจ.นนทบุรีอยู่ระหว่างการ
เตรียมการพัฒนาโรงไฟฟ้าจากขยะมูลฝอย ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวได้ว่าศูนย์กำจัดมูลฝอยของ อบจ.นนทบุรี เป็น
ตัวอย่างที่ดีที่สุด (Best Practice) ในการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนเนื่องจากมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการ
สิ่งแวดล้อมที่ถูกต้องตามหลักวิชาการมาอย่างยาวนานและกำลังพัฒนาไปสู่การเป็นเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้าน
การจัดการสิ่งแวดล้อมแบบบูรณาการระดับประเทศ
1.7.6 ตัวอย่างการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนที่ดีและยั่งยืนระดับเมืองในประเทศไทยและในต่างประเทศ
1) ตัวอย่างการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนที่ดีและยั่งยืนระดับเมืองในประเทศไทย
การคัดเลือกเมืองตัวอย่างที่มีการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนที่ดีและยั่งยืนในประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 5 เมือง
โดยจำแนกเมืองออกเป็น 3 ขนาด และกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกตามขนาดของเมือง คือ (1) เมืองขนาดใหญ่
คัดเลือกจำนวน 1 เมืองคือเทศบาลนครนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ (2) เมืองขนาดกลางคัดเลือกจำนวน
2 เมืองคือเทศบาลเมืองทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช และเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
และ (3) เมืองขนาดเล็กคัดเลือกจำนวน 2 เมืองคือ เทศบาลตำบลเขาพระงาม จังหวัดลพบุรี และเทศบาลตำบล
กำแพง จังหวัดสตูล โดยแต่ละเมืองต้องเคยได้รับรางวัลการจัดการสิ่งแวดล้อมด้านการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน
หรือรางวัลด้านบริหารจัดการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนจากองค์กรอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้สามารถถอดบทเรียน
การเป็นตัวอย่างที่ดีในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนระดับเมือง

70

จากการวิเคราะห์ปัจจัยแห่งความสำเร็จของเทศบาลตัวอย่างทั้ง 3 ขนาด จำนวน 5 เมืองที่มีการบริหารจัดการขยะ
มูลฝอยชุมชนอย่างยั่งยืนเหมือนพบว่ามีปัจจัยที่มีความคล้ายคลึงกัน (Common Success Factors) ได้แก่
มีกลไกการบริหารจัดการที่มีการประสานความร่วมมือระหว่างเทศบาล ชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ
ภายในจังหวัดอย่างใกล้ชิด มีการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนตั้งแต่ต้นทางคือระดับครัวเรือนจนถึงโรงคัดแยก
ขยะมูลฝอยชุมชนของเทศบาล มีความเป็นผู้นำของผู้บริหารของเทศอย่างเข้มแข็งในการกำหนดนโยบายมุ่งสู่การ
เป็นเมืองปลอดขยะมูลฝอยชุมชนและการขับเคลื่อนการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่างจริงจังและเป็นรูปรรม
การได้รับการสนับสนุนทั้งทางด้านวิชาการและงบประมาณสนับสนุนจากหน่วยงานส่วนกลางผ่านสำนักงาน
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของจังหวัด และการมีพื้นที่และสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนเป็นของ
เทศบาลเองและมีบุคลากรที่รับผิดชอบด้านการโดยตรงทำให้สามารถดำเนินการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนได้อย่างมี
ประสิทธิภาพมากขึ้น
2) ตัวอย่างการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนที่ดีและยั่งยืนระดับเมืองในต่างประเทศ
ประกอบด้วย 2 เมืองคือ (1) ลุบลิยานา เมืองหลวงของประเทศสโลวีเนียซึ่งบรรลุเป้าหมายเป็นเมืองที่
ปลอดขยะมูลฝอยชุมชนโดยมีการขับเคลื่อนอย่างเป็นขั้นตอนเริ่มจากการการคัดแยกขยะมูลฝอยชุมชนเมื่อปี
พ.ศ.2545 การจัดเก็บขยะมูลฝอยที่เน่าเสียได้จากแต่ละครัวเรือน และแนวคิดนี้จะกลายเป็นข้อบังคับในภูมิภาค
ยุโรปในปี พ.ศ.2566 ปัจจุบันอัตราการรีไซเคิลเพิ่มขึ้นเป็น 68 % และขยะมูลฝอยฝังกลบลดลง 80 % ทำให้ลุบลิ
ยานากลายเป็นเมืองหลวงที่มีการรีไซเคิลเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคยุโรป และเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของของ
ภูมิภาคยุโรปที่มุ่งสู่เป้าหมายเมืองปลอดขยะมูลฝอยชุมชน (Zero Waste) และ (2) เมืองคามิคาซึ (Kamikatsu)
ซึ่งเป็นเมืองขนาดเล็กของประเทศญี่ปุ่นมีการแยกขยะมูลฝอยมากถึง 45 ประเภท และมีการวางแผนการจัดการ
ขยะมูลฝอยชุมชนอย่างเป็นขั้นตอนเช่นเดียวกัน โดยเมื่อปี พ.ศ. 2546 โดยพวกเขาได้นำแนวคิดให้เป็นเมืองปลอด
ขยะมูลฝอยชุมชน (Zero Waste) และปัจจุบันชาวเมืองคามิคาซึได้ดำเนินการก้าวหน้าแล้ว 80 % โดยไม่มี
รถขนขยะมูลฝอยที่เก็บรวบรวมขยะจากที่อยู่อาศัยหากแต่ประชาชนต้องนำขยะมูลฝอยชุมชนไปส่งที่ศูนย์รีไซเคิล
ขยะมูลฝอยชุมชนด้วยตนเอง ในที่สุดเมืองเล็กๆนี้ก็มีความชำนาญด้านการรีไซเคิลทำให้มีขยะมูลฝอยชุมชน
เหลือเพียง 20 % เท่านั้นที่นำไปฝังกลบ และพวกเขาหวังว่าจะเป็นเมืองปลอดขยะมูลฝอยชุมชนภายใน
ปี พ.ศ. 2563

71

บรรณานุกรม
ภาษาไทย
กรมควบคุมมลพิษ 2557 หลักเกณฑ์ และเอกสารวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะมูลฝอยและของเสีย
อันตราย เข้าถึงจาก http//infofile.pcd.go.th/waste/topic15.pdf?CFID=19440059
&CFTOKEN=14202960 เข้าถึงเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2563
กรมควบควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2547 การจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่าง
ครบวงจร เข้าถึงจาก http://www.pcd.go.th/info_serv/waste_garbage.html เข้าถึงเมื่อ 22
พฤษภาคม 2563
กรมควบควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2548 แนวทางและข้อกำหนดเบื้องต้นการ
ลดและใช้ประโยชน์ขยะมูลฝอย เข้าถึงจาก http://www.pcd.go.th/info_serv/waste_3r.htm
เข้าถึงเมื่อ 22 พฤษภาคม 2563
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 2555 คู่มือ 3Rs กับการจัดการของเสียภายในโรงงาน เข้าถึงจาก
http//www2.diw.go.th/iwmb/form/iwd040_%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%A7
%E0%B8%81%20%E0%B8%84_%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%
B8%B7%E0%B8%AD3Rs.pdf เข้าถึงเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2563
กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ 2555 เซี่ยงไฮ้นําร่องระเบียบการจัดการขยะในจีน
เข้าถึงจาก https//globthailand.com/china-29082019/ เข้าถึงเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2563
คณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา 2545 กรณีการฝังกลบขยะในพื้นที่ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลีจังหวัด
สมุทรปราการ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ราษฎร รายงานการพิจารณาศึกษากรุงเทพฯ สำนัก
กรรมาธิการ 1 สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร 2558 รายงานการศึกษาฉบับสุดท้ายโครงการศึกษาแนวทางการ
พัฒนาเมืองในพื้นที่ภาคกลาง เสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
จรีรัตน์ สกุลรัตน์ 2558 รูปแบบระบบการจัดการมูลฝอยชุมชนที่ยั่งยืนสำหรับองค์กรปกครองท้องถิ่นในพื้นทีลุ่มน้ำ
ทะเลสาบสงขลาตอนล่าง สงขลา กลุ่มวิจัยการจัดการมูลฝอยและกากของเสียอันตราย
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หน่วยวิจัยการเรียนรู้เชิงบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพ
สังคมอย่างยั่งยืน มหาวิทยาลัยทักษิณ

72

ชนิดา เพชรทองคำ และคณะ 2554 การบริหารจัดการขยะและเทคโนโลยีที่เหมาะสมโดยการมีส่วนร่วมของ
ชุมชน: กรณีศึกษา อบต.ไร่ส้ม จ.เพชรบุรี [ข้อมูลอิเลคทรอนิค] โครงการพัฒนาและส่งเสริมความร่วมมือ
เครือข่ายนักวิจัยสิ่งแวดล้อม กรุงเทพ ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมคุณภาพ
สิ่งแวดล้อม
ณิชชา บูรณสิงห์ ไม่ระบุปี “ขยะพลาสติก” ปัญหาระดับโลกที่ต้องเร่งจัดการ เข้าถึงจาก
https://www.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/parliament_parcy/ewt_dl_link.php?nid=5860
3&filename=index เข้าถึงเมื่อ 29 ธันวาคม 2563
ฐิติรัตน์ อำไพ 2550 การจัดการขยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในประเทศไทย กรุงเทพฯ โรงพิมพ์แซทโฟร์
ฒาลิศา เนียมมณี 2554 กระบวนการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาขยะโดยการผลิตอินทรีย์สารเพื่อการเกษตรของ
ชุมชนบางนางลี่ จังหวัดสมุทรปราการ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา เข้าถึงจาก
http://ssruir.ssru.ac.th/bitstream/ssruir/531/1/099-54.pdf เข้าถึงเมื่อ 22 พฤษภาคม 2563
นัยนา เดชะ 2557 การมีส่วนร่วมของประชาชนในการในการจัดการขยะมูลฝอยของชุมชนตำบลเสม็ด
อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการสิ่งแวดล้อม
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ปิยชาติ ศิลปสุวรรณ 2557 บทความทางวิชาการ: ขยะมูลฝอยชุมชน ปัญหาใหญ่ที่ประเทศกำลังเผชิญ
[ข้อมูลอิเลคทรอนิค] 4 (7) เมษายน 2557
ปรีดา แย้มเจริญวงศ์ 2531 การจัดการขยะมูลฝอย=Solid waste management ขอนแก่น โรงพิมพ์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ผู้จัดการออนไลน์ 2561 สิงคโปร์ รั้งแถวหน้าโลก “บริหารจัดการขยะ” แต่ยอดการใช้พลาสติกผู้บริโภคกลับไม่ลด
เข้าถึงจาก https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9610000092538 เข้าถึงเมื่อ 20
ธันวาคม 2562
พิมผกา โพธิลังกา 2560 การจัดการขยะมูลฝอย ลำปาง คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
พิรียุตม์ วรรณพฤกษ์ 2555 การปรับปรุงนโยบายการจัดการขยะมูลฝอยของประเทศไทย [ข้อมูลอิเลคทรอนิค]
ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
พิศพร ศนา และโชติ บดีรัฐ 2558 การมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการขยะมูลฝอยในเขตพื้นที่เทศบาลนคร
พิษณุโลก [ข้อมูลอิเลคทรอนิค] รายงานสืบเนื่องจากการประชุมสัมมนาวิชาการนำเสนองานวิจัยระดับชาติและ

73

นานาชาติ (Proceedings) เครือข่ายบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎภาคเหนือ ครั้งที่ 15 หน้า 151-
164
พนิต ภู่จินดา และ ยศพล บุญสม 2559 แนวทางการพัฒนาเมืองต้นแบบ วารสาร เจ-ดี: วารสารการออกแบบ
สภาพแวดล้อม ปีที่ 3 ฉบับที่ 1 (มกราคม-มิถุนายน) หน้า 41-43
พัชรี หอวิจิตร 2536 การจัดการขยะมูลฝอย ขอนแก่น หน่วยสารบรรณ งานบริหารธุรการ
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ไพบูลย์ แจ่มพงษ์ 2560 การจัดการขยะมูลฝอย กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ไพโรจน์ คงทวีศักดิ์ 2552 เมืองคืออะไร? ฤาเป็นเพียงคำถามที่ไร้สาระ ภูมิศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงในล้านนา
วารสารสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปีที่ 21 ฉบับที่ 1/2552
ยุวัฒน์ วุฒิเมธี และสุวรรณ ภิรมย์ทอง 2558 การจัดการปัญหาขยะมูลฝอยในชุมชนเทศบาลนคร
พระนครศรีอยุธยา [ข้อมูลอิเลคทรอนิค] วารสารสังคมศาสตร์วิชาการ 8 (2) (กุมภาพันธ์-พฤษภาคม)
หน้า 7-29 สำนักวิชาสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย
วิชัย โถสุวรรณจินดา 2558 บทความวิจัย: มาตรการทางกฏหมายในการจัดการขยะมูลฝอยของประเทศไทย [ข้อ
มูลอิเลคทรอนิค] ส่วนหนึ่งของการศึกษาในหลักสูตร ประกาศนียบัตรธรรมภิบาลสิ่งแวดล้อมสำหรับ
ผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 2 พ.ศ. 2558
ศูนย์บริการข้อมูลเศรษฐกิจระหว่างประเทศ 2559 4 ปัจจัยความสำเร็จในการจัดการขยะแบบสวีเดน
กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (Department of International Economic Affairs) เข้าถึงจาก
http://www.mfa.go.th/business/th/articles/88/68972-4-9.html เข้าถึงเมื่อ 14 ธันวาคม 2562
ศูนย์ข้อมูลกรุงเทพมหานคร 2520 แผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ฉบับที่ 1 เข้าถึงจาก
http//203.155.220.230/bmainfo/docs/plans/plan1.pdf เข้าถึงเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2563
ศูนย์ข้อมูลกรุงเทพมหานคร 2520 แผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ฉบับที่ 2 เข้าถึงจาก
http//203.155.220.230/bmainfo/docs/plans/plan2.pdf เข้าถึงเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2563
ศูนย์ข้อมูลกรุงเทพมหานคร 2520 แผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ฉบับที่ 3 เข้าถึงจาก
http//203.155.220.230/bmainfo/docs/plans/plan3.pdf เข้าถึงเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2563
ศูนย์ข้อมูลกรุงเทพมหานคร 2520 แผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ฉบับที่ 4 เข้าถึงจาก
http//203.155.220.230/bmainfo/docs/plans/plan4.pdf เข้าถึงเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2563

74

ศูนย์ข้อมูลกรุงเทพมหานคร 2520 แผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ฉบับที่ 5 เข้าถึงจาก
http//203.155.220.230/bmainfo/docs/plans/plan5.pdf g-เข้าถึงเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2563
ศูนย์ข้อมูลกรุงเทพมหานคร 2520 แผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ฉบับที่ 6 เข้าถึงจาก
http//203.155.220.230/bmainfo/docs/plans/plan6.pdf เข้าถึงเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2563
ศูนย์ข้อมูลกรุงเทพมหานคร 2520 แผนการบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕48-๒๕51 เข้าถึงจาก
http//203.155.220.230/bmainfo/docs/plans/manage1.pdf เข้าถึงเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2563
ศูนย์ข้อมูลกรุงเทพมหานคร 2520 แผนการบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๕2-๒๕55 เข้าถึงจาก
http//203.155.220.230/bmainfo/docs/plans/manage2.pdf เข้าถึงเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2563
ศูนย์ข้อมูลกรุงเทพมหานคร 2520 แผนการบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ เข้าถึง
http//203.155.220.230/bmainfo/docs/plans/2Management%20Plan%20governor%202556-
2560.pdf เข้าถึงเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2563
ศูนย์ข้อมูลกรุงเทพมหานคร 2520 แผนวิสัยทัศน์ของประชาชนเพื่อการพัฒนากรุงเทพมหานครระยะ ๒๐ ปีเข้าถึง
จาก http//203.155.220.230/bmainfo/docs/plans/Bangkkok_newgreen.pdf เข้าถึงเมื่อ
17 กุมภาพันธ์ 2563
ศูนย์ข้อมูลกรุงเทพมหานคร 2520 แผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ระยะ 12 ปี (พ.ศ. 2552-2563) เข้าถึงจาก
http//203.155.220.230/bmainfo/docs/plans/1plan%20development%2012%
20year%20(%202552-2563).pdf เข้าถึงเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2563
ศูนย์ข้อมูลกรุงเทพมหานคร 2520 แผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2556-2559) เข้าถึงจาก
http//203.155.220.230/bmainfo/docs/plans/1plan%20development%2012%20year%
20time%202%20(%202556-2559).pdf เข้าถึงเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2563
ศูนย์ข้อมูลกรุงเทพมหานคร 2520 แผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2556-2575) เข้าถึงจาก
http//203.155.220.230/bmainfo/docs/plans/1_1PlanDevelopBangkok20Year2556-
2575_THAI.pdf เข้าถึงเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2563
สินาถ ตรีวรรณไชย 2559 เมืองเกิดขึ้นได้อย่างไร (How Cities Exist) เข้าถึงจากhttp://medium.com/
@treewanchai เข้าถึงเมื่อ 17 มิถุนายน 2562
สุภาภรณ์ ศิริโสภนา 2549 บทความวิชาการ: ขยะชุมชน สถานที่ฝังกลบ และการฟื้นฟู [ข้อมูลอิเลคทรอนิค]
วารสารวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 22 (2) ธันวาคม หน้า 104-121

75

สภาวิศวกร ไม่ระบุปีที่พิมพ์ เอกสารระบบขยะมูลฝอย เข้าถึงจาก http://www.coe.or.th/http_public/
download/Articles/ENV/CH9.pdf เข้าถึงเมื่อ 22พฤษภาคม 2563
สมสกุล ลิขนะจุล 2555 การจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี กลุ่มงานภาษาสเปน
เยอรมันและอาหรับ สำนักภาษาต่างประเทศ สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา
สำนักงานที่ปรึกษาด้านอุตสาหกรรมในต่างประเทศประจำกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย 2558 แนวทางการ
จัดการของเสียของสหภาพยุโรป กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานที่ปรึกษาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ 2562 การจัดการ
ขยะ ลดพลาสติก และพัฒนาพลาสติกชีวภาพในยุโรป รายงานผลการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลนโยบาย
มาตรการในสหภาพยุโรปประกอบข้อเสนอแนะนโยบายด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของ
ประเทศไทย
สำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 2562 การจัดการขยะมูลฝอยในประเทศไทย เข้าถึงจาก
https://library2.parliament.go.th/ebook/content-ebbas/2562-acd3.pdf เข้ า ถึ ง เมื่ อ 1 5
พฤศจิกายน 2562
สำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข 2546 กฎกระทรวงว่าด้วยการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ.
2545 นนทบุรี
อาณัติ ต๊ะปินตา 2553 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอย กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย
อรทัย ก๊กผล 2559 Urbanization เมื่อเมืองกลายเป็นโจทย์ของการบริหารจัดการท้องถิ่นสมัยใหม่ วิทยาลัยการ
ปกครองท้องถิ่น สถาบันพระปกเกล้า 220 หน้า กรุงเทพฯ จัดพิมพ์โดย บริษัทแพคเก็จจิ้ง (2014) จำกัด
สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดนครสวรรค์ 2562 เอกสารผลงานการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน
“จังหวัดสะอาด” จังหวัดนครสวรรค์ 42 หน้า
สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 15 ภูเก็ต 2562 เอกสารรายงานการติดตามและประเมินสมรรถนะระบบกำจัดขยะมูล
ฝอยชุมชนภายใต้ปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด
ภาษาอังกฤษ
ABRELPE. nd. Solid Waste: Guidelines for Successful Planning. ABRELPE, SAO PAOLO. (Online)
เข้าถึงวันที่ 2 มีนาคม 2563

76

Anshutz, J., IJgosse, J., and Scheinberg, A. 2 0 0 4 . Putting Integrated Sustainable Waste
Management Into Practice: Using the ISWM Assessment Methodology as Applied in the
UWEP Plus Programme (2 0 0 1–2 0 0 3 ).WASTE, Gouda, the Netherlands. (Online)
https://www.eawag.ch/fileadmin/Domain1/Abteilungen/sandec/schwerpunkte/sesp/CLUES
/Toolbox/t12/D12_1_Anschuetz_et_al_2004.pdf เข้าถึงวันที่ 10 มีนาคม 2563
Chiemchaisri, C., Juanga, J. P., and Visvanathan, C.2006.Municipal solid waste management in
Thailand and disposal emission inventory. Environ Monit Assess. DOI 10.1007/s10661-007-
9707-1.
Khatib, I. A. 2011. Municipal Solid Waste Management in Developing Countries: Future
Challenges and Possible Opportunities, Integrated Waste Management, Volume II, DOI:
10.5772/16438. เข้าถึงวันที่ 2 มีนาคม 2563
United States Environmental Protection Agency (EPA). nd. Sustainable Materials Management:
Non-Hazardous Materials and Waste Management Hierarchy. EPA, USA. เข้าถึงจาก
https://www.epa.gov/smm/sustainable-materials-management-non-hazardous -materials-
and-waste-management-hierarchy เข้าถึงวันที่ 2 มีนาคม 2563
Wilson D. C., Velis, C. A., and Rodic, L. 2014. Integrated sustainable waste management in developing
countries. Waste and Resource Management, Volume 166, Issue WR2, pp. 52-68.
Websites
https://www.bbc.com/thai/international-48459370 เข้าถึงเมื่อวันที่ 15 กรกฏาคม 2562
https://positioningmag.com/1262843 เข้าถึงเมื่อ 8 พ.ค.2563
https://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_30Jul2019.aspx เข้าถึง
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2562
https://www.mhesi.go.th/main/STBookSeries/BS003CircularEconomy.pdf เข้าถึงเมื่อวันที่ 11ธันวาคม
2562
http://www.industry.go.th/center_mng/index.php/2016-04-24-18-07-42/2016-04-24-18-09-
38/2016-04-24-18-10-07/item/12060-circular-economy เข้าถึงเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2562

77

https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/1073822?fbclid=IwAR3Wk7_wOAs977MyGVyjjX5i
blI1wWBzy87iH04gk7X3chi97hrqTlw2olg เข้าถึงเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2562
https://sdthailand.com/2019/07/jose-adolfo-peruvian-boy-banker/?fbclid=IwAR01ZRefyg RpuLul
3MVVWYLZnpS_wK_qgKnT8fvP7giZe9TjaFNARGqSXm4 เข้าถึงเมื่อวันที่ 15 กรกฏาคม 2562
https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9620000124434 เข้าถึงเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563
https://www.ryt9.com/s/cabt/3085297 เข้าถึงเมื่อ 20 มีนาคม 2563
https://waymagazine.org/zero-waste-at-ljublijana/ เข้าถึงเมื่อ 12 พฤษภาคม 2563
http://realmetro.com/kamikatsu-แยกขยะ/ เข้าถึงเมื่อ 12 พฤษภาคม 2563
http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=15&chap=8&page=t15-8-
infodetail06.html เข้าถึงเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2562
http://arts.kmutt.ac.th/ssc210/Group%20Project/G244/G06/pages/part2_4.html
http://www.pcd.go.th/info_serv/waste_garbage.htmlเลี้ยงสัตว์
https://www.youtube.com/watch?v=3e1hYX1tZJE
https://www.peoplesfridge.com/what-s-the-story-1
http://www.designindaba.com/articles/creative-work/people%E2%80%99s-fridge-effort-reduce-
food-waste-and-combat-hunger
http://www.dla.go.th/work/garbage.pdf
http://dn.core-website.com/public/dispatch_upload/backend/core_dispatch_162169_1.pdf
http://www.dla.go.th/work/garbage2.PDF
http://kontb.blogspot.com/2017/11/2560.html
http://www.pcd.go.th/info_serv/waste_garbage.html#s2
http://www.mfa.go.th/business/th/articles/88/68972-4-9.html
https://sites.google.com/site/tmmintmynt/kar-ld-laea-kar-chi-prayochn-khya-mulfxy
https://www.youtube.com/watch?v=wEHcEf5EO8M เข้าถึงเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2563

78

https://poonamtongtin.com/497 /ประกาศแล้ว!%20ผลการประเมินเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน%20ปี%2062 เข้าถึง
เมื่อ 13 กรกฎาคม 2563
https://www.greenpeace.org/thailand/press/17500/plastic-statement-ban-control-plastic-waste-
in-thailand/ เข้าถึงเมื่อ 30 ธันวาคม 2563
https://www.xinhuathai.com/inter/163164_20201223?fbclid=IwAR0mhCG2t7saKL7mUWrchwYrTZ
WrJPsbs1cZtNyHcB3hAuxWasIyw43EG9I เข้าถึงเมื่อ 29 ธันวาคม 2563
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/911703 เข้าถึงเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2564
http://www.tei.or.th/file/events/4P-LAW_283.pdf เข้าถึงเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2564
https://mgronline.com/politics/detail/9640000005505 เข้าถึงเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2564
https://www.greennetworkthailand.com เข้าถึงเมื่อ 10 กมภาพันธ์ 2564
https://www.posttoday.com/economy/news/637040 เข้าถึงเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2564
Tags